กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-03-2023, 17:28
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,911 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-03-2023, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเปิดเว็บไซต์วัดท่าขนุนขึ้นมาก็ "น้ำตาจิไหล..!" เพราะว่ามีดหมอหลวงพ่อกวยที่ตั้งใจเก็บไว้เองหายไปรวดเดียว ๓ เล่ม แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะว่าท่านทั้งหลายถือว่าเป็นผู้มีบุญ จึงสามารถที่จะได้ครอบครองของดีซึ่งกระผม/อาตมภาพใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะเสาะหามาได้

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพก็ยังกรำงานอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครปฐมแห่งที่ ๒ ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ในฐานะรองประธานคณะพระวิปัสสนาจารย์ตามโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าวิธีเรียกแขกของกระผม/อาตมภาพนั้นใช้ได้ผลดี

แต่ว่าที่นึกไม่ถึงก็คือในระหว่างที่กำลังทำการเรียกแขกอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังว่า "ท่านหยุดพูดสักครู่หนึ่งแล้วนั่งลงก่อนได้ไหมเจ้าคะ ?" เมื่อหันมาก็เจอคณะญาติโยม ๔ - ๕ คน ถามโยมว่า "มีธุระอะไรหรือ ?" โยมบอกว่า "มาถวายภัตตาหารแก่ผู้เข้าปฏิบัติธรรม ฟังท่านมาหลายวันแล้วรู้สึกชอบใจมาก เพราะว่าท่านสามารถที่จะนำเอาเรื่องราวหลากหลาย มาประยุกต์เข้ากับข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แยกแยะและชี้แจงให้เห็นอย่างชัดเจน ง่ายต่อการที่จะปฏิบัติ"

กระผม/อาตมภาพเองจึงต้องนั่งลงตามที่โยมขอร้อง แล้วญาติโยมทั้งหลายก็รวบรวมปัจจัยทั้งหมดถวายมา เป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ รวมแล้ว ๒,๕๐๐ บาท ก็นับว่ากระผม/อาตมภาพสามารถพูดจนเป็นเงินเป็นทองได้เหมือนกัน..!

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่าวันนี้เห็นบรรดาท่านผู้เข้าปฏิบัติธรรมหลายท่านเริ่มท้อแล้ว เพราะว่าปฏิบัติมาอย่างหนักตั้งแต่วันแรก กระผม/อาตมภาพจึงได้เตือนท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า การที่เราจะฝ่าทะลุเพดานอะไรสักอย่างหนึ่ง เราจะต้องทุ่มเท เร่งรัดหนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ทะลุขีดจำกัด..!

อย่างเช่นว่าถ้าร่างกายของเราจำกัดไว้แค่นี้ แล้วทุกครั้งเราก็ยอมหยุดแค่นี้ เราจะไม่มีวันก้าวหน้าได้เลย แต่ถ้าร่างกายบอกว่าจำกัดอยู่แค่นี้ ไปต่อไม่ได้แล้ว แต่เราฝืนไปต่อ ร่างกายที่มีสภาพจำ เมื่อฝืนต่อไปสัก ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ร่างกายก็จะเคยชินว่า ต่อไปต้องทำแค่นี้ เมื่อถึงตอนนั้นเราก็สามารถที่จะขยายเพดานศักยภาพของร่างกายให้มากขึ้นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2023 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-03-2023, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในด้านของจิตใจก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อเราต้องการที่จะฟันฝ่ากองกิเลสพ้นไปให้ได้ เราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทุ่มเทกำลังใจให้มากกว่าเดิม ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านสามารถทุ่มเทได้ชนิดที่ไม่เห็นแก่ชีวิต พร้อมที่จะเอาชีวิตเข้าแลก ท่านก็สามารถที่จะทะลุข้อจำกัดของร่างกายและจิตใจไปได้ ก็แปลว่าท่านจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น สภาพร่างกายและจิตใจมีความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบากยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสที่เราจะเข้าถึงมรรคถึงผลมีมากขึ้นไปด้วย

เหมือนอย่างกับคนสองคนชกมวยกันอยู่ ต่างคนต่างก็หมดแรงแล้ว แต่ว่าอีกคนหนึ่งยังคงกัดฟันเดินหน้าอย่างชนิดที่ไม่คิดจะถอยหลัง ก็ย่อมทำให้คู่ต่อสู้ที่หมดแรงเช่นกัน คิดว่าอีกคนยังมีกำลังเหลืออยู่ ถ้าไม่ใช่ว่าต้องถอยร่นไป ก็อาจจะถึงขนาดจะถอดใจพ่ายแพ้ไปได้เลย

เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพมีตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือตนเองกับพระครูแสง (ท่านพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล) เนื่องจากว่าเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา จึงทำให้ทำอะไรหลายอย่างใกล้เคียงกันหมด แต่ว่าเมื่อมาถึงในช่วงที่กระผม/อาตมภาพทุ่มเทให้กับการฝึกกรรมฐานแบบเอาเป็นเอาตาย พระครูแสงท่านกลับไปเพาะกาย มีการกินนมทีละ ๒ ลิตร กินไข่ทีละ ๑๒ ฟอง เป็นต้น ทำให้ท่านมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่ากระผม/อาตมภาพเกือบครึ่งหนึ่ง..!

แต่พอถึงเวลาลงนวมซ้อมมวยด้วยกันทีไร แม้ว่ากระผม/อาตมภาพโดนเจ็บแค่ไหน แต่ว่ากัดฟันเดินใส่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งท้ายที่สุด พระครูแสงก็ต้องบอกว่า "ไม่เอาแล้ว ยอมแล้ว" ในลักษณะอย่างนี้นั้น ถ้าหากว่าอีกฝ่ายหนึ่งเหวี่ยงมาอีกสักหมัดสองหมัด กระผม/อาตมภาพเองนั่นแหละที่จะแพ้ เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งร่างกายใหญ่โตกว่า แข็งแรงกว่า ฮุกมาทีกระผม/อาตมภาพถึงขนาดลอยทั้งตัว เพียงแต่เดินใส่แบบไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย จึงทำให้พระครูแสงต้องถอดใจยอมแพ้ไปเอง

เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราจะฝ่าทะลุขีดจำกัดของตนเอง ก้าวขึ้นไปสู่ในระดับที่สูงกว่าได้ ก็ต้องฝืนร่างกายและจิตใจ ทุ่มเทให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วกิเลสที่มีมายามากก็จะบอกว่า "ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว" เราก็จะไปเชื่อกิเลสเสียทุกที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-03-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือว่า กระผม/อาตมภาพเห็นผู้เข้าปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ กำลังพยายามที่จะทุ่มเทให้ได้อย่างที่กระผม/อาตมภาพบอก จึงได้ให้เคล็ดลับกับท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปว่า ถ้าหากว่าท่านอยากพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ท่านจะไม่มีวันพ้นเลย เพราะว่าท่าน "อยากพ้น" ทำอย่างไรที่ท่านจะลืมความอยากนั้นเสีย แล้วตั้งหน้าตั้งตาพินิจพิจารณาข้อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ารู้แจ้งเห็นจริงและยอมรับตามนั้น ถึงท่านจะอยากหรือไม่อยาก ท่านก็สามารถที่จะก้าวพ้นไปได้

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายต้องเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งว่า กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกายนี้ ทุกคนมีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่ง กิเลสก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่เราได้

กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบมานักต่อนักแล้วว่า เหมือนกับเราลวกก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ก็ไม่มีใครอยากที่จะกิน แต่เราเปลี่ยนจากน้ำเปล่าไปเป็นน้ำซุป มีการใส่หมูสับ ใส่ตังฉ่าย ใส่ต้นหอมสับ ใส่กุ้งแห้ง ใส่ถั่วลิสงป่น ใส่พริกป่น ใส่น้ำตาล ใส่น้ำปลา ใส่น้ำส้มสายชู ยิ่งปรุงก็ยิ่งอร่อย เมื่ออร่อยเรากินแล้วก็อยากกินอีก

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราไม่มีการปรุงแต่ง รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ก็ไม่มีรสชาติ เราเองก็จะเบื่อหน่าย ถอนจิตออกมาเองโดยอัตโนมัติ การที่เราจะไม่ปรุงแต่งก็คือ หยุดการคิดให้ได้ เพราะว่าคิดเมื่อไรก็ปรุงแต่งเมื่อนั้น

การที่เราจะหยุดความคิดได้ ในเบื้องต้นก็คือต้องอยู่กับปัจจุบัน เพราะว่าความคิดของเรานั้น ถ้าไม่ไปในอดีตก็จะไปในอนาคต ก็จะไปยึดติดห่วงหาอาลัยกับอดีต หรือไม่ก็จะไปยึดติดด้วยการฝันเฟื่องถึงอนาคต เราต้องอยู่กับปัจจุบันด้วยสติรู้ตัวสมบูรณ์พร้อม ก็จะสามารถหยุดการปรุงแต่งทั้งปวงลงได้

การที่เราจะมีสติ อยู่กับปัจจุบันตรงหน้าได้ ก็คือการที่เราเอาความรู้สึกทั้งหมดตามลมหายใจเข้าไป ตามลมหายใจออกมา ให้สภาพจิตอยู่แค่นี้ ก็จะไม่มีการปรุงแต่งไป รัก โลภ โกรธ หลง กิเลสทั้งหลายก็จะดับลงชั่วคราว ถ้าเราสามารถที่จะรักษากำลังใจให้ต่อเนื่องยาวนานไปได้ กิเลสไม่สามารถที่จะเกิดได้ ท้ายสุดก็จะหมดกำลัง ตายไปเอง เรียกว่าการบรรลุมรรคผลแบบเจโตวิมุติ คือใช้กำลังใจในการกดข่มกิเลสจนกระทั่งหลุดพ้นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2023 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-03-2023, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือว่าท่านทั้งหลายพินิจพิจารณาว่า ร่างกายนี้ก็ดี รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหลายก็ดี ก่อทุกข์ก่อโทษให้เรามานานกัปกัลป์อนันตชาติแล้ว ถ้าหากว่าเราเกิดมามีร่างกายเช่นนี้อีก เราก็ประสบกับความทุกข์ยากลำบากเช่นนี้อีก ชาติแล้วชาติเล่าไม่รู้จักจบจักสิ้น เราควรที่จะพอ ควรที่จะเข็ดได้หรือยัง ?

ถ้าหากว่าเราพอแล้ว เราเข็ดแล้ว เราก็ไม่พึงปรารถนาการเกิดมามีร่างกายนี้อีก ไม่พึงปรารถนาการเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเหล่านี้อีก เราก็ถอนกำลังใจของเราออกมาจากการยึดเกาะในร่างกายของตนเอง จากการยึดเกาะในร่างกายของคนอื่น จากการยึดเกาะในร่างกายของสัตว์อื่น จากการยึดเกาะในสรรพสิ่งทั้งปวง เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

ถ้าเป็นลักษณะนี้ เรียกว่าการบรรลุมรรคผลด้วยปัญญาวิมุติ ก็คือใช้ปัญญาพินิจพิจารณา จนสภาพจิตยอมรับซึ่งความเป็นจริงเหล่านั้น แล้วปล่อยการเกาะเกี่ยวยึดติดทั้งปวง ก็สามารถที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

นับว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพเทให้ชนิดหมดกระเป๋า ได้แต่หวังว่าบรรดาผู้เข้าปฏิบัติธรรมงวดนี้ทั้ง ๑๑๒ รูป ตลอดจนกระทั่งบรรดาท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่นั้น จะมีใครสามารถเข้าใจและพยายามทำตามในสิ่งที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้ว เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ดื่มซึ่งอมตรส คือพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถทำได้จริง ๆ ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2023 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว