กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=164)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=11092)

พิชวัฒน์ 13-07-2025 17:28

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘



เถรี 13-07-2025 23:35

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม รุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ ภาวนาพระคาถาเงินล้านตั้งแต่ตี ๓ เนื่องเพราะว่าวันนี้มีภารกิจหลักก็คือ ต้องไปร่วมพิธีสามีจิกรรม ถวายสักการะพระเถระในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เนื่องในโอกาสเข้าพรรษาที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)

ในช่วงภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดพระพุทธรูป ตลอดจนกระทั่งรูปพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ และสิ่งที่ญาติโยมหรือว่าเพื่อนพระภิกษุนำมาถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่กระผม/อาตมภาพได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องค่อย ๆ จารวัตถุมงคลแต่ละชิ้น

ส่วนที่สะดุดตามากที่สุดก็คือรูปของกระผม/อาตมภาพ ที่ท่าน ผอ.ที - พระครูภาวนาวรบัณฑิต วิ., ดร. (วริทธิ์ธร วรเวที) ผู้อำนวยการส่วนงานวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ ทำมาให้ด้วยความเคารพนับถือยิ่ง

แต่ขอโทษเถอะครับ..กระผม/อาตมภาพไม่อนุญาตให้ใครทำรูปตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยสำนึกดีว่า คุณงามความดีของตนเองยังมีไม่พอที่จะขึ้นหิ้งให้ใครบูชา แต่ในเมื่อบุคคลทำมาโดยความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นการเฉพาะตัว ก็ต้องรับเอาไว้ กระผม/อาตมภาพเมื่อจารเสร็จแล้ว จึงอธิษฐานปลุกเสกในระหว่างการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งใช้เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมง

เมื่อนำอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้ว ก็ได้บอกกล่าวกับญาติโยมทั้งหลายว่า ใครต้องการวัตถุมงคลหรือสิ่งของชิ้นไหน ก็ให้ตีราคาแล้วจ่ายเงินด้วยตนเอง ระวังเพียงอย่างเดียวว่าอย่าให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพราะว่าเราจะกลายเป็นหนี้สงฆ์ ยกเว้นรูปของกระผม/อาตมภาพเท่านั้น ที่ขอราคา ๓๐,๐๐๐ บาท เพราะว่าไม่ต้องการให้ปรากฏอยู่ในโลกนี้..!

เถรี 13-07-2025 23:37

ปรากฏว่ามีลูกศิษย์ได้ทำการบูชาไป แล้วก็มีคนขอบูชาต่อในราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท..! แต่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นตายก็ไม่ให้ เนื่องเพราะว่าเป็นสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจารให้ด้วยตนเอง และท่านก็ไม่ให้ทำรูปของท่านอีกด้วย เป็นอันว่าฝ่ายหนึ่งได้ไปบูชาสมกำลังใจ ส่วนอีกฝ่ายที่ตัดสินใจช้า แม้ให้ราคาเกินไป ๓ เท่าเศษ เขาก็ไม่ขายให้เสียแล้ว..!

เมื่อเสร็จจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพต้องออกบิณฑบาต แต่ด้วยความที่วันนี้ต้องรีบเดินทางเข้าไปเพื่อร่วมพิธีสามีจิกรรมของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ จึงไม่ได้ออกบิณฑบาต ไปขออาหารเช้าที่โรงครัวจากแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน พร้อมกับจ่ายรางวัลที่ช่วยเหลืองานมาหลายวัน ให้กับบรรดาแม่ชีและญาติโยมที่ช่วยงานอยู่ที่วัดคนละ ๒,๐๐๐ บาท ถือว่าให้ในวาระพิเศษ คือวาระฉลองสัญญาบัตรพัดยศของกระผม/อาตมภาพเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว โดยปกติก็จะให้รางวัลตามหน้างาน ก็คือวันละ ๑๐๐ บาท ถ้างาน ๓ วันก็รับไป ๓๐๐ บาท งาน ๕ วันก็รับไป ๕๐๐ บาท เหล่านี้เป็นต้น

ก่อนหน้านี้กระผม/อาตมภาพเคยเตือนทิดสมพงษ์ (อดีตพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปที่ ๕ ตามที่ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่าอยู่ในลำดับนั้น ว่า "ใช้ใครอย่าใช้เปล่า ต้องมีรางวัลแก่พวกเขาด้วย เพื่อเป็นกำลังใจ" แต่ว่าท่านอาจารย์สมพงษ์ก็ไม่ได้สนใจตรงจุดนี้

เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาส นอกจากพระภิกษุสงฆ์ซึ่งนาน ๆ จะนิมนต์ขึ้นอาสน์สงฆ์เพื่อรับปัจจัยไทยธรรมเสียทีหนึ่ง ที่เหลือก็แทบจะไม่ได้ให้รางวัลอะไรเลย แต่ในส่วนของน้องสามเณร แม่ชี และฆราวาส ซึ่งถือว่าไม่ได้ออกกิจนิมนต์แบบพระภิกษุสงฆ์ ก็จะให้รางวัลตามที่ได้บอกไปแล้ว

เพียงแต่ว่าเดือนนี้ถือว่าทุกท่าน "ทำพระคาถาเงินล้านขึ้น" ก็แล้วกัน เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ ก็เพิ่งจะรับสังฆทานสลากภัตไป แล้วมางานนี้ ยังรับรางวัลไปอีกรูปละ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งจะว่าไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็หมุนเวียนนำเอาปัจจัยกลับมา ทำบุญกับกระผม/อาตมภาพอยู่เสมอ

เถรี 13-07-2025 23:43

โดยเฉพาะหลวงตาอ่อง (พระอ่อง ทีฆายุโก) พระภิกษุวัดท่าขนุนที่อายุมากที่สุด เป็นพระหลวงตาที่บวชเมื่อแก่ แต่ว่ามีญาติโยมเคารพนับถือมาก เพราะว่าศึกษาความรู้เอาไว้ ทั้งเรื่องของฤกษ์ยาม เรื่องของคาถาอาคม จนมีคนมาขอพึ่งพาอยู่เสมอ

เมื่อท่านได้รับปัจจัยจากกระผม/อาตมภาพก็ดี ได้รับปัจจัยที่ญาติโยมถวายให้ตามศรัทธาที่ช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม ได้ครบ ๑๐,๐๐๐ บาทเมื่อไร หลวงตาอ่องก็จะนำมาถวายกระผม/อาตมภาพ บอกว่า "ร่วมบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อ" ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกว่า ถ้าในสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องน่าจะเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พระราธเถระ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งให้เป็นเอตทัคคะทางว่านอนสอนง่าย

เนื่องเพราะว่าหลวงปู่พระราธเถระนั้นบวชเมื่อแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวีรเวรวีรกรรมของพระหลวงตาเอาไว้นับ ๑๐ ประการ ซึ่งหาความดีได้ยากมาก แต่ว่าหลวงปู่พระราธเถระนั้น ถือว่าเป็นบุคคลนอกเหตุเหนือผล ก็คือท่านเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน เกรงใจทั้งภิกษุผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า ถ้าหากว่าใครว่ากล่าวตักเตือน ก็น้อมลงรับฟัง พร้อมที่จะนำไปแก้ไขตนเองอยู่เสมอ กระผม/อาตมภาพจึงพิจารณาดูว่า ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องของวัดท่าขนุนก็คือลูกศิษย์หลวงปู่พระราธเถระนี่เอง

ครั้นฉันเช้าเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางเข้าไปยังวัดอุทยาน เพื่อที่จะไปใช้หนี้ เนื่องเพราะว่าได้มอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน พร้อมด้วยพระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ., ดร.ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ ซึ่งทั้งสองท่านได้ช่วยกันออกเงินพิมพ์หนังสือที่กระผม/อาตมภาพออกในนาม พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการในปีนี้ไปก่อน เมื่อท่านจ่ายเงินไปแล้ว มีโอกาสก็ต้องรีบมาคืนอย่างเร่งด่วน

ในส่วนนี้ต้องขอบพระคุณทั้งสองท่าน ที่ช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการทำเรื่องขอตำแหน่งทางวิชาการให้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เป็นบุคคลที่ไม่ขออะไรจากใคร ในเมื่อคนอื่นทนไม่ได้ ช่วยขอให้ก็เต็มใจรับไว้ นี่เป็นคติประจำตัว

เมื่อคืนนี้ก็ได้สอบต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเป็นการสอบประเมินเอกสารการสอน ตลอดจนกระทั่งประเมินผลการสอนของกระผม/อาตมภาพ ในฐานะอาจารย์พิเศษประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็คิดว่า "ท่าจะแย่แน่" เนื่องเพราะว่ากรำงานมาทั้งวัน ในงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศของตนเอง สุขภาพร่างกายของชายชราอายุย่างเข้า ๖๗ ก็ไม่ค่อยจะอำนวย แต่พอถึงเวลาแล้ว สัญชาตญาณนักสู้กลับขึ้นมา ท่านอาจารย์จะสอบถามอะไร ก็ตอบทุกอย่างไปตามความรู้ของตนเอง

เถรี 13-07-2025 23:49

จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ., ดร. (สุเทพ ปวิสิโก ป.ธ. ๔) ประธานคณะอนุกรรมการสอบในครั้งนี้ ให้คำชมเชยว่า "คล่องตัวที่สุดในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด ๘ รูป/คน เพียงแต่ว่าเอกสารหนังสือนั้นอาจจะรีบเขียนรีบทำ เพื่อที่จะส่งพิมพ์ให้ทัน จึงมีคำผิดอยู่หลายแห่ง ขอให้กลับไปแก้ไขให้เรียบร้อย แล้วมีโอกาสในครั้งต่อไปจะได้ตีพิมพ์ในสิ่งที่ถูกต้อง" กระผม/อาตมภาพก็น้อมรับเอาคำของท่านเจ้าคุณอาจารย์มา เพื่อที่จะไปแก้ไขตนเองต่อไป

ท่านเจ้าคุณอาจารย์บอกว่า "เตรียมรอรับหนังสือแต่งตั้งได้เลย เพราะว่าหลวงพ่อเล็กขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์พิเศษ ซึ่งตำแหน่งพิเศษนั้น เนื่องเพราะว่าเป็นอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่อาจารย์ประจำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะได้รับพิจารณาให้ผ่านมีมากเกินกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์..!"

กระผม/อาตมภาพเองนั้น เป็นบุคคลที่สอบเมื่อไรก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์ออกปากขนาดนี้ ด้วยประสบการณ์ของท่าน กระผม/อาตมภาพก็ต้องเชื่อไว้ก่อน

จากที่ลูกศิษย์และพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็น ผอ.พระครูตูม - ท่านพระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ., ดร. ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ดี ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ตาม ที่ได้ช่วยกันผลักดันจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพ ต้องส่งหลักฐานทุกอย่างเพื่อเข้าสอบขอตำแหน่งทางวิชาการในครั้งนี้

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. ท่านก็ได้เข้าไปเพื่อดูตัวอย่างในการสอบครั้งนี้ด้วยว่า ครูบาอาจารย์แต่ละท่านซักถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง ? เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ท่านจะได้ขอสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองศาสตราจารย์เช่นกัน เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าถ้ามี "เรือนำร่อง" โดยเฉพาะเรืออย่างกระผม/อาตมภาพ ผู้ตามก็คงจะนั่งยิ้มไปตาม ๆ กัน

แม้กระทั่งท่านอาจารย์ รศ., ดร. สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านยังกล่าวถึงด้วยความชื่นชมในตัวอาตมภาพอยู่เสมอว่า เป็นนิสิตตัวอย่างของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่า แม้วิทยานิพนธ์ของกระผม/อาตมภาพจะได้แค่ B+ เพราะครูบาอาจารย์เข้มงวดกวดขันมาก แต่กลับเป็นวิทยานิพนธ์ตัวอย่างที่ต้องพิมพ์ใหม่อยู่เสมอ เนื่องจากรุ่นน้อง ๆ ต้องเอาไปเป็นตัวอย่างในการทำวิทยานิพนธ์ หรือว่าสารนิพนธ์

เถรี 13-07-2025 23:51

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพทำแบบคุณภาพ แล้วก็ทำแบบปริมาณเพื่อรับรองผลแบบคุณภาพ จากนั้นยังมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ที่เรียกว่า "โฟกัสกรุ๊ป" มาวิพากษ์งาน ตลอดจนกระทั่งมีการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลอีกด้วย ถือว่าเป็นวิทยานิพนธ์ที่มีรูปแบบค่อนข้างหลากหลาย จึงกลายเป็นตัวอย่างที่รุ่นน้อง ๆ ต้องขอไปเพื่อเป็นแบบอยู่เสมอ

แต่ด้วยความที่ว่าการทำวิทยานิพนธ์หรือว่าสารนิพนธ์ในระดับปริญญาเอกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อตนเองยังทำไม่เสร็จ ก็ไม่คืนวิทยานิพนธ์ที่ยืมไปให้กับทางห้องสมุดมหาวิทยาลัย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอวิทยานิพนธ์ตัวอย่างไม่มีให้ยืม ท่านอาจารย์สุรพลก็ต้องขอมาอีกแล้วว่า "รบกวนหลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมพิมพ์เพิ่มให้ด้วยครับ" กระผม/อาตมภาพเองก็ยินดีในการช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัย และยินดีที่ได้เป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง ๆ จึงได้พิมพ์เพิ่มให้อยู่ทุกครั้งที่ขอมา

ต่อไปนี้ ถ้าหากว่ามีตำราหรือว่ามีงานวิจัยขึ้นมาอีก ถ้าตำแหน่งทางวิชาการได้รับการแต่งตั้งจริง อย่างที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ., ดร. ได้กล่าวไว้ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องห้อยท้ายชื่อด้วยคำว่า รศ., ดร. กับเขาบ้าง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:35


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว