#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม รุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ ภาวนาพระคาถาเงินล้านตั้งแต่ตี ๓ เนื่องเพราะว่าวันนี้มีภารกิจหลัก ก็คือต้องไปร่วมพิธีสามีจิกรรม ถวายสักการะพระเถระในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เนื่องในโอกาสเข้าพรรษาที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)
ในช่วงภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดพระพุทธรูป ตลอดจนกระทั่งรูปพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ และสิ่งที่ญาติโยมหรือว่าเพื่อนพระภิกษุนำมาถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่กระผม/อาตมภาพได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องค่อย ๆ จารวัตถุมงคลแต่ละชิ้น ส่วนที่สะดุดตามากที่สุดก็คือรูปของกระผม/อาตมภาพ ที่ท่านผอ.ธีร์ - พระครูภาวนาวรบัณฑิต วิ., ดร. (วริทธิ์ธร วรเวที) ผู้อำนวยการส่วนงานวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ ทำมาให้ด้วยความเคารพนับถือยิ่ง แต่ขอโทษเถอะครับ กระผม/อาตมภาพไม่อนุญาตให้ใครทำรูปตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยสำนึกดีว่า คุณงามความดีของตนเองยังมีไม่พอที่จะขึ้นหิ้งให้ใครบูชา แต่ในเมื่อบุคคลทำมาโดยความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นการเฉพาะตัว กระผม/อาตมภาพเมื่อจารเสร็จแล้ว จึงอธิษฐานปลุกเสกในระหว่างการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เกือบ ๒ ชั่วโมง เมื่อนำอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้วก็ได้บอกกล่าวกับญาติโยมทั้งหลายว่า ใครต้องการวัตถุมงคลหรือสิ่งของชิ้นไหน ก็ให้ตีราคาแล้วจ่ายเงินด้วยตนเอง ระวังเพียงอย่างเดียวว่าอย่าให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพราะว่าเราจะกลายเป็นหนี้สงฆ์ ยกเว้นรูปของกระผม/อาตมภาพเท่านั้น ที่ขอราคา ๓๐,๐๐๐ บาท เพราะไม่ต้องการให้ปรากฏอยู่ในโลกนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (เมื่อวานนี้), กฤษฎากร (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), นิรันตราย (เมื่อวานนี้), ศรัณย์ (วันนี้)
|
#3
|
||||
|
||||
![]()
ปรากฏว่ามีลูกศิษย์ได้ทำการบูชาไป แล้วก็มีคนขอบูชาต่อในราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นตายก็ไม่ให้ เนื่องเพราะว่าเป็นสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจารให้ด้วยตนเอง และท่านก็ไม่ให้ทำรูปของท่านอีกด้วย เป็นอันว่าฝ่ายหนึ่งได้ไปบูชาสมกำลังใจ ส่วนอีกฝ่ายที่ตัดสินใจช้า แม้ให้ราคาเกินไป ๓ เท่าเศษ เขาก็ไม่ให้เสียแล้ว
เมื่อเสร็จจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพต้องออกบิณฑบาต แต่ด้วยความที่วันนี้ต้องรีบเดินทางเข้าไปเพื่อร่วมพิธีสามีจิกรรมของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ จึงไม่ได้ออกบิณฑบาต ไปขออาหารเช้าที่โรงครัวจากแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน พร้อมกับจ่ายรางวัลที่ช่วยเหลืองานมาหลายวัน ให้กับบรรดาแม่ชีและญาติโยมที่ช่วยงานอยู่ที่วัดคนละ ๒,๐๐๐ บาท ถือว่าให้ในวาระพิเศษ คือวาระฉลองสัญญาบัตรพัดยศของกระผม/อาตมภาพเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว โดยปกติก็จะให้รางวัลตามหน้างาน ก็คือวันละ ๑๐๐ บาท ถ้างาน ๓ วันก็รับไป ๓๐๐ บาท งาน ๕ วันก็รับไป ๕๐๐ บาท เหล่านี้เป็นต้น ก่อนหน้านี้กระผม/อาตมภาพเคยเตือนทิดสมพงษ์ (อดีตพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปที่ ๕ ตามที่ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่าอยู่ในลำดับนั้น ว่าใช้ใครอย่าใช้เปล่า ให้มีรางวัลแก่พวกเขาด้วยเพื่อเป็นกำลังใจ แต่ว่าท่านอาจารย์สมพงษ์ก็ไม่ได้สนใจตรงจุดนี้ เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาส นอกจากพระภิกษุสงฆ์ซึ่งนาน ๆ จะนิมนต์ขึ้นอาสน์สงฆ์เพื่อรับปัจจัยไทยธรรมเสียทีหนึ่ง ที่เหลือก็แทบจะไม่ได้ให้รางวัลอะไรเลย แต่ในส่วนของน้องสามเณร แม่ชี และฆราวาส ซึ่งถือว่าไม่ได้ออกกิจนิมนต์แบบพระภิกษุสงฆ์ ก็จะให้รางวัลตามที่ได้บอกไปแล้ว เพียงแต่ว่าเดือนนี้ถือว่าทุกท่านทำพระคาถาเงินล้านขึ้นก็แล้วกัน เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ ก็เพิ่งจะรับสังฆทานสลากภัตไป แล้วมางานนี้ ยังรับรางวัลไปอีกรูปละ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งจะว่าไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็หมุนเวียนนำเอาปัจจัยกลับมาทำบุญกับกระผม/อาตมภาพอยู่เสมอ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (วันนี้), กฤษฎากร (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), นิรันตราย (เมื่อวานนี้), ศรัณย์ (วันนี้)
|
#4
|
||||
|
||||
![]()
โดยเฉพาะหลวงตาอ่อง (พระอ่อง ทีฆายุโก) พระภิกษุวัดท่าขนุนที่อายุมากที่สุด เป็นพระหลวงตาที่บวชเมื่อแก่ แต่ว่ามีญาติโยมเคารพนับถือมาก เพราะว่าศึกษาความรู้เอาไว้ ทั้งเรื่องของฤกษ์ยาม เรื่องของคาถาอาคม มีคนมาขอพึ่งพาอยู่เสมอ
เมื่อท่านได้รับปัจจัยจากกระผม/อาตมภาพก็ดี ได้รับปัจจัยที่ญาติโยมถวายให้ตามศรัทธาที่ช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม ได้ครบ ๑๐,๐๐๐ บาทเมื่อไร หลวงตาอ่องก็จะนำมาถวายกระผม/อาตมภาพ บอกว่า "ร่วมบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อ" ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกว่า ถ้าในสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องน่าจะเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พระราธเถระ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งให้เป็นเอตทัคคะทางว่านอนสอนง่าย เนื่องเพราะว่าหลวงปู่หลวงปู่พระราธเถระนั้นบวชเมื่อแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวีรเวรวีรกรรมของพระหลวงตาเอาไว้นับ ๑๐ ประการ ซึ่งหาความดีได้ยากมาก แต่ว่าหลวงปู่พระราธเถระนั้น ถือว่าเป็นบุคคลนอกเหตุเหนือผล ก็คือท่านเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน เกรงใจทั้งภิกษุผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า ถ้าหากว่าใครว่ากล่าวตักเตือนก็น้อมลง รับฟัง พร้อมที่จะนำไปแก้ไขตนเองอยู่เสมอ กระผม/อาตมภาพจึงพิจารณาดูว่า ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องของวัดท่าขนุนก็คือลูกศิษย์หลวงปู่พระราธเถระนี่เอง ครั้นฉันเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เดินทางเข้าไปยังวัดอุทยาน เพื่อที่จะไปใช้หนี้ เนื่องเพราะว่าได้มอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน พร้อมด้วยพระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ.ดร.ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ ซึ่งทั้งสองท่านได้ช่วยกันออกเงินพิมพ์หนังสือที่กระผม/อาตมภาพออกในนามพระครูวิลาศกาญจนธรรม เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการในปีนี้ไปก่อน เมื่อท่านจ่ายเงินไปแล้ว มีโอกาสก็ต้องรีบมาคืนอย่างเร่งด่วน ในส่วนนี้ต้องขอบพระคุณทั้งสองท่าน ที่ช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการทำเรื่องขอตำแหน่งทางวิชาการให้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ขออะไรจากใคร ในเมื่อคนอื่นทนไม่ได้ ขอให้ก็เต็มใจรับไว้ นี่เป็นคติประจำตัว เมื่อคืนนี้ก็ได้สอบต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเป็นการสอบประเมินเอกสารการสอน ตลอดจนกระทั่งประเมินผลการสอนของกระผม/อาตมภาพ ในฐานะอาจารย์พิเศษประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็คิดว่าท่าจะแย่แน่ เนื่องเพราะว่ากรำงานมาทั้งวัน ในงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศของตนเอง สุขภาพร่างกายของชายชราอายุย่างเข้า ๖๗ ก็ไม่ค่อยจะอำนวย แต่พอถึงเวลาแล้ว สัญชาตญาณนักสู้กลับขึ้นมา ท่านอาจารย์จะสอบถามอะไรก็ตอบไปตามความรู้ของตน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ.ดร. (สุเทพ ปวิสิโก ป.ธ.๔) ประธานคณะอนุกรรมสอบในครั้งนี้ให้คำชมเชยว่า "คล่องตัวที่สุดในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด ๘ รูป/คน เพียงแต่ว่าเอกสารหนังสือนั้นอาจจะรีบเขียนรีบทำ เพื่อที่จะส่งพิมพ์ให้ทัน จึงมีคำผิดอยู่หลายแห่ง ขอให้กลับไปแก้ไขให้เรียบร้อย แล้วมีโอกาสในครั้งต่อไปจะได้พิมพ์สิ่งที่ถูกต้อง" กระผม/อาตมภาพก็น้อมรับเอาคำของท่านเจ้าคุณอาจารย์มา เพื่อที่จะไปแก้ไขตนเองต่อไป
ท่านเจ้าคุณอาจารย์บอกว่าเตรียมรอรับหนังสือแต่งตั้งได้เลย เพราะว่าหลวงพ่อเล็กขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์พิเศษ ซึ่งตำแหน่งพิเศษนั้น เนื่องเพราะว่าตนเองเป็นอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่อาจารย์ประจำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะได้รับพิจารณาให้ผ่านมีมากเกินกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ กระผม/อาตมภาพเองนั้น เป็นบุคคลที่สอบเมื่อไรก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์ออกปากขนาดนี้ ด้วยประสบการณ์ของท่าน กระผม/อาตมภาพก็เชื่อไว้ก่อน จากที่ลูกศิษย์และพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็นพระครูตูม - ท่านพระครูสุธีกิตติบัณฑิต,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ดี ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ตาม ที่ได้ช่วยกันผลักดันจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องส่งหลักฐานทุกอย่างเพื่อเข้าสอบขอตำแหน่งทางวิชาการในครั้งนี้ พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. ท่านก็ได้เข้าไปเพื่อดูตัวอย่างในการสอบด้วย ว่าครูบาอาจารย์แต่ละท่านซักถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ท่านจะได้ขอสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองศาสตราจารย์เช่นกัน เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าถ้ามีเรือนำร่อง โดยเฉพาะเรืออย่างกระผม/อาตมภาพ ผู้ตามก็คงจะนั่งยิ้มไปตาม ๆ กัน แม้กระทั่งท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านยังกล่าวถึงด้วยความชื่นชมในตัวอาตมภาพอยู่เสมอ ว่าเป็นนิสิตตัวอย่างของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่า แม้วิทยานิพนธ์ของกระผม/อาตมภาพจะได้แค่ B+ เพราะครูบาอาจารย์เข้มงวดกวดขันมาก แต่กลับเป็นวิทยานิพนธ์ตัวอย่างที่ต้องพิมพ์ใหม่อยู่เสมอ เพราะว่ารุ่นน้อง ๆ ต้องเอาไปเป็นตัวอย่างในการที่จะทำวิทยานิพนธ์ หรือว่าสารนิพนธ์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
![]()
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพทำแบบคุณภาพ แล้วก็ทำแบบปริมาณ เพื่อรับรองผลแบบคุณภาพ จากนั้นยังมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เรียกว่าโฟกัสกรุ๊ปมาวิพากษ์งาน ตลอดจนกระทั่งมีการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลอีกด้วย ถือว่าเป็นวิทยานิพนธ์ที่มีรูปแบบค่อนข้างหลากหลาย จึงกลายเป็นตัวอย่างที่รุ่นน้อง ๆ ขอไปเพื่อเลียนแบบอยู่เสมอ
แต่ด้วยความที่ว่าการทำวิทยานิพนธ์หรือว่าสารนิพนธ์ในระดับปริญญาเอกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อตนเองยังทำไม่เสร็จ ก็ไม่คืนวิทยานิพนธ์ที่ยืมไปให้กับทางห้องสมุดมหาวิทยาลัย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอวิทยานิพนธ์ตัวอย่างไม่มีให้ยืม ท่านอาจารย์สุรพลก็ต้องขอมาอีกแล้วว่า "รบกวนหลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมพิมพ์เพิ่มให้ด้วยครับ" กระผม/อาตมภาพเองก็ยินดีในการช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัย และยินดีที่ได้เป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง ๆ จึงได้พิมพ์เพิ่มให้อยู่ทุกครั้งที่ขอมา ต่อไปนี้ ถ้าหากว่ามีตำราหรือว่ามีงานวิจัยขึ้นมา ถ้าตำแหน่งทางวิชาการได้รับการแต่งตั้งจริง อย่างที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ.ดร. ได้กล่าวไว้ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องห้อยท้ายชื่อด้วยคำว่า รศ.ดร.กับเขาบ้าง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
ศรัณย์ |
|
|