|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ดอกบัวครรภ์รักษามีวิธีใช้อย่างไร?
ตอบ : ห่อผ้าขาวบางต้มกับน้ำมะพร้าวอ่อน ๓ ผล พอเดือดก็ยกลงทิ้งให้เย็น กินเช้า ๑ แก้ว เย็น ๑ แก้ว พอหมดแล้วต้มอีก ๓ ผล กินหมดแล้วต้มอีก ๓ ผล รวมต้ม ๓ ครั้ง จำนวน ๙ ผล เศษที่เหลือให้ลอยทิ้งน้ำไป ตอนกินก็อธิษฐานขอให้คลอดง่าย มีความปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก ให้เด็กเกิดมาแข็งแรง สมบูรณ์ เลี้ยงง่าย โตเร็ว เฉลียวฉลาด กตัญญู ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ถ้าเป็นผู้ชายขอให้ได้บวชสักหนึ่งพรรษา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2019 เมื่อ 06:07 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ใช้ของพวกโทรศัพท์มือถือแล้วเสียบ่อยมาก เสียแบบไม่มีสาเหตุด้วย เหมือนกับผ่านคลื่นแม่เหล็กแล้วถูกลบข้อมูลไปหมด เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ใช่ไหม ?
ตอบ : บางทีก็อยู่ที่ตัวเราเหมือนกัน บางคนมีสนามแม่เหล็กในตัวเองสูงมาก พวกสนามแม่เหล็กนี้จะอยู่ในทุกอวัยวะ บางคนสนามแม่เหล็กมีคลื่นสูงมากเป็นพิเศษ ทำให้ของใช้เสียเร็ว ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องภายนอก เป็นที่ตัวเราเอง ถาม : แก้อย่างไร? ตอบ : อยู่ห่าง ๆ ของใช้ อย่าเอาติดตัวไว้ ถ้าติดตัวไว้จะเสียเร็ว อวัยวะทุกส่วนเราส่งคลื่นแม่เหล็กออกมาได้ ถ้าหากทางสายปฏิบัติเขาเรียกว่า "รัศมี" หรือ "รังสี" ฝรั่งเขาเรียกว่า "ออร่า" คนไหนที่พลังงานแรง ๆ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จะพังหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2019 เมื่อ 06:08 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการเมืองว่า "มีเบอร์ในดวงใจหรือยังว่าจะเลือกใคร ? นักการเมืองโดยเฉพาะบุคคลที่ได้ขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่คนช่างสังเกตหรือลงไปขลุกกับงานด้วยตัวเองแล้ว จะโดนปิดบังอยู่ตลอดเวลา
คนเขาจะบอกแต่ในสิ่งที่ชอบฟัง แต่จะไม่บอกในสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น..เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อบกพร่องตรงไหน คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นดีแล้วทั้งนั้น เจอแต่พวก "ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน" ก็กลายเป็นว่าทุกอย่างที่ทำนั้นดีหมด กว่าจะรู้ว่าไม่ดี คู่ต่อสู้ก็เอาไข่ไปชั่งกิโลเยาะเย้ยแล้ว..! ดังนั้น..ถ้าก้าวขึ้นไปสู่ที่สูงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็คือยังขลุกกับงานอยู่เหมือนเดิม ถ้าไปปล่อยให้คนอื่นทำแทน ตัวเราเองจะไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงเลย เขาจะชงแต่เรื่องดี ๆ ให้ตลอด" ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : สามก๊กบอกว่าแกล้งโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้ แต่ถ้าโง่โดยไม่ต้องแกล้ง ถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2011 เมื่อ 18:51 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ถ้าจะแกะกรอบพระเลี่ยมทอง จากองค์หนึ่งไปอีกองค์หนึ่ง จะเป็นอะไรหรือไม่ ?
ตอบ : ดูเจตนาด้วย เจตนาครั้งแรกเราตั้งใจถวายเป็นพุทธบูชาแล้วไปแกะนี่เป็นเรื่องเลย แต่ถ้าประเภทเงินทองเหลือเฟือมีกี่องค์เราเลี่ยมหมด ก็ทำได้ ถาม : เงินไม่เหลือหรอกครับ ตอนแรกเลี่ยมเพราะชอบองค์นี้ นาน ๆ ไปรักอีกองค์ ตอบ : ไม่เป็นไร บอกท่านว่าผมจะไปตัดจีวรให้ กรุณาหาเงินค่าจีวรให้ผมด้วย ถาม : ถ้าเกิดหาจีวรไม่ได้ เลยเอาจีวรท่านไปขายเล่าครับ ? ตอบ : เหมือนกัน ถ้าตั้งใจถวายจะเป็นพุทธบูชา แล้วไปทำอย่างนั้นก็ซวยไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ตั้งเจตนาไว้ก่อนก็แกะไปเถอะ มีเงินแล้วค่อยเลี่ยมให้ท่านใหม่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2011 เมื่อ 18:52 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงในหลวงว่า "ในหลวงทรงบารมีสิบครบถ้วนสมบูรณ์น่าชื่นชม วันแรกที่ขึ้นครองราชย์ก็ตรัสว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม" ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ๖๐ กว่าปีแล้ว พระองค์ยังไม่เคยผิดสัญญาเลย สัจจะบารมีเต็มเปี่ยมจริง ๆ บารมีตัวไหนเต็มเสียตัวหนึ่ง ตัวอื่นก็พลอยเต็มไปด้วย เพราะใช้กำลังใจเท่ากัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-06-2011 เมื่อ 08:29 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราจะแก้นิสัยขี้สงสัยในการปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้จ้ะ ตั้งหน้าตั้งตาทำให้เกิดผลแล้วจะหายสงสัยไปเอง ถ้าไม่สงสัยเราก็ไม่ดิ้นรนค้นคว้า เพียงแต่ว่าเราปฏิบัติให้เกิดผล ก็จะหมดความสงสัยในที่สุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-06-2011 เมื่อ 10:22 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ฝันว่าถือพระคำข้าวมาถวายท่าน อย่างนี้ต้องทำตามฝันไหม ?
ตอบ : ฝันเห็นพระเขาถือว่าเป็นมงคลใหญ่ โดยเฉพาะพระคำข้าว ท่านเด่นในทางให้ลาภ ดังนั้น..ตั้งใจขอบารมีท่านสงเคราะห์เราก่อน เหลือเมื่อไรค่อยเอามาถวายพระ ถ้าฝันแล้วต้องทำตาม ฝันว่าเป็นหนี้พระก็ยุ่งสิ..มิต้องจ่ายกันบานตะไทเลยหรือ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ฤกษ์ดีในการปลูกบ้าน เปิดร้านค้า ควรใช้ฤกษ์ไหน ?
ตอบ : ปลูกบ้านปลูกเรือน ตั้งร้านค้า ใช้วันศุกร์ข้างขึ้น เดือนคู่ แต่เดือนคู่นี้ให้เว้นเดือนแปดข้างแรมกับเดือนสิบ เพราะอยู่ในช่วงเข้าพรรษา เขาถือกัน แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าสร้างเสร็จแล้วจะเปิดกิจการใหม่ ให้ใช้ฤกษ์วันอื่นที่ไม่ใช่วันศุกร์ ถาม : แล้วกี่ค่ำ ? ตอบ : ให้ข้างขึ้นไว้ก่อน จะกี่ค่ำก็ช่าง เขาถือเคล็ดคำว่า "ขึ้น" จะได้เจริญรุ่งเรือง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2011 เมื่อ 19:39 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ความรักคืออะไร ?
ตอบ : ความรักก็ต้องความรักในเมตตาตามแบบของพระ ก็คือการหวังดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น เหมือนกับความปรารถนาดีต่อตนเอง เรารักเราชอบอะไร ก็อยากให้คนอื่นได้อย่างนั้นด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2011 เมื่อ 13:25 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับผู้ที่นำลูกเล็ก ๆ มาทำบุญว่า "เวลาลูก ๆ น่ารัก พ่อแม่ก็ปลื้มใจ ในเทวตาสังยุตของสังยุตนิกาย สุตตันตปิฎก มีเทวดาไปกล่าวคาถาต่าง ๆ ถวายพระพุทธเจ้า เทวดาองค์หนึ่งท่านกล่าวว่า "ผู้มีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร ผู้มีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค"
สังคมอินเดียเขาพึ่งพาวัวโดยตลอด นม เนย นมเปรี้ยว ตลอดจน "กี" ซึ่งเป็นเนยที่เขาเคี่ยวเอาไว้เพื่อจุดไฟบูชาพระเจ้า และเชื้อเพลิงก็ได้จากขี้วัว ฉะนั้น..ใครมีวัวเยอะ ๆ ถือว่าเป็นมหาเศรษฐี ร่ำรวย คนมีวัวเขาก็ดีใจ พอเทวดากล่าวว่า "ผู้มีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร ผู้มีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค" ถ้าหากว่าถูก พระพุทธเจ้าจะประทานสาธุการให้ ถ้าไม่ถูกพระพุทธเจ้าจะแก้ให้ คราวนี้พระพุทธเจ้าท่านแก้ว่า "ผู้มีบุตรย่อมทุกข์เพราะบุตร ผู้มีโคย่อมทุกข์เพราะโค" เราจะเห็นว่าแม้กระทั่งเทวดายังมีการเข้าใจผิดเลย เพราะฉะนั้น..ตอนนี้เราก็รื่นเริงเพราะบุตรไปก่อนนะ ถึงเวลาค่อยต่างคนต่างไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2011 เมื่อ 13:28 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
![]()
มีคนมาถวายหนังสือเกี่ยวกับหลวงตามหาบัวหลายเล่ม พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "พอสิ้นหลวงตาบัวแล้ว หนังสือต่าง ๆ ทะลักออกมาจนเต็มตลาด บอกไม่ถูกแล้วว่าเยอะขนาดไหน แต่เท่าที่ดูเล่มนี้น่าจะสมบูรณ์ที่สุด (หนังสือชื่อ"สมณะ")
เขาบอกเล่าเรื่องราวของท่านตั้งแต่ยังเด็ก ๆ อยู่ โดยเฉพาะรูปนี้ ยืนยันได้ว่าท่านจบเปรียญธรรมจริง ๆ เพราะมีพัดที่ได้รับพระราชทานจากในหลวง สมัยก่อนคนสอบเปรียญธรรมจะมีไม่มาก ในหลวงก็พระราชทานพัดให้ พอมาระยะหลังสอบกันเป็นพัน ๆ ต้องมอบหมายให้เจ้าคณะหน ซึ่งจะมีหนกลาง หนเหนือ หนใต้ และเจ้าคณะธรรมยุติ ฯลฯ ให้ไปเป็นผู้ประทานพัดให้แทน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2011 เมื่อ 13:29 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "การกล่าวคำขออุปสมบท นอกจากต้องชัดเจนแล้ว ยังต้องได้ยินทั่วถ้วนกันทั้งโบสถ์ เพราะเราไปร้องขออุปสมบทต่อคณะสงฆ์ จะได้เป็นหลักฐานยืนยันว่า..เอ็งมาร้องขอทั้งน้ำตา ให้ข้าบวชให้ ไม่ใช่ข้าทะลึ่งไปบวชให้เอ็ง..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2019 เมื่อ 06:09 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พระที่บวชแล้วไม่เป็นพระเต็มตัว คนที่บวชจะเป็นพราหมณ์หรือเป็นแค่เณรครับ ?
ตอบ : อย่างดีก็แค่เณร แต่ยังดีที่ได้เป็นเณร ถาม : ถ้าใส่ผ้าเหลืองก็เป็นเณรแล้วใช่ไหมครับ ? ตอบ : ส้นตีนแน่ะ..! ใส่ผ้าเหลืองไม่มีศีลแล้วจะเอาความเป็นเณรมาจากไหน ? ถาม : ผมรู้สึกหงุดหงิดใจมาก อีกไม่กี่วันนี้แม่ผมจะเดินทางไปวัดใหญ่วัดหนึ่งแถวบ้าน ตอบ : คุณจะไปยุ่งอะไรกับแม่เล่า ? ถาม : ผมอยู่ในงานด้วย ผมไม่ชอบใจมาก ตอบ : เป็นเพราะเราเลวเอง มีอยู่สมัยหนึ่งประมาณปี ๒๕๓๐ สมณะที่สันติอโศกไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง ตอนนั้นยังไม่มีการตัดสินให้คณะของท่านพ้นจากสภาพความเป็นนักบวช แต่พวกเราทุกคนก็รู้ว่าท่านไม่ใช่นักบวช เพราะท่านบวชกันเอง ท้ายสุด..หลวงตาวัชรชัยต้องเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า จะจัดการอย่างไรกับเขาดี หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "เอ็งก็เห็นเขาเป็นพระซะก็หมดเรื่อง" หลวงตาก็มานอนคิดอยู่เป็นวัน ในที่สุดก็สรุปได้ว่า อย่าว่าแต่คนเลย ท้ายสุดหมูหมา กาไก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย อะไรก็ตาม จะต้องหลุดพ้นเข้าพระนิพพานกันหมด เอ็งก็ไหว้อนาคตพระอรหันต์ซะก็หมดเรื่อง จะไปสนใจอะไรกับปัจจุบันของท่าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2011 เมื่อ 13:31 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แล้วผมควรจะอยู่เฉย ๆ ไว้ ?
ตอบ : ถ้าไม่เฉยก็แย่ เดี๋ยวแม่จะไม่ให้มรดก..! ถาม : ผมควรจะไปไหมครับ ? ตอบ : ตามแม่ไป ถือว่าเราไปดูแลแม่ ถาม : ตามหลักความเป็นจริง ถ้าผมควรจะอยู่เฉย ๆ นี่..? ตอบ : เรามันโง่เอง จริง ๆ..โง่ฉิบหายเลย จะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราก็ทำความดี ศีล สมาธิ ปัญญาของเราได้ อยู่บ้านเรารักษาศีลได้ อยู่วัดรักษาไม่ได้หรืออย่างไร ? อยู่บ้านเราทำสมาธิได้ อยู่ที่นั่นเขาทำกันเยอะแยะ เราก็ทำตามแบบของเราไป เราจะได้เห็นว่า บุคคลที่หวังความหลุดพ้นยังไม่แน่ว่าจะหลุดพ้นได้ ยังเต็มไปด้วยความทุกข์ขนาดนี้ แล้วเราจะเกิดอีกทำไม ? เราต้องฉวยสถานการณ์ให้เป็น เลือกเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง เหมือนกับเลือกเพชรจากก้อนกรวด แม้ว่าก้อนกรวดจะกองใหญ่ไปหน่อย เราคุ้ยเพชรให้เจอก็แล้วกัน ให้รู้จักฉลาดขึ้นบ้าง จะได้ไม่ไปขัดคอใคร โบราณเขาบอกว่า ขัดขัน ขัดจอก ยังพองามได้ แต่ขัดคอเขาไม่ได้อะไร นอกจากจะโดนเตะ..! ประสบการณ์ชีวิต กำลังบารมีที่สั่งสมมา จะทำให้มุมมองของเรากว้างออกไปเรื่อย ๆ และท้ายที่สุด ก็จะเห็นอย่างที่พระอริยเจ้าท่านเห็น ก็คือ คนเราไม่มีดีไม่มีชั่ว มีแต่คนที่กำลังเป็นไปตามกรรม ท่านก็จะไม่รังเกียจใคร แต่ถ้าประสบการณ์ไม่พอ เราก็ยังไปแบ่งแยกขาวดำชัดเจน ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2011 เมื่อ 13:33 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ฝึกเจริญพระกรรมฐานมโนมยิทธิครับ นิมิตต่าง ๆ อย่างพวกการ์ตูนเข้ามากวนใจอยู่เรื่อย จะกำจัดพวกเรื่องที่แวบเข้ามาในหัวตอนที่ปฏิบัตินี้ได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ให้เราอยู่กับสมาธิมากกว่า โดยเฉพาะอยู่กับลมหายใจ ถ้าหลุดจากลมหายใจเมื่อไร การ์ตูนจะแทรกเข้ามา เพราะฉะนั้น..ให้เราอยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่างนี้ ไม่ต้องไปที่อื่น นึกอยู่แค่นี้แล้วอย่างอื่นจะเข้ามาไม่ได้ แต่ถ้าเราหลุดไปเรื่องอื่นเมื่อไร การ์ตูนก็จะแทรกเข้ามา คราวนี้เห็นความร้ายกาจของการ์ตูนหรือยัง ? ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : บางคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ เพราะว่าเราเป็นผู้ใหญ่ เรารู้ว่าการ์ตูนเป็นอย่างไร แต่เด็ก ๆ เขาแยกไม่ออกว่าการ์ตูนกับเรื่องจริงต่างกันตรงไหน ฉะนั้น..จะอยู่ในใจของเขาง่ายกว่า พอนั่งกรรมฐานเมื่อไร การ์ตูนก็เข้ามา ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าเราหลุดไปจากตรงนี้ พอการ์ตูนมาเมื่อไร เราวิ่งกลับมาอยู่กับลมหายใจของเรา มานึกถึงลมหายใจเข้าจมูก..อก..ท้อง หายใจออกท้อง..อก..จมูก อยู่แค่นี้ก็เข้ามาไม่ได้แล้ว แต่พอเผลอก็เข้ามาอีก ต้องสู้กันอย่างนี้ เหมือนเขาจะยึดเมืองเรา พอโผล่มาเราก็หนี ปิดประตูป้องกันเมืองเราไว้ พอทำไปนาน ๆ แล้ว กำลังใจทรงตัวแล้ว เขาก็เข้ามาไม่ได้เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2019 เมื่อ 15:40 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาฝึกจับลมหายใจ จับแค่ลมตรงจมูกเข้าออกเท่านั้น
ตอบ : แค่ไหนก็ได้ ให้อยู่กับลมได้ก็ใช้ได้ทั้งนั้น วิธีนี้ในวิสุทธิมรรคท่านบอกว่า เหมือนกับคนเลี้ยงวัว ยืนเฝ้าวัวอยู่ที่ปากคอก วัวจะเข้าออกกี่ตัวก็นับไว้ นี่คือวิธีหนึ่งเหมือนกัน ส่วนรู้ลมสามฐานหรือรู้ลมเจ็ดฐาน สำหรับคนจิตละเอียดนิดหนึ่ง เราเองฐานเดียวก็ดีเกินแล้ว ทรงเป็นฌานได้เหมือนกัน ขอให้อยู่กับลมจริง ๆ เถอะ ถาม : เวลาภาวนานะมะพะธะรู้สึกว่าบางวันไม่ค่อยดี ต้องใช้สติปัฏฐาน แต่บางวันไม่ต้องสติปัฏฐาน ก็ไปเอง ตอบ : สังเกตดูว่า ตอนนั้น ชั่วขณะนั้น เราคิด เราพูด เราทำอย่างไรถึงไปง่าย แล้วเราคิด เราพูด เราทำอย่างไรถึงไปยาก หมั่นสังเกตและเลือกเอาแต่ที่ไปง่ายไว้ จะได้ง่ายไปเรื่อย ๆ เราสังเกตไม่เป็นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2011 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
![]()
วันอาทิตย์หลายครอบครัวพาเด็ก ๆ มาบ้านวิริยบารมี จึงมีคำสอนเกี่ยวกับเด็ก ๆ หลายอย่าง เช่น
น้องซันร้องไห้อยู่หลังห้อง ใครว่าอย่างไรก็ไม่เงียบ พระอาจารย์จึงพูดว่า "ใครร้องไห้บ่อย ๆ โตขึ้นจะขี้เหร่ ไม่หล่อหรอก ถ้าเป็นผู้หญิงก็ขี้เหร่ไม่สวย ถ้าเป็นผู้ชายก็ขี้เหร่ไม่หล่อ เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้นะลูก ยิ่งร้องมาก ๆ หน้าหงิกทำคืนยากนะ จะน่าเกลียดมากเลย" น้องซันได้ยินดังนั้น เงียบทันที พระอาจารย์บอกว่า "สำคัญที่ผู้ใหญ่ต้องรู้ว่าเด็กต้องการอะไร ถ้าไม่รู้ก็หลอกเด็กไม่ได้ และคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องอยู่ในลักษณะปรับเปลี่ยนเฉพาะหน้า พลิกแพลงให้ทัน" ท่านเล่าให้ฟังว่า "ที่ทองผาภูมิมีน้องฟ้าใส ฟ้าใสจะมาดักใส่บาตรทุกวัน เพราะหลวงตาให้พรว่า โตขึ้นให้เรียนเก่ง ๆ และสวย ๆ ฟ้าใสเขาอยากได้คำหลัง จึงชอบใส่บาตร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2011 เมื่อ 14:43 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์สอนพ่อแม่เด็กว่า "ถ้าเกี่ยวกับวัด เกี่ยวกับพระ เด็ก ๆ เขาไม่รู้ เวลาทำอะไรที่ไม่ปกติ ที่เรารู้สึกว่าน่าเกลียด ไม่ถูกต้อง
เราอย่าเพิ่งไปห้ามหรืออย่าไปดุเขาแรง ๆ ให้ค่อย ๆ สอนเขา เพราะถ้าไปห้ามหรือไปดุเขาแรง ๆ ต่อไปเขาอาจจะกลัว ไม่เข้าใจ แล้วจะไม่กล้ามาอีกเลย ค่อย ๆ อธิบาย ปากเปียกปากแฉะไปเรื่อย เดี๋ยวก็เข้าใจเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-06-2011 เมื่อ 10:23 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
![]()
อย่างแม่ที่ตีลูกบ่อย ๆ พระอาจารย์ก็จะบอกว่า "ต้องให้แม่ฝึกสมาธิให้มากกว่านั้น เพราะแม่ยังระงับอารมณ์ใจตนเองไม่ได้
เป็นธรรมดาของเด็ก เพราะว่าสติ สมาธิ ปัญญาเขายังน้อย ก็เลยกลายเป็นความไม่ธรรมดาของผู้ใหญ่ที่ยังรักษากำลังใจไม่ได้ เลยต้องไปตีเด็ก เพราะฉะนั้น..มีวิธีก็คือ รักษากำลังใจของตัวเองให้ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2011 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงคนที่บวชว่า "คนที่หลุดออกจากวัดไป ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอ จะกลับมาบวชอีกยาก เหมือนเสือหลุดจากกรงแล้วไม่อยากกลับเข้ากรง ยกเว้นจะรู้ว่ากรงนั้นมีประโยชน์อย่างไร ถึงจะกลับมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2011 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|