กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-06-2011, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔

ถาม : มีหลักเกณฑ์การแปลงหน้าตักของพระที่นั่งว่า ถ้าเป็นพระยืนแล้วจะต้องมีความสูงเท่าไรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่มี..มีแต่ขนาดหน้าตักพระนั่ง ความสูงขององค์พระจะประมาณ ๒ เท่าครึ่งของหน้าตัก จะไม่เกินนั้น ถ้าเกินนั้นจะเสียส่วนไป

ถ้าพระยืนความสูงจะเป็น ๘ เท่าของฐานอย่างน้อย ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้ส่วน เพราะฉะนั้น..อะไรที่แหกคอกก็อย่าไปทำ ทำทั้ง ๒ อย่างไปเลยก็หมดเรื่องหมดราว อยากสร้างพระยืนก็สร้าง แล้วก็สร้างพระนั่งไปด้วย

ถาม : หนูไปอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤๅษีฯ เจอว่ามีสวนบนพระนิพพาน แต่สวนของท่านจะบรรยายว่าเป็นแก้ว แต่ที่หนูเห็นมาจะเป็นใบ ๆ ดอก ๆ เลยค่ะ
ตอบ : เห็นอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น เพราะข้างบนพระนิพพานนั้น เราต้องการอะไรอย่างนั้นก็มา ไม่ต้องการท่านก็ไป ท่านว่าง่าย ไม่ดื้อหรอก คิดต้องการอะไรสิ่งนั้นก็มา หมดความต้องการสิ่งนั้นก็ไป

ถาม : หนูไปเจอแต่ไม่ได้คิดอะไรเลย แสดงว่าเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ตอบ : แสดงว่าเราเคยมีความชอบอย่างนั้นมาก่อน ท่านก็เลยจัดให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2011 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-06-2011, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ก่อนหนูจะรู้สึกว่าไม่อยากตาย เพราะว่าตัวเองยังปฏิบัติไม่ถึงไหนเลย ถ้าตายไปแล้วคงจะแย่แน่ แต่ช่วงหลังจะมีความคิดเปลี่ยนไปว่าตายก็ดีเหมือนกัน ตายเร็วก็ดีเพราะอยู่ไปก็น่าเบื่อมีแต่ทุกข์
ตอบ : เอาอีกนิดหนึ่ง การปฏิบัติถ้าอยากตายยังไม่ใช่ของดี เพราะว่าการอยากตายนั้นแฝงไว้ด้วยกิเลสมาก นักปฏิบัติที่แท้จริงพอทำไปถึงระดับหนึ่งไม่ได้อยากตาย แต่พร้อมที่จะตาย ต่างกันมากเลยนะ เพราะถ้ายังอยากตายนี่อารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ยังเต็ม ๆ อยู่เลย

ดังนั้น..ตายเมื่อไรก็ไปไม่ดีหรอก มีนักปฏิบัติอยู่จำนวนมากต่อมากด้วยกันที่คิดว่าปฏิบัติถึงระดับที่อยากตายแปลว่าดีแล้ว ขอยืนยันว่าไม่ดีแน่

ถาม : จากนั้นหนูก็มานั่งนึกว่าทำไมความคิดถึงได้เปลี่ยนไป ?
ตอบ : เป็นไปตามสิ่งที่เราสั่งสมมา สติ สมาธิ ปัญญาสูงขึ้น มุมมองก็กว้างขึ้น การรู้เห็นก็มากขึ้น และการรู้เห็นที่ถูกต้องก็มีมากขึ้น

ถาม : หนูก็มานั่งนึกว่า จะเป็นเพราะหนูคิดมั่นใจว่าตายแล้วต้องไปดีกว่าที่กำลังเป็นอยู่นี่หรือเปล่า ? แล้วหนูกำลังโดนหลอกอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : มีส่วนโดนหลอก บอกแล้วว่ากิเลสยังเต็มที่อยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-06-2011, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนภาวนาแล้วหลุดออกไป อยากจะเห็นตัวเอง หนูเคยพยายามก้มลงมองก็เห็นแต่ส่วนล่าง
ตอบ : ไม่ต้องก้ม กำหนดนึกถึงว่าสภาพตัวเราเป็นอย่างไร เราจะเห็นทั้งตัว เห็นรอบด้าน ไปก้มก็เห็นแต่ตีนสิ..!

ถาม : แต่ละครั้งลักษณะก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันด้วยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพจิตตอนนั้นว่าบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์มากน้อยเท่าใด

ถาม : หนูมีปัญหาเกี่ยวกับการจับลมหายใจค่ะ ปกติหนูจะพยายามรู้ลมอยู่ตลอด ทีนี้เวลายกจิตขึ้นไป หรือภาวนาแล้วหลุดออกไป หนูก็คอยแต่จะกลับมาจับลม ยิ่งตอนหลังระแวงยิ่งหล่นลงมาเร็วใหญ่เลยค่ะ
ตอบ : ถ้าไปแล้วไม่ต้องคิดถึงลมหายใจ การที่เรายกจิตไป เราไปด้วยกำลังที่สูง การนึกถึงลมหายใจเท่ากับเรากลับมาตั้งต้นนับ ๑ ใหม่ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวแล้วไม่ต้องไปสนใจลมหายใจ ประเภทจบปริญญาแล้วกลับมาเริ่มต้น ก.ไก่ ทุกทีก็เจริญ..! กลับมา ก.ไก่ เมื่อไรก็ร่วงเมื่อนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-06-2011, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมัยโบราณ พระที่ท่านธุดงค์ท่านใช้จีวรสีกรักเหมือนกันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : บางท่านที่ขี้เกียจเปลี่ยนจีวรสีกรัก ท่านก็ใช้สีเหลืองนั่นแหละ เขามานิยมสีกรักในตอนหลังก็เพราะว่าเปื้อนยาก แต่บางท่านก็ไม่ห่วงเรื่องความเปื้อน อาตมาก็เคยลุยด้วยสีเหลืองอยู่หลายป่าเหมือนกัน

ถาม : แล้วสีกรักของโบราณจะแดงกว่าสีกรักสมัยนี้ไหมคะ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตผ้าแค่ ๓ สีเท่านั้น ก็คือ สีเหลืองที่ย้อมจากน้ำขมิ้น สีเหลืองเจือแดงเข้มเพราะย้อมด้วยลูกรัง อย่างของท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ท่านหาไม้มาเพื่อย้อมไม่ได้ ท่านก็เลยใช้ลูกรังต้ม คราวนี้จีวรสีเดิมเหลืองอยู่พอไปผสมกับน้ำลูกรังสีแดงเข้า ก็เลยกลายเป็นสีกลาง ๆ ระหว่างเหลืองกับแดง

อีกอย่างก็คือผ้าย้อมน้ำฝาดประเภทแก่นขนุน จะออกมาเป็นสีกรัก ฉะนั้น...จะมีแค่สีเหลือง สีกรัก และสีเหลืองเจือแดงเข้ม ๓ สีเท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่ไปเกินกว่านี้ ถ้าเกินมาแปลว่าผิดพระวินัย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2011 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-06-2011, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ได้อธิบายเกี่ยวกับนิยายที่หวงอี้แต่ง ว่าทำไมจะต้องรอให้ถึงจุดอับแล้วฝีมือจึงค่อยรุดหน้า "คนเราถ้าไม่ถึงจุดอับ ศักยภาพจะไม่แสดงออกมา แบบเดียวกับนักปฏิบัติ ถ้าไม่ใกล้ตายก็ไม่รู้ว่าต้นทุนของตัวเองมีเท่าไร

นักปฏิบัติอย่างเรา ถ้าทำไปเรื่อย ๆ บางทีก็ไม่รู้ว่าตนเองไปถึงไหน แต่พอใกล้ตายขึ้นมา อารมณ์ตอนนั้นรวมตัว จะรู้เลยว่าเรามีต้นทุนเท่าไร พูดง่าย ๆ ว่า ร้อยละ ๙๙ ต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ตกอยู่ในที่ลำบากก็ไม่ดิ้นรนเต็มที่ ถ้าดิ้นรนเต็มที่ ก็จะรู้ว่าส่วนที่เราเก็บสะสมเอาไว้มีเยอะกว่าที่คิด เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้ใช้"

ถาม: อย่างท่านเองเป็นแบบนั้นด้วยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก่อนหน้านี้ก็มีอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอมีมากกว่าแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาไปรอ คำว่ามีมากกว่าก็คือ สิ่งที่เราทำได้มีมากกว่าสถานการณ์ที่ต้องใช้ ก็ไม่ต้องไปรอจุดอับ ไม่ต้องดิ้นแล้ว แค่ขยับเพิ่มขึ้นมาหน่อยเดียวเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-06-2011, 23:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "วันก่อนขณะกำลังเดินทางกลับจากเชียงใหม่ อาตมาภาวนาไปเรื่อย ๆ เห็นท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านโผล่มาอยู่ข้าง ๆ ก็เลยถามว่าท่านมาทำไม ? ท่านบอกว่าวันนี้ว่าง..มีเวลาว่างกับเขาเหมือนกัน ในเมื่อว่างท่านก็เลยมาช่วยดูแล

จึงถามท่านท้าววิรูปักษ์ว่า จะมีวิธีไหนที่ทำให้อาตมามั่นใจเห็นว่าปลอดภัย ท่านก็สลัดอาวุธท่านออกไป พุ่งนำหน้าเหมือนกับยิงจรวดนำวิถีเลย ตั้งแต่ตรงจุดที่กำลังเดินทางอยู่จนถึงปลายทางนี่ราบเป็นหน้ากลอง ท่านแสดงให้ดูว่าจะไม่มีอุบัติเหตุหรือมีอะไรขวางได้ ต้องปลอดภัยแน่นอน อาตมาก็ อ๋อ..ที่แท้จรวดนำวิถีนี่เขามีมานานแล้ว

ความจริงท่านไม่ได้ว่างหรอกนะ ท่านรับผิดชอบงานมหาศาล ท้าวมหาราชทั้ง ๔ มีงานที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์โดยตรง โดยเฉพาะงานที่ต้องดูแลสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา อำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลที่ท่านบำเพ็ญกุศล ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ที่เป็นสมบัติของแผ่นดิน

ที่สำคัญก็คือ รับบัญชีบันทึกบุญบาปของชาวบ้านไปส่งให้ปัญจสิกขเทพบุตร ดังนั้น..เทวดาชั้นจาตุมหาราชจะมีเรื่องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เยอะมาก เพราะเป็นหน้าที่ท่านโดยตรง เราถึงได้เรียกท่านว่า โลกบาล หรือ โลกะปาละ ผู้รักษาโลก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 09-06-2011, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานำท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ไปตั้ง ต้องหันหน้าเหมือนพระ คือหันไปทางทิศตะวันออกเหมือนกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน เอาปลอดภัยไว้ก่อน แต่ถ้าตั้งท่านบนหิ้งพระก็ให้ท่านต่ำกว่าพระนิดหนึ่ง

อย่างของอาตมาจะมีโต๊ะหมู่ตัวใหญ่ และมีตัวเล็กอีก ๙ ตัว ๙ ตัวนั้นก็ตั้งพระพุทธบ้าง ตั้งพระสงฆ์บ้าง ท่านท้าวมหาราชเราก็ตั้งไว้ที่บนโต๊ะใหญ่ ข้างหน้าสุดเลย ท่านแม่ก็อยู่ด้านหนึ่ง ท้าวมหาราชก็อยู่ด้านหนึ่ง พอดีได้ที่เลย

จริง ๆ ท่านแม่จะเอาขึ้นไปเสมอพระสงฆ์ก็ได้เพราะท่านไปพระนิพพานแล้ว แต่ว่าในรูปลักษณ์ที่สร้างขึ้นมา คนที่ไม่รู้เขาจะตำหนิเอาได้ เพราะฉะนั้น..จะทำอะไรต้องเกรงใจคนบ้าง อย่าให้ตัวเราต้องไปสร้างโทษให้คนอื่นเลย

ถาม : อย่างพระนารายณ์ทรงฤทธิ์ของวัดเขาวง เอาไว้ระดับเดียวกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้จ้ะ ท่านเป็นเทวดาเหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 09-06-2011, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วอย่างฮก ลก ซิ่ว ของจีนเล่าคะ ?
ตอบ : ฮก ลก ซิ่ว นี่มีตัวจริงบ้างไม่มีตัวบ้าง แต่ในเมื่อเขาเคารพเขาเชื่อถือ ก็ตั้งไปเถอะ อยู่ระดับเดียวกันได้ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็ถือเป็นเทพที่คนจีนเขาเคารพอยู่เหมือนกัน

ฮก คืออำนาจวาสนาบารมี ลก คือความร่ำรวย ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ซิ่ว คืออายุวัฒนะ ปราศจากโรค คนจีนเขาถือว่ามีครบ ๓ อย่างนี้ จัดเป็นความสุขสุดยอดของมนุษย์แล้ว แต่อย่างท้ายนี่ยากหน่อย ถ้าไม่ได้สร้างบุญมาดีจริง ๆ อย่างพระพากุลเถระ ไม่มีทางที่จะปราศจากโรคได้

แพ้เหล่าโจ้วที่เป็นเซียนอายุวัฒนะ ท่านอายุได้ ๘๐๐ ปี ลูกก็ตาย หลานก็ตาย เหลนก็ตาย โหลนก็ตาย ส่วนตัวเองยังอยู่ ท่านเบื่อเต็มทีไม่มีคนคุยรู้เรื่องแล้ว ท่านก็เลยไปดีกว่า บันทึกเขาเขียนว่าท่านเดินหายเข้าป่าไปเฉย ๆ หากว่าใครมีความสามารถถึงขนาดปรับธาตุตัวเองได้อย่างท่าน ก็ยืดอายุให้นานได้ แต่ถ้าไม่อยากลำบากก็อย่าไปทำเลย อยู่นานยิ่งหาคนคุยด้วยได้ยาก

ฮก อำนาจวาสนาบารมี ก็ต้องพุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต บูชาพระพุทธเจ้า ลก ร่ำรวย ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เอารวยอย่างเดียวนะ ก็ต้อง สังฆะปูชา มะหาโภคะวะโห การบูชาพระสงฆ์ ถือว่าจะส่งผลให้สำเร็จไปด้วยโภคสมบัติต่าง ๆ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่การบูชาพระสงฆ์ ก็คือ เราถวายอามิสทาน โดยเฉพาะเรื่องของการใส่บาตร แต่ซิ่วนี่ต้องไปที่ศีลอย่างเดียวเลย รักษาศีลดีอายุยืนนาน ผู้ไม่มีปาณาติบาตย่อมไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีอายุยืนนาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 12:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 09-06-2011, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมบุญจึงมีความอัศจรรย์ส่งผลได้มากขนาดนั้น ? เพราะว่าบุญอยู่ในลักษณะทวีคูณ ยิ่งสภาพจิตของผู้รับบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็เหมือนกับคนแข็งแรง

สมมติว่าคนแข็งแรงหยิบของชนิดหนึ่ง แล้วขว้างออกไป อย่างเราขว้างได้แค่ใกล้ ๆ แต่ท่านสามารถขว้างไปไกลลิบเลย คือส่งผลให้มากขึ้นตามกำลังของท่าน

ฟัง ๆ ดูในเรื่องของบุญ บางทีก็เหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อ แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ส่วนที่เขาทำนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกเนื้อนาบุญ ทั่ว ๆ ไปเราเห็น เราเจอ เราสามารถทำได้ ให้ทำไปเลย ไม่จำเป็นต้องเลือก แต่ถ้ามีโอกาสประกันความเสี่ยง มีให้เลือกได้ เราก็เลือกทำกับเนื้อนาบุญที่ดี พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำได้ทุกที่ ทำไปเถอะ แต่ตรงไหนที่เรามั่นใจเราก็เป็นขาประจำหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 09-06-2011, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าทิศตะวันออกกับทิศเหนือเราตั้งพระหมดแล้ว สามารถตั้งพระทิศตะวันตกกับทิศใต้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ควรเสี่ยง แต่จะลองดูก็ได้ จะได้รู้ผล

ถาม : อย่างไรก็ควรพยายามหาทิศตะวันออกให้ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เราจะเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ ต้องลอง..! เกิดผลอะไรขึ้นจะได้พูดเต็ม ๆ ปาก ว่าลองมาแล้ว

ถ้าหากหามุมไม่ได้อีกแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าหามาเพิ่ม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 09-06-2011, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางครั้งเวลาใช้มรณานุสติแล้วผมกดโทสะไม่อยู่ สองสามวันก่อนผมโกรธมาก ถ้าเราตายไปตอนนี้..?
ตอบ : ไม่ต้องห่วง ลงนรกแน่นอน..!

ถาม : ทุกครั้งเอาอยู่ แต่ครั้งนี้คิดว่าเรายังไม่ตาย ขอก่อน ขอโกรธก่อน มีวิธีแนะนำไหมครับ ?
ตอบ : มี..อย่าให้อารมณ์ถึงที่สุด รีบเผ่นออกจากสถานการณ์นั้นก่อน นึกถึงที่หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ ท่านบอกว่า หัดเป็นนักหลบเสียบ้าง อย่าเอาแต่เป็นนักรบอย่างเดียว สถานการณ์ที่รบแล้วตายอย่างเดียวแล้วยังรบอยู่ เขาเรียกว่าโง่..! ชัดไหม ?

เราไม่ยอมออกจากเหตุการณ์ก็ต้องระเบิดอารมณ์จนได้ สมัยก่อนตอนที่อาตมาสู้กับพวกนี้อยู่ อาตมาไม่เกรงใจใครหรอก ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ทำให้เกิดโทสะ ก็จะหันหลังเดินหนีไปเลย ใครจะว่าเสียมารยาทก็ช่างหัวมัน ต้องเอากำลังใจของตัวเองไว้ก่อน ยังดีนะที่คุณยังคิดถึงมรณานุสติได้ ถ้าเป็นอาตมาสมัยก่อนไม่เสียเวลาคิดหรอก ลงมือไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 09-06-2011, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครดูข่าวที่หมาคาบเอาใบไม้มาแลกข้าวบ้าง ? เขาเป็นคนแล้วไปเกิดเป็นหมา ยังเคยชิน มีหิริโอตตัปปะอยู่ ว่าไม่ควรเอาของใครฟรี ๆ พอคนให้อาหารเขาก็ไปคาบใบไม้มาให้

หมาที่วัดท่าขนุนก็มีอยู่ตัวหนึ่ง ทำแบบนี้เหมือนกัน พอถึงเวลาเขาจะเอาใบไม้มาแลก ใบไม้ต้องเป็นใบสะอาดด้วยนะ ใบไม้สกปรกเขาไม่เอามา ความรู้สึกของเขายังเป็นคนอยู่ เหมือนกับว่าเวลาไปตลาดแล้วซื้อของต้องจ่ายเงิน เขาจึงหาใบไม้มาแลก จะเอาอย่างอื่นมาแลกก็หาไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2019 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 09-06-2011, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แกะทองที่เลี่ยมพระเครื่องออกไปขาย จะมีโทษหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าเจตนาแรกตั้งใจทำถวายเป็นพุทธบูชาแล้วไปแกะทองออก อย่างนั้นจะมีโทษ ถ้าตอนแรกไม่ได้เจตนาก็ไม่เป็นไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 09-06-2011, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อภัยทานกับธรรมทาน อย่างไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ ?
ตอบ : เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ ในทานทั้งหลาย ธรรมทานนั้นชนะทานทั้งปวง ในรสทั้งหลาย รสแห่งธรรมนั้นชนะรสทั้งปวง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 09-06-2011, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อภิสังขารมารคืออะไรครับ ?
ตอบ : อภิสังขารมาร แปลว่าสิ่งที่ยิ่งกว่าการปรุงแต่ง ก็คือในส่วนของบุญบาปที่เป็นมารได้ อย่างเช่นว่า เราสร้างบุญ แล้วสิ่งที่ตอบแทนมาเป็นความดี ความสุข เราก็เพลิดเพลินติดอยู่แค่นั้น ทำให้เข้าถึงมรรคผลไม่ได้

เราสร้างบาป ก็พาเราตกต่ำลงสู่อบายภูมิ เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ เท่ากับขวางเราจากทางของความดี เขาก็เลยเรียกว่าอภิสังขารมาร เพราะถือว่าเป็นผู้ขวางหรือผู้ฆ่าเราจากความดีเหมือนกัน

ถาม : มีโทษมากไหมครับ ?
ตอบ : แค่ไปนิพพานไม่ได้เท่านั้นแหละ ไม่มากหรอก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2011 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 10-06-2011, 04:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องอาฬวกยักษ์ให้ฟังว่า "อาฬวกยักษ์อยู่ที่เมืองอาฬวี พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด เหล่าบรรดาบริวารของอาฬวกยักษ์ได้ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าเข้าไปยังสำนัก เหมวตยักษ์กับสาตาครียักษ์ผ่านไปเห็นก็ทำความเคารพพระพุทธเจ้าแล้วรีบไปยังสถานที่ประชุม ไปบอกอาฬวกยักษ์ว่า ลาภใหญ่กำลังเกิดกับท่านแล้ว พระสมณโคดมไปเยือนสำนักของท่าน

ปรากฏว่าอาฬวกยักษ์ไม่ได้รู้สึกดีใจ รีบกลับไปยังสำนักตนเพราะมียักษ์สาว ๆ อยู่เยอะ กลัวพระพุทธเจ้าจะพาไปหมด ต้องบอกว่ากำลังใจของคนที่ต่างกันทำให้คิดต่างกันจริง ๆ

พออาฬวกยักษ์เข้าไปถึงเห็นพระพุทธเจ้าอยู่ข้างใน บรรดาสาวสรรกำนัลในของตัวเองกำลังปรนนิบัติเต็มที่ ไปถึงก็ไล่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็เดินออกไป เดินไปได้ครึ่งทางอาฬวกยักษ์ก็แปลกใจ ไหนว่าพระสมณโคดมมีอำนาจ ครอบงำตั้งแต่ภควพรหมลงมา พอเราไล่ทำไมไปง่าย ๆ อย่างนี้ ?

อาฬวกยักษ์จึงบอกให้พระพุทธเจ้ากลับมาก่อน พระพุทธเจ้าท่านก็เดินกลับมา อาฬวกยักษ์ก็งงอีก พระพุทธเจ้าสั่งง่ายขนาดนี้เลยหรือ ? จึงไล่อีก ท่านก็ไปอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2011 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 10-06-2011, 04:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อเป็นดังนั้น อาฬวกยักษ์จึงทูลเชิญพระพุทธเจ้าเข้าไป และตั้งปัญหาถาม ปัญหามีหลายข้อด้วยกัน อย่างเช่นว่า การข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำแห่งกิเลส) ต้องทำอย่างไร ? พอพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบ อาฬวกยักษ์จึงกลายเป็นพระโสดาบัน

ที่เล่ามานี่จะบอกว่าอาฬวกยักษ์ท่านไปพระนิพพานแล้ว สมัยพุทธกาลท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ก่อนที่ท่านจะไปพระนิพพานท่านก็แวะมากราบหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่ามาขอลาไปพระนิพพาน แล้วท่านก็ดึงผ้าพันคอของท่านที่ใช้เป็นอาวุธ ถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ใช้งาน

หลวงพ่อวัดท่าซุงถามท่านว่า มีอานุภาพอย่างไร ? ท่านบอกว่า "ถ้าขว้างลงไปกระทบพื้นก็เป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก.." หลวงพ่อบอกว่า "เชิญเอากลับไปเถอะ ไอ้ของระยำอย่างนี้ ข้าไม่เอาหรอก มันรุนแรงเกินไป" อย่าลืมว่านั่นเป็นแค่ยักษ์ระดับมหาอำมาตย์เท่านั้น ยังไม่ใช่องค์จตุโลกบาลนะ แล้วถ้าเป็นระดับมหาราชของท่านทั้งหลายเหล่านี้ อาวุธของท่านจะมีศักดานุภาพขนาดไหน ? ฉะนั้น..โลกมนุษย์ของเรานี่ไม่พอให้ท่านใช้เท้าเหยียบข้างหนึ่งหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2012 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 10-06-2011, 04:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยเด็ก ๆ อาตมาชอบมุดเข้าไปในซอกเล็กซอกน้อย ผู้ใหญ่เขาเตือนว่า "ระวังผีจะลักซ่อนนะ.." แต่ก็ไม่กลัวหรอก มุดเข้าไปทุกที่ แต่ว่าเพื่อนบ้านใกล้ ๆ โดนเหมือนกัน หายไปอยู่ ๒ วัน ตามหาเท่าไรก็หาไม่เจอ ตอนหลังพระท่านช่วย ทำน้ำมนต์พรมเสร็จก็เห็นเข้าไปนอนอยู่ในสุ่มไก่ มุดเล่นอยู่ในสุ่มไก่ นอนอยู่เฉย ๆ ๒ วัน

พอถามเขาก็บอกว่าเล่นซ่อนแอบอยู่ มีคุณอา..ไม่รู้คุณอาอะไรของเขา มาชวนไปบ้าน มีขนมให้กิน บ้านคุณอาเขาสวย มีสวนสวย ๆ ไปตลอดทาง กินขนมเสร็จคุณอาก็บอกว่า "กลับบ้านเถอะ แม่กำลังหาอยู่ ๒ วันแล้ว" เวลาต่างกันขนาดนั้น นั่นกินขนมแค่พักเดียวแล้วก็กลับบ้าน"

ถาม : ถ้าไม่กลับมาจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหมดอายุก็ไปเลย ถ้าไม่หมดอายุก็เป็นลักษณะนอนเงียบไปเฉย ๆ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะว่าสภาพร่างกายที่ออกไปลักษณะอย่างนั้น เหมือนกับการออกไปด้วยกำลังของฌาน ๔ กำลังฌานช่วยรักษาร่างกายได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2011 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-06-2011, 04:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกันมาเขาก็ไม่มาชวนหรอก โบราณเขากลัวผีลักซ่อนก็คือลักษณะนี้ ถึงเวลาเขาก็บังตาไว้ แบบเดียวกับที่เขาใหญ่ตรงจุดใกล้ ๆ เหวสุวัต เขาทำเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ปรากฏว่าเด็กหายไปคนหนึ่ง มีพนักงานป่าไม้ผู้อาวุโสบอกให้จุดธูป ๕ ดอกปักลงดิน ขอเจ้าพ่อที่ศาลตรงนั้นให้หาเด็กเจอ

จริง ๆ เด็กก็อยู่แถวนั้นแหละ คนเดินไปเดินมาอยู่ตลอด เด็กนั่งอยู่ตรงลานหินใกล้ ๆ กับสระน้ำ ตอนเขาหากัน เด็กก็เห็นคนเดินไปเดินมาอยู่ แต่พอคนตะโกนเรียก เด็กเขาบอกว่าไม่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าคนมาหา คิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาเดินธรรมดา เขารู้สึกว่าเดี๋ยวเดียวเอง แต่ปรากฏว่ากินเวลาไปวันกว่าเกือบ ๒ วัน

สมัยก่อนเรื่องลี้ลับของป่ามีเยอะ พอสมัยใหม่แค่เรื่องไฟฟ้าเรื่องเดียวทำให้ผีหายไปเกินครึ่ง เพราะว่าไฟฟ้าวิ่งด้วยความเร็ว ๕๐ ครั้งต่อวินาที เท่ากับสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา เมื่อผีเขาจะแสดงร่างเขาให้เราเห็น เขาต้องรวบรวมกำลังดึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ รอบข้างมารวมเป็นตัวหยาบ

แต่พอไฟกระพริบ ๆ กลายเป็นพลังงานกระแทกกระจายไป จึงทำให้ผีเขารวมไม่ติด ที่โบราณเขาบอกให้เปิดไฟนอนแล้วผีไม่หลอกนี่เป็นเรื่องจริง แต่หมายถึงผีที่มีฝีมือต่ำ ๆ นะ ถ้าไปเจอระดับด็อกเตอร์ผีเข้า เที่ยง ๆ เขาก็มาได้

ฉะนั้น..เราจะเห็นว่าระยะหลังผีหลอกคนน้อยลงเพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะดึงเอาดิน น้ำ ไฟ ลม มารวมเป็นตัวได้ กำลังไฟที่สะเทือนอยู่ตลอดเวลา ทำให้โมเลกุลเกาะกันไม่ติด นี่อธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้วนะ

ถาม : แล้วถ้าอย่างเป็นไฟกองใหญ่ ๆ ?
ตอบ : เหมือนกันแหละ ลักษณะเดียวกัน เพราะเปลวไฟที่สะบัดพรึบ ๆ ตลอดเวลา ส่งพลังสั่นสะเทือนอยู่ตลอด โดยเฉพาะว่าทำให้ดิน น้ำ ไฟ ลม ตรงนั้นไม่สมดุลกัน ในเมื่อไม่สมดุลกัน คุณจะประกอบร่างท่าไหน คิดจะเอาดินมาปั้นตรงนั้นก็เหลือแต่ไฟล้วน ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2011 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 10-06-2011, 04:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราอ่านนิยายแล้วเรามีอารมณ์รู้สึกคล้อยตามตัวละครในเนื้อเรื่องไปด้วยนี่ ?
ตอบ : มีการปรุงแต่งด้วย เรียกว่าใส่อารมณ์ตาม จิตสังขารนี่ตัวแสบเลย ยิ่งปรุงแต่งมากโอกาสที่เราจะติดอยู่ในรัก โลภ โกรธ หลงก็ยิ่งมาก สังเกตไหม ? บรรดานางร้ายเข้าไปในตลาดแล้วโดนรองเท้าตบ นั่นเขาปรุงเกินเหตุ เรื่องในจอแท้ ๆ คิดว่าเป็นเรื่องจริง

ถาม : เราไม่ชอบตัวละครตัวนี้ ?
ตอบ : ก็แปลว่าอารมณ์ใจของเราไปปรุงแต่งตามโดยไม่รู้ตัวแล้ว ความรักชอบเกลียดชังถึงได้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าชอบก็เป็นราคะ ถ้าไม่ชอบก็เป็นโทสะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ถาม : แล้วจะสนุกได้อย่างไรละคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ปรุงก็ไม่สนุก ทุกวันนี้ที่ฝึกอ่านก็เพื่อทำให้ใจไม่คล้อยตามและอ่านรู้เรื่องด้วย รู้ไว้เพื่อคุยกับเขาก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2011 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว