|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
![]()
แม่ชีจัดอยู่อุบาสิกาบริษัท บริษัท ๔ ของพระพุทธศาสนา คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แม่ชีจัดเป็นอุบาสิกาบริษัท และที่อัศจรรย์ก็คือว่า แม่ชีนั้นเริ่มมีขึ้นที่เมืองไทย
สมัยการสังคายนาครั้งที่ ๓ ประมาณพุทธศักราชสองร้อยเศษ พระเจ้าอโศกมหาราชส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนา ๙ สายด้วยกัน สายที่ ๘ มาที่สุวรรณภูมิ โดยมีพระโสณะเถระและพระอุตระเถระเป็นหัวหน้าสาย สมัยนั้นดินแดนสุวรรณภูมิมีพระเถระที่บวชกับพระพุทธเจ้า ได้มาวางรากฐานพระพุทธศาสนาไว้ก่อนแล้ว ก็คือ พระปุณณะเถระ ในพระไตรปิฎกบอกว่าอยู่ที่ สุนาปรันตปะ (บางหลักฐานเขาเชื่อว่า สุนาปรันตปะ อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรีค่ะ) การเผยแผ่พุทธศาสนาในสมัยก่อนเขาไม่ได้ทำส่งเดช เขาต้องศึกษาข้อมูลมาดีพอสมควร ว่าไปที่ไหนแล้วจะมีคนต้อนรับบ้าง ไม่ใช่ว่าไปแล้วไม่มีอะไร ไปเริ่มต้นนับหนึ่งนี่ไม่มีใครไปเผยแผ่หรอก เมื่อพระโสณะเถระและพระอุตระเถระ พร้อมด้วยคณะมาเยือนที่สุวรรณภูมิ ท่านได้นำเอาพวกพราหมณ์และพวกราชครูปุโรหิตต่าง ๆ มาเผยแผ่วิชาการอื่น ๆ ด้วย แต่ว่าขาดภิกษุณี ในเมื่อไม่มีภิกษุณีที่สามารถเป็นปวัตตินี (พระอุปัชฌาชย์ของภิกษุณี) ถึงเวลาผู้หญิงเลื่อมใสแล้วเกิดอยากบวช ท่านก็เลยใช้วิธีให้โกนหัว นุ่งขาวแล้วให้รับศีลแปด ไว้รอภิกษุณีที่ตามมาภายหลัง เผื่อภิกษุณีที่ส่งตามมาภายหลังมีอายุพรรษาสมควรเป็นปวัตตินีได้ จะได้บวชให้ แต่คาดว่าต่อให้ส่งภิกษุณีมาก็บวชไม่ไหว เพราะพระพุทธเจ้าท่านตั้งใจไม่ให้มีภิกษุณี ท่านบอกว่าถ้าผู้หญิงอยู่ในธรรมวินัยนี้แล้ว พระธรรมวินัยจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน สมัยนั้นเราอาจจะคิดไม่ถึง แต่สมัยนี้เห็นชัด ขนาดอยู่นอกวัดเขายังลากไปปู้ยี้ปู้ยำในวัด แล้วท่านบังคับว่าภิกษุณีต้องอยู่ในอาวาสที่มีภิกษุด้วย เพราะถ้ามีแต่ผู้หญิงจะโดนเขารังแกได้ง่าย การที่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นพระอริยเจ้าก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นปุถุชนแล้วเกิดไฟช็อตได้ง่าย..! ท่านก็เลยห้ามเอาไว้ว่า ปวัตตินี คือ บุคคลที่สามารถเป็นอุปัชฌาย์ได้ต้องมีพรรษาพ้น ๒๐ ไปแล้ว กว่าจะพรรษาที่ ๒๐ นี่ตายแน่..! บวชได้ปีละ ๑ รูปและบวชได้ปีเว้นปี ก็แปลว่าสองปีบวชได้ ๑ รูป สี่ปีบวชได้ ๒ รูปเท่านั้น เหตุที่ภิกษุณีสูญไปเพราะเหตุนี้ เนื่องจากว่า กว่าจะรอได้อายุพรรษาประการ ๑ รอจนกว่าจะบวชได้ประการ ๑ บางทีพระอุปัชฌาย์ตายก่อน พอดีก็ไม่ต้องบวชเลย เมื่อเป็นดังนั้น พระโสณะเถระและพระอุตระเถระพร้อมด้วยคณะ ท่านก็เลยให้บวชเป็นชีก่อน แล้วก็ให้อยู่รวมกันในอารามที่เมืองทวาราวดีนั้น ชื่อว่าสำนักประชุมนารี ปัจจุบันยังเป็นสำนักแม่ชีใหญ่อยู่ที่ราชบุรี ใครอยากรู้ว่าสำนักแม่ชีที่สืบเนื่องมาสองพันกว่าปี หน้าตาเป็นอย่างไรก็แวะไปดูได้ สอนมโนมยิทธิด้วย เพราะว่าวัดท่าซุงมีงานเมื่อไร สำนักนี้จะขนคนขนของไปช่วยทันที เขาเลื่อมใสหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก ถาม : สามเณรีคืออะไร ? ตอบ : สามเณรี คือบุคคลที่ตั้งใจจะบวชเป็นภิกษุณีนี่แหละ แต่อายุยังไม่ถึง ๑๘ ปี ก็บวชเป็นสามเณรีถือศีลแปดไปก่อน ถ้าอายุถึง ๑๘ ปี ปฏิบัติตนเป็นสิกขมานา คือ ผู้ที่เตรียมบวชเป็นภิกษุณี ๒ ปี โดยการถือศีล ๖ (ศีล ๕ บวกข้อวิกาลโภชนา) ถ้าหากว่าภายในสองปีศีลไม่บกพร่องเลยก็อนุญาตให้บวชได้ แต่ต้องรอพระอุปัชฌาย์ ดังนั้น...ถ้าเราได้ยินสามเณรีหรือสิกขมานาแล้วอาจจะสงสัย ก็ให้เข้าใจว่าเป็นบุคคลที่จัดอยู่ในอุบาสิกาบริษัทอย่างหนึ่ง รอจนกว่าจะบวชเป็นภิกษุณีบริษัทได้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ไม่มีใครทำลายพุทธศาสนาได้ นอกจากพุทธบริษัท ๔ เท่านั้น ก็แปลว่าถ้าพวกเราไม่ได้รักษาพระพุทธศาสนา ไม่ได้ประพฤติในศีล สมาธิ ปัญญา เราเองนั่นแหละ จะเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาเสียเอง คนอื่นเขาทำอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้ฆ่าพระหมดทั้งประเทศหลักธรรมก็ยังอยู่ ดังนั้น...บุคคลที่จะทำลายพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดก็คือ พุทธบริษัท ๔ ท่านบอกว่าเหมือนกับสนิมเหล็กที่เกิดจากเนื้อในของเหล็ก แล้วกัดทำลายเหล็กนั้นจนกร่อนไป" เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๒
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-08-2013 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|