กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 23-07-2025, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีก ๕ นาทีพระภิกษุสามเณรจะขึ้นอาสน์สงฆ์ ปีนี้วัดท่าขนุนมีพระเก่า ๓๕ รูป พระใหม่ ๗ รูป สามเณรใหม่ ๑ รูป การบวชจำพรรษาปีนี้รอดมาได้แค่รูปเดียว อีก ๒ นาคหลุดหายไป ไม่ผ่าน QC เพราะว่าวัดท่าขนุนเราต้องมาเป็นนาคล่วงหน้ากันนาน คนไม่ตั้งใจจริงจะไม่มาบวชที่นี่

โดยเฉพาะญาติโยมรอบ ๆ วัด เคารพรักหลวงปู่สายอดีตเจ้าอาวาสเป็นอย่างมาก จะบวชลูกเมื่อไร ต้องแห่มากราบหลวงปู่สายก่อน แต่ไปบวชวัดอื่น โดยบอกว่า "ถ้าอยู่วัดท่าขนุนเดี๋ยวลูกจะลำบาก..!" พอตีสามครึ่งก็ต้องตื่นมาทำกรรมฐานกันแล้ว ทำวัตรเช้าทำวัตรค่ำอีกวันละสามรอบ แถมยังออกบิณฑบาตทุกวัน บางวันถึงฝนตกกระหน่ำเป็นฟ้ารั่วก็บิณฑบาต กลับมาแทนที่จะได้ข้าวสวย ก็กลายเป็นข้าวต้ม..! เพราะว่าเวลาเปิดบาตรรับโยม น้ำก็ลงไปด้วย..!

เขากลัวลูกจะลำบากกัน ก็เลยไม่ค่อยอยากจะให้บวชวัดท่าขนุน ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นอะไรที่ย้อนแย้งมาก เขาบอกว่าวัดท่าขนุนเคร่งเกินไป อาตมภาพเองก็ "หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก" ญาติโยมอยากได้พระเณรที่เคร่งครัดต่อพระวินัย แต่กูไม่ให้ลูกบวชวัดนี้ ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2025 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 23-07-2025, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตั้งแต่อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสมา พักเดียวจะ ๒๐ ปีแล้ว ยังไม่มีปีไหนที่มีพระน้อยกว่า ๓๐ รูป ถ้าใครต้องการเรียน..ส่งเรียนไปจนสุดกำลังของท่าน ไม่ใช่ของอาตมา ถ้าใครต้องการปฏิบัติธรรม..ติดขัดตรงไหนสอบถามได้ทุกขั้นตอน ดังนั้น..พระวัดนี้ก็เลยค่อนข้างจะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ก็คือฝ่ายเรียนกับฝ่ายปฏิบัติธรรม แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

พระภิกษุสงฆ์และแม่ชีที่จบปริญญาเอกของจังหวัดกาญจนบุรีในช่วงแรกมีทั้งหมด ๑๓ รูป เป็นของวัดพระขนุนไป ๖ รูป เห็นแม่ชีหุงข้าวต้มแกงให้โยมอยู่ภายในวัด โยมก็ไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นแม่ชีด็อกเตอร์ จบปริญญาเอกอยู่ ๒ รูป..!

อาตมภาพไม่มีกติกา เรียนจบปุ๊บสึกปั๊บก็ไม่ว่า แต่ว่าตอนที่อยู่ ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมก็ต้องเรียน ห้ามอยู่เฉย ๆ มีอยู่สาขาวิชาหนึ่งก็คือปริญญาโทการพัฒนาสังคม ส่งไปเรียนจบมา ๖ รูป สึกไปพัฒนาสังคมเสีย ๖ รูป..! ก็เลยบอกกับผู้อำนวยการหลักสูตรว่า "ต่อไปหลักสูตรนี้อย่าเลี้ยวไปทางวัดท่าขนุนอีก เพราะว่าดีเกินไป..! ทำให้พระบวชแล้วเห็นช่องทาง ถึงเวลาเรียนจบ ก็สึกไปพัฒนาสังคมกัน" เป็นอะไรที่ขำ ๆ ดี

ปัจจุบันนี้ถ้าเป็นพระภิกษุสามเณรอำเภอทองผาภูมิ ถ้าใครเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี มาเบิกค่ารถได้ที่วัดท่าขนุนเดือนละ ๓,๐๐๐ บาทต่อรูป พูดง่าย ๆ ว่าส่งเรียนทั้งอำเภอ ส่วนทุนการศึกษาระดับประถมและมัธยม ก็ให้ทั้ง ๓๔ โรงเรียนในอำเภอนี้ โรงเรียนประถมให้ ๒๐ ทุน โรงเรียนมัธยมให้ ๓๐ ทุน ปีหนึ่งก็หลายล้านบาท..! เพราะฉะนั้น.. "สีกากอล์ฟ" ไม่เลี้ยวมาวัดนี้หรอก เพราะว่ามีเงินเท่าไรก็ใช้หมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2025 เมื่อ 00:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 25-07-2025, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๘

ผู้ปฏิบัติธรรมไปไหนหมด ? ขอตรวจสอบรายชื่ออีกหนึ่งรอบเพื่อความแน่นอนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกวุฒิบัตร บางท่านปฏิบัติธรรมกลางคันก็โดนฝนละลายหายไปจากวัดนี้..! ถ้าได้ยินแล้วมาด่วน ๆ เลยนะจ๊ะ

ตรงเวลาของวัดนี้ไม่ใช่ตรงตามนาฬิกา แต่ก่อนนาฬิกาประมาณ ๒๐ นาทีเป็นอย่างน้อย เพราะฉะนั้น..ถ้าใครมีนิสัยตรงเวลา มาวัดนี้จะเป็นคนทำอะไรช้าและสายกว่าคนอื่น..!

การปฏิบัติธรรมจะช่วยให้สภาพจิตของเราละเอียดขึ้น แหลมคมขึ้น ว่องไวขึ้น ดังนั้น..การตัดสินใจและการกระทำจึงเร็วกว่าผู้อื่น แต่ว่าเป็นความเร็วที่มีโอกาสพลาดน้อยมาก เนื่องเพราะว่าตรึกตรองดีแล้วถึงได้ทำ

สมัยที่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ถ้าท่านบอกว่าเวลาไหน ให้รีบไปก่อนเวลาเสมอ มีรุ่นพี่คือท่านฐิติ กระผม/อาตมภาพเตือนท่านเพราะท่านนั่งฉันอยู่ในวงแบบทองไม่รู้ร้อนว่า "หลวงพี่ต้องไปจันทบุรีกับหลวงพ่อไม่ใช่หรือ ทำไมไม่รีบไปขึ้นรถ ?" ท่านบอกว่า "หลวงพ่อนัด ๗ โมงเช้า" คือตอนนั้นประมาณ ๖.๔๐ น.

ท่านฉันเสร็จแล้วก็ขับรถไปที่หน้าวิหารแก้วร้อยเมตร เพราะว่านัดขึ้นรถกันที่นั่น ปรากฏว่ารถทุกคันหายไปนานแล้ว..! สรุปก็คือหลวงพี่ฐิติเป็นพระรูปเดียวที่ไปจันทบุรีด้วยกระเป๋า เพราะเอากระเป๋าขึ้นรถไปก่อน ส่วนตัวก็อยู่ที่วัด อีก ๕ วันเพื่อนค่อยเอากระเป๋ามาคืนให้..!

บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน อะไรที่ล่าช้าหรือว่ารกรุงรังจะไม่เอา ดังนั้น..ก็เลยทำอะไรเร็วกว่าคนอื่นเขา เป็นเรื่องที่สามารถสังเกตได้ ถ้าในระยะเวลาเท่ากัน เราอาจจะทำงานได้แค่ ๑ แค่ ๒ อย่าง แต่คนจะไปพระนิพพานอาจจะทำได้ถึง ๗ - ๘ อย่างไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2025 เมื่อ 01:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 25-07-2025, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อยากจะบอกว่าสิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด ใจที่เราคิด มีผลต่อการปฏิบัติธรรมของเราทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าแต่ละบุคคลนั้น สร้างบารมีหรือว่ากำลังใจมาไม่เท่ากัน ทำให้มีปัญญามากน้อยต่างกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บางท่านแม้ว่าเพิ่งจะปฏิบัติธรรม แต่ว่าก้าวหน้าเร็วมาก เพราะว่าคิดดี พูดดี ทำดี ความดีทั้งหมดจึงหนุนเสริมกัน ให้มีความก้าวหน้ากว่าคนอื่นเขา

พวกเราส่วนหนึ่ง
สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำขัดกันเอง อย่างเช่นเราปฏิญาณตนว่า "ขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แต่พอลำบากนิดเราก็ถอย ลำบากหน่อยเราก็ท้อ ดังนั้น..ถ้าใครก็ตามที่ความคิด คำพูด และการกระทำขัดกันเอง สิ่งที่เราจะพึงได้ก็จะยากกว่าคนอื่น เหมือนกับไม่มีอะไรจะทำก็เตะสกัดตัวเอง..!

เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ใช่คนช่างคิดช่างพิจารณาจะมองไม่เห็น มักจะคิดว่าเราคิดถูก พูดถูก ทำถูกอยู่เสมอ ลักษณะอย่างนั้นภาษาบาลีเรียกว่าวิปลาส ก็คือผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง อย่างเช่นว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง..เราเห็นว่าเที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์..เราเห็นว่าไม่ทุกข์ ร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน..เราก็ไปยึดมั่นว่าเป็นตัวเราของเรา

วิปลาสเหล่านี้ยังมีอีกมาก อย่างเช่นว่าปกติของร่างกายมีความสกปรก ประกอบประกอบไปด้วยทวารทั้ง ๙ มีแต่สิ่งสกปรกหลั่งไหลออกมาตลอดเวลา ต้องคอยชำระล้างให้สะอาดอยู่เสมอ แต่เราก็ไปเห็นว่าเป็นของสะอาด สิ่งที่ไม่สวยไม่งาม เราเห็นว่าสวยงาม เนื่องเพราะว่าปัญญาไม่ถึง โดนกิเลสหลอกให้หลง ๒ ชั้น ๓ ชั้น บางทียังทำให้เราพลอยยินดีปลาบปลื้มใจอีก อย่างเช่นมีคนทักว่าสวยขึ้น ซึ่งความจริงต้องใช้คำว่าสวยลง..!

เรื่องพวกนี้เป็นอะไรที่ต้องใช้ความละเอียดของจิตเข้าไปพินิจพิจารณาเป็นอย่างมาก การปฏิบัติธรรมจึงขาดวิปัสสนาญาณไม่ได้ เพราะว่าถ้าขาดเมื่อไร เราก็จะไม่เห็นความเป็นจริง ถ้าขาดสมาธิคือสมถะ ถึงเห็นความเป็นจริงสภาพจิตก็ไม่ยอมรับ จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไป ไม่ใช่ทำเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2025 เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 25-07-2025, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้การที่เราจะทำควบคู่กัน ถ้าหากว่าต้องการใช้ได้ทุกเวลาในชีวิตประจำวัน ก็ต้องพยายามพิจารณาให้เห็นธรรมชาติรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุธาตุ สิ่งของต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และเสื่อมสลายตายพังไปในที่สุด มองไปทางไหนก็เห็นเป็นอย่างนี้ ก็คือจะเห็นว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปก็ได้ จะเห็นว่ามีแต่ดับมีแต่พังสลายไปก็ได้ จะเห็นว่าเป็นทุกข์ เป็นภัย เป็นของน่ากลัวก็ได้

แต่คราวนี้เห็นแล้วใจเรายอมรับอย่างแท้จริงหรือไม่ ? บางคนสลดใจแค่ ๑ - ๒ นาทีแล้วก็กลับไปยึดมั่นถือมั่นเหมือนเดิม บางคนสามารถดึงตัวห่างออกมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็หลงกลกิเลส ย้อนกลับไปหาใหม่ อยู่ในลักษณะเบื่อ ๆ อยาก ๆ ประมาณว่าดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้..!

ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ประมาท ระลึกอยู่เสมอว่าลมหายใจนี้อาจจะเป็นลมหายใจสุดท้ายของเราก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงเป็นผู้ไม่มีวันพรุ่งนี้ มีเฉพาะวันนี้ หรือว่ามีเฉพาะเดี๋ยวนี้ เราจึงต้องทำวันนี้หรือว่าทำเดี๋ยวนี้ของเราให้ดีที่สุด คำว่าดีที่สุดก็คือเต็มกำลังกาย เต็มกำลังใจ เต็มกำลังสติปัญญา หรือว่าถ้าต้องอาศัยภายนอกก็เต็มกำลังคน เต็มกำลังทรัพย์ด้วย

คาดว่าทุกท่านคงไม่เคยทุ่มเทจนเต็มกำลังอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ เรื่องเพราะว่าฆราวาสถ้าบรรลุมรรคผลก็มักจะสิ้นชีวิตภายใน ๗ วัน อันนี้ตำราบอกไว้ แต่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า ที่ท่านเจอมา ฆราวาสบรรลุมรรคผลกลางวัน ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน ฆราวาสที่บรรลุมรรคผลกลางคืน ไม่มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้น มักจะโดนตัดให้ตายไปเสียก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2025 เมื่อ 01:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 25-07-2025, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พูดแค่นี้หลายคนเริ่มหวาดเสียว กลัวว่าตัวเองจะตาย ซึ่งจะว่าไปแล้วท่านทั้งหลายก็ยังมีความกลัวเป็นปกติ เราก็ต้องซักซ้อมการตายไว้เสมอ ๆ

ตื่นเช้าขึ้นมาทำกรรมฐานให้เต็มที่ แล้วลองถามตัวเองว่า คนที่เรารักมีหรือไม่ ? ของที่เรารักมีหรือไม่ ? ทรัพย์สมบัติที่เราห่วงใยมีหรือไม่ ? ถ้าให้ตายลงไปตอนนี้พร้อมหรือไม่ ? ให้กำลังใจตอบตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ใช่ข้อนี้ต้องตอบว่าไม่ถึงจะถูก แล้วเราก็ตอบตามนั้น ถ้าลักษณะแบบนั้นจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าไม่ใช่กำลังใจที่แท้จริงของตนเอง

ขอฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับพวกเราว่า
เรายังมีความรักความห่วงใยร่างกายนี้ ตลอดจนกระทั่งผู้คน สิ่งของรอบข้างหรือไม่ ? ถ้ามีก็พยายามสลัดตัดทิ้งไปให้เหลือน้อยที่สุด ถึงเวลาจะได้มีความคล่องตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ลำดับต่อไปให้ทุกคนตั้งใจสมาทานพระกรรมฐานแล้วเข้าสู่การปฏิบัติธรรมช่วงบ่ายกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2025 เมื่อ 01:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนทำวัตรเย็น วันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๘

เวลาเห็นคนอื่นเขาตื่นเต้นยินดีแล้วยังคิดว่าตัวอาตมาตายด้านหรือเปล่า ? พอดูอาการแล้วก็น่าจะตายด้านจริง ๆ นั่นแหละ..!

ในเรื่องของยศของตำแหน่ง อาตมภาพไม่เคยดิ้นรนอะไร เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนให้กอบโกยเรื่องอื่นใส่ตัว ท่านให้แต่ธรรมะเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นถือเป็น "ยศช้างขุนนางพระ" เขาให้มาก็รับไว้ เขาไม่ให้ก็แล้วไป

อาตมาก็ประพฤติอย่างนี้มาตลอด ก็แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มา แม้กระทั่งตำแหน่งต่าง ๆ ๓๐ กว่าตำแหน่ง ได้มาเพราะผู้บังคับบัญชาเห็นว่าสมควร แม้แต่สมณศักดิ์ครั้งแรกก็ไม่ได้ขอ ตอนนั้นหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอ ท่านเคยทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะอำเภอมาก่อน แล้วพวกเราคนขี้เกียจไม่อยากมีภาระ ก็ช่วยกันดันท่านขึ้นไปเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ท่านบอกว่า "หลวงพ่อช่วยสแกนลายเซ็นให้ผมหน่อย ผมจะทำเรื่องขอสัญญาบัตรให้"

ก็ยังบอกกับท่านไปว่า "ให้คนอื่นเขาไปสิ ผมไม่จำเป็นต้องมีอะไรหรอก เป็นแค่ "อาจารย์เล็ก" เป็นแค่ "หลวงพ่อเล็ก" ก็ทำงานเป็นปกติอยู่แล้ว" ท่านบอกว่า "ไม่ได้ครับ พอถึงเวลาส่งชื่อคนอื่นไป แล้วผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองท่านถามว่า..แล้ววัดท่าขนุนอยู่ที่ไหน ?" โดนกดดันมาก ก็เลยต้องทำเรื่องขอให้

แต่ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ เนื่องเพราะว่าแต่ละอย่างไม่ได้ขอ แต่ลงวาระที่เหมาะสมทุกครั้ง สัญญาบัตรครั้งแรกเป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ได้ปีที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา อย่างรางวัลวันเสาเสมาธรรมจักรผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ได้รับจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตอนนั้นท่านยังเป็นสยามบรมราชกุมารีเท่านั้น ได้รับปี ๒๕๕๕ ปีพุทธชยันตี ก็คือเป็นปีที่ ๒,๖๐๐ พอดี แล้วท้ายที่สุดทุกอย่างก็ค่อย ๆ ลงตัวไปเรื่อย ไม่ดิ้นไม่รน ใครทนไม่ไหวเดี๋ยวเขาก็ให้มาเอง เพราะว่าสิ่งที่ได้มาก็เป็นภาระ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมจะเห็นว่าในศาลานี้ไม่มีรูปอาตมาเลย ยกเว้นตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้ ขณะเดียวกันไปบางวัดติดเสียทุกเสาเลย เพื่อนฝูงเขาถามว่า "ทำไมอาจารย์เล็กไม่ติดรูปตัวเองบ้าง ?" ตอบไปว่า "ผมไม่ชอบเยี่ยวรดต้นเสา" ฟังเข้าใจไหม ? คือมีอะไรบางอย่างที่พอถึงเวลาต้องทำเครื่องหมายว่า "นี่เป็นของกู" แล้วก็ยกขาเยี่ยวรดใส่..!

คราวนี้ความคิดคนไม่เหมือนกัน บางท่านก็ติดรูปตัวเองเสียทุกซอกทุกมุม ในวัดในวาของเราสิ่งที่ควรติดก็คงจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ ไม่ใช่รูปตัวเอง อาตมาภาพคิดอย่างนี้

เพราะฉะนั้น..ญาติโยมจะเห็นว่าอาตมภาพสร้างวัตถุมงคลมาหลายปียังไม่มีรูปตัวเอง เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก มีคนเขาถามว่า "ทำไมไม่ออกเหรียญรุ่นแรก ?" บอกเขาไปว่า "เกรงว่าความดียังไม่พอ" คนที่ขึ้นหิ้งให้เขาบูชาแล้วความดีไม่พอนี่ แหม..น่าเกลียดมาก..!

อาตมภาพไปช่วยตุ๊พ่อสิงห์ท่านสร้างพระจุฬามณีที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ตอนนี้เสร็จแล้ว ท่านขอพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุ แล้วก็คงไม่แคล้วอาตมาต้องไปเป็นประธานบรรจุให้กับท่าน ยังเสียว ๆ อยู่เหมือนกันว่าอายุ ๖๗ ปี นี่ขึ้นบันไดสูง ๆ ยังไหวไหม ? มีแต่คนเขาเห็นว่าอาตมายังไม่แก่ ส่วนเจ้าตัวนั้นรู้ว่าตัวเองโคตรแก่เลย..!

เดี๋ยวพวกเราทำวัตรก่อน อาตมาจะไปอัญเชิญพระบรมรสารีริกธาตุให้กับทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า เมื่อวานนี้, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๖๘

เป็นอย่างไร..ที่เหลือหายไปไหนกันหมด ? โดนฝนละลายไปใช่ไหม ? เรื่องของกิเลส มารยาสุด ๆ ถ้าผ่อนผันอะไรให้แม้แต่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปจะบอกว่า "คราวที่แล้วยังได้เลย" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องเข้มงวดกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเสียท่ากิเลสอยู่ร่ำไป ภาษาบาลีเขาว่า ปุนัปปุนัง คือ ไม่รู้จักแล้วจักเลิก

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องของการตรงต่อเวลาก็ดี กินน้อยนอนน้อยเพื่อปฏิบัติให้มากก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็จะโดนกิเลสจูงจมูกอยู่เรื่อย ๆ สภาพจิตก็จะหยาบขึ้น มืดบอดมากขึ้น ขนาดที่ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักพิจารณา ไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

อย่างการใส่บาตรเมื่อเช้า คนอื่นเขาเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกนี้ยืนขวางแถวพระเลย ประมาณว่าใส่บาตรเสร็จแล้วพระจะไปทางไหนก็เรื่องของพระ แต่กูจะยืนตรงนี้ แล้วอาตมาเองก็เป็นคนไม่หลีกใครเสียด้วย จึงเดินชนไปเลย..!

อีกประเภทหนึ่งก็ไม่ยอมถอดรองเท้า พอบอกให้ถอดรองเท้า ยังมีข้อแก้ตัวสารพัด ประมาณว่า "ถ้าถอดเดี๋ยวบิดามารดาจะสิ้นชีวิต..!" "ถอดแล้วกิจการจะล่มจม..!" อะไรประมาณนั้น อาตมาเองก็ขี้เกียจฟัง ส่วนใหญ่ก็เดินเลยไป ไม่ถอดรองเท้าก็ไม่ต้องใส่บาตร..!

ในเมื่อสภาพจิตหยาบ มืดบอด ความเป็นมิจฉาทิฐิเข้าถึงได้ง่าย โอกาสที่จะพลิกฟื้นก็ยากเต็มทีแล้ว เพราะว่าเรื่องของกิเลส พอถึงเวลาก็จะมีข้ออ้าง แล้วพอมีข้ออ้างทีหนึ่ง ถ้ากำลังใจเราไม่เข้มแข็งพอ ก็ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดกัน..!

จึงเป็นอะไรที่น่าหนักใจมากว่า พุทธศาสนิกชนของบ้านเรา มักจะ
เอาความมืดบอดมาแทนปัญญา ความโง่เขลามาแทนศรัทธา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปโทษใคร เนื่องเพราะว่าตัวเองทำตัวเอง เมื่อทำตัวเองก็คงไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเราได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #30  
เก่า เมื่อวานนี้, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,854
ได้ให้อนุโมทนา: 159,004
ได้รับอนุโมทนา 4,496,126 ครั้ง ใน 36,465 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ช่วงเช้าเราปฏิบัติธรรมกันตามปกติ หลังจากเลิกแล้ว ช่วงบ่ายขอเวลาสำหรับงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศฯ ก็แปลว่าวันนี้เราปฏิบัติธรรมเฉพาะช่วงเช้า

คราวนี้พอมีงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ดูใจตัวเองด้วยว่าเรารักษากำลังใจได้ไหม ? ฟุ้งซ่านไปกับคนหมู่มาก หรือว่านิ่งสงบได้เหมือนอย่างกับอยู่คนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ทำได้ก็จะหลุดหายหมดตอนงานนี่เอง..!

โยมจะเลียนแบบอาตมภาพไม่ได้หรอก เพราะว่าของอาตมานี่กดปุ่มสั่งได้ ก็คือของบางอย่างในจำนวนคนมาก ๆ ด้วยกัน ถ้าไม่ดุ ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่กล่าว ระเบียบก็จะไม่มี แต่ถ้าจะดุ จะด่า จะว่า จะกล่าว ต้องระวังกำลังใจตัวเองด้วยว่า เราเกิดโทสะขึ้นมาหรือไม่ ? ถ้าเกิดโทสะขึ้นมา วางกำลังใจเป็นกลางไม่ได้ เราจะเสียผลเอง

โยมส่วนใหญ่แล้วดูไม่ออก มองไม่เป็น สู้หมายังไม่ได้ หมาของอาตมาตวาดด่าปุ๊บ..มันเลียแผล็บ..! รู้ว่าด่าแต่ปาก อยากด่าก็ด่าไป เดี๋ยวเจ้านายก็ต้องเลี้ยงเราเอง เพราะฉะนั้น..ในเมื่อหลาย ๆ อย่างสู้เราหมาไม่ได้ ก็ต้องพยายามทำ ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะเป็นเจ้านายหมาไม่ได้ เป็นได้แค่ "ทาสหมา" เท่านั้น หรือส่วนใหญ่เป็นอยู่แล้ว ?

อาตมาก็เป็น "ทาสหมา" ไปเกินครึ่งแล้ว แต่ละเดือนค่ารักษานี่หลายหมื่นบาท มีอยู่สองเดือนก่อนกระมัง ? จ่ายค่าผ่าตัดให้หมา ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท ผ่าได้สองวันตาย..! ถ้าหมาตายก่อนหน้านั้น อาตมาก็ไม่ต้องเสียเงินแล้ว..!

ตอนแรกพระที่ท่านพาหมาไปหาหมอก็บอกว่า "หมอไม่รับรอง เพราะว่าสภาพหมาป่วยมานาน โทรมมาก ไม่สามารถจะหาเลือดหมามาเติมให้ได้ เพราะฉะนั้น..ถึงผ่าตัดไปก็มีสิทธิ์ตายมากกว่ารอด..!" ก็เลยบอกไปว่า "ชีวิตทุกรูปทุกนามไม่มีใครอยากตายหรอก เพราะฉะนั้น..รักษาไปให้เต็มที่ ได้เท่าไรก็แค่นั้น" แหม..ได้สองวัน..!

นี่ถ้าอาตมาเป็นหมาตัวนั้นนี่ด่าเลย "ผ่ากูเจ็บแทบตาย ไม่หาย..แถมยังตายเหมือนเดิม..!" พวกเราถ้าเคยพาหมาไปหาหมอแล้วจะรู้ หมากลัวหมอเหมือนกับคนนี่แหละ พอถึงเวลาจะฉีดยานี่สั่นไปทั้งตัวเลย แล้วหมารู้ได้อย่างไรว่านั่นคือเข็มฉีดยา ? ถึงเวลาต้องปิดตาไว้ไม่ให้ดู ไม่อย่างนั้นเห็นเข็มแล้วหมากลัวมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว