|
ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
![]()
กราบหลวงพ่อเล็ก
มีพระสูตรหนึ่งที่กล่าวว่า [๓๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ และมานะ ๓ ควรละ ตัณหา ๓ เป็นไฉน คือ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ตัณหา ๓ นี้ควรละ มานะ ๓ เป็นไฉน คือ ความถือตัวว่าเสมอเขา ๑ ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ๑ ความถือตัวว่าดีกว่าเขา ๑ มานะ ๓ นี้ควรละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ตัณหา ๓ และมานะ ๓ นี้ย่อมเป็นธรรมชาติ อันภิกษุละได้แล้ว เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหา ขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้กระทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะได้โดยชอบ ฯ โยมสงสัยว่าตัณหาและมานะมีความเกี่ยวพันกันเช่นไรคะ และจากพระสูตรนี้หากแค่ละตัณหากับมานะสองอย่างนี้ได้คือการกระทำสิ้นสุดแห่งทุกข์หรือคะ และขอความเมตตาอธิบายตัวมานะค่ะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ปาริชาต : 28-01-2021 เมื่อ 03:33 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ปาริชาต ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : มีพระสูตรหนึ่งที่กล่าวว่า
[๓๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ และมานะ ๓ ควรละ ตัณหา ๓ เป็นไฉน คือ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ตัณหา ๓ นี้ควรละ มานะ ๓ เป็นไฉน คือ ความถือตัวว่าเสมอเขา ๑ ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ๑ ความถือตัวว่าดีกว่าเขา ๑ มานะ ๓ นี้ควรละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ตัณหา ๓ และมานะ ๓ นี้ย่อมเป็นธรรมชาติ อันภิกษุละได้แล้ว เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหา ขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้กระทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะได้โดยชอบ ฯ โยมสงสัยว่าตัณหาและมานะมีความเกี่ยวพันกันเช่นไรคะ และจากพระสูตรนี้หากแค่ละตัณหากับมานะสองอย่างนี้ได้คือการกระทำสิ้นสุดแห่งทุกข์หรือคะ ? และขอความเมตตาอธิบายตัวมานะค่ะ ตอบ : ตัณหาคือความอยาก มานะคือตัวกู ถ้าไม่มีตัวกูและความอยาก ทุกอย่างก็จบ |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|