 
| 
 | |||||||
| เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป | 
|  | 
|  | คำสั่งเพิ่มเติม | 
| 
			 
			#1  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|  เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี  ต้นเดือนกรกฎาคม  ๒๕๕๙ 
			
			ถาม : แต่ก่อนผมสงสัยครับว่าพระสารีบุตร ท่านฟังธรรมจากพระอัสชิเถระแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบัน โดยที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเลยได้อย่างไร ? ธรรมที่พระอัสชิเถระ ท่านสอนว่า "ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้" หลังจากฟังจบแล้ว พระสารีบุตรเป็นบรรลุเป็นพระโสดาบันทันที แล้วท่านก็เอาไปบอกพระโมคคัลลานะ ท่านก็บรรลุเป็นพระโสดาบันทันที ผมสงสัยมาหลายเดือนมาก ผมเลยพิจารณาเลยสรุปได้ว่า ทุกอย่างในโลกนี้ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน และทุกอย่างในโลกนี้ ก็มีสภาพเปลี่ยนแปลงเสื่อมสลาย และในที่สุดก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เลยไปตรงกับคำสั่งสอนของพระที่ว่า "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เลยอยากทราบว่า ท่านพิจารณาประมาณนี้เปล่าครับเลยได้เป็นพระโสดาบัน ? ตอบ : ไม่ได้ถามท่านเสียด้วย ต้องบอกว่าคนถามฟุ้งซ่านได้ดีมาก ความจริงต้องแยกเป็นสองประเด็น ประเด็นแรกก็คือไม่ได้พบพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุมรรคผลได้อย่างไร ? ไม่มีกติกาข้อไหนที่ต้องพบพระพุทธเจ้าแล้วถึงบรรลุมรรคผล เพราะว่าหลักธรรมของพระองค์ท่านเป็นสากล เป็นอกาลิโก ผู้ใดที่เข้าใจ มั่นใจว่าตนเองทำได้ ตัดสินใจทำทันที บุคคลนั้นย่อมได้มรรคผลไปตามวาสนาบารมีของตน ส่วนประเด็นที่สองก็ที่ว่าไปแล้ว ในเมื่อท่านฟังเข้าใจ มั่นใจว่าตนเองทำได้ ตัดสินใจว่าจะทำ ท่านก็ย่อมได้รับมรรคผลของท่านไป 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:30 | 
| สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#2  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : บางครั้งผมโดนเพื่อนร่วมชั้นแกล้ง และผมก็มีความรู้สึกโกรธ  แต่ผมรู้ทัน ก็ยิ้ม ๆ ให้เขาไป ไม่ว่าอะไร แต่ก็อยากจะสั่งสอนด้วยการตักเตือนก่อน ถ้าไม่ฟังก็ต้องใช้กำลัง แต่จะออกแนวในลักษณะสั่งสอนเพื่อน    ถ้าผมทำร้ายเขาแบบให้เขารู้สึกผิด เขาก็จะไม่ทำกับผมและเพื่อนคนอื่นอีก อยากถามพระอาจารย์ว่า ถ้าผมตักเตือนด้วยการใช้กำลัง แต่อยู่บนพื้นฐานเมตตา เพราะไม่อยากให้เขาสร้างบาปกรรมให้กับตัวเอง  และเลิกทำให้ผมและคนอื่น ๆ รำคาญ แบบนี้จะบาปไหมครับ ? ตอบ : ก็ต้องดูว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองเขาจะเมตตากับเราแบบเดียวกันไหม ? ขณะเดียวกันพ่อแม่เขาจะเมตตาไม่แจ้งความไหม ? ถ้าใช้กำลังด้วยความเมตตา อาตมาก็ใช้ได้ แต่โยมจะน่วมเท่านั้น...! 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:31 | 
| สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#3  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : ตัวกระผมอยู่ต่างประเทศ แล้วอีกไม่นานจะปิดเทอมเป็นเวลา หนึ่งเดือนกว่า ๆ ผมเลยวางแผนว่า จะภาวนาคาถาอภิญญารวม " โสตัตตะภิญญา " จนได้อภิญญาขึ้นมา แต่ผมสงสัยว่า ถ้าในอดีตชาติผมไม่เคยฝึกกสิณมาเลย คาถาอภิญญารวมยังจะได้ผลไหมครับ ? แล้วผมก็วางแผนว่า ถ้าทำได้แล้วจะไปวัดท่าขนุนไปขอบคุณหลวงพ่อ เลยอยากทราบว่า คาถานี้พอจะมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ดูท่าชาตินี้ตูไม่ได้รับคำขอบคุณแน่ ๆ...! ในเรื่องของคาถาอภิญญา ให้ไว้สำหรับบุคคลที่เคยได้อภิญญาในชาติก่อนเพื่อฟื้นกำลังของตัวเอง ถึงไม่เคยได้อภิญญามาก่อนก็ทำไปเถอะ อย่างน้อยก็ได้อานิสงส์ของการภาวนาอยู่ ส่วนเรื่องเคล็ดลับของคาถานั้นยาวเหยียดยืดยาด เวลา ๑ ชั่วโมงไม่น่าจะอธิบายหมด เอาไว้ถ้าไปขอบคุณเมื่อไรจะอธิบายให้ฟัง 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:32 | 
| สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#4  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : มีครั้งหนึ่งตอนที่ผมกลับเมืองไทยจากเดนมาร์ก ช่วงนั้นผมอายุ ๑๕  ผมนั่งสมาธิโดยที่ไม่ได้มีความรู้ด้านพระพุทธศาสนามากมายนัก แล้วภาวนาพุทโธ จนเข้าถึงฌานสมาบัติ แล้วเกิดญาณที่เป็นเครื่องรู้ขึ้นมา เพราะตอนนั้นผมมองไปที่พี่สาวผมคนหนึ่ง แล้วเห็นภาพซ้อนทับพี่สาวผม เป็นผู้หญิงแต่งตัวแบบโบราณ เหมือนสมัยรัชกาลที่ ๕ ความรู้สึกบอกผมเลยว่า พี่สาวผมต้องเคยมีความสัมพันธ์กับร.๕ แน่นอน แล้วแม่ของพี่สาวผมก็มาบอกทีหลังว่า ก่อนที่พี่สาวผมจะมาเกิด เขาฝันเห็น ร.๕ จูงเด็กผู้หญิงเอาลูกมาฝาก และช่วงนั้น ผมทำสมาธิจะได้ยินเสียงดนตรีและเสียงสวดมนต์บ่อย ๆ เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงได้เลย ตอนแรกผมเอะใจว่า บ้านเราไม่ได้อยู่ใกล้วัดแล้วเสียงมาจากไหนกัน แล้วพอผมกลับเดนมาร์ก แล้วผมก็นั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงดนตรี และเสียงสวดมนต์เหมือนเดิมเป็นเวลา ๑๕ นาที ผมเอะใจแล้วมองออกไปข้างนอก แล้วไม่เห็นมีอะไร ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร ขณะนั่นจิตใจผมนิ่งมากรู้สึกเฉย ๆ หลังจากนั่นได้อ่านมาว่า เสียงดนตรีและสวดมนต์ นั่นมาจากสวรรค์ชั้นยามา และที่น่าขำมากที่สุดคือ ช่วงนั้นญาติ ๆ ผมคิดว่าผมเป็นบ้า พาผมไปหาหมอจิตแพทย์ เพราะผมไม่รู้กาลเทศะ ณ จุดนี้ ผมมั่นใจว่าผมมีของเก่าแน่ ๆ เลยอยากถามหลวงพ่อครับว่า จะป้องกันการเกิดมานะทิฐิอย่างไรครับ ? เพราะผมอ่านหนังสือสมบัติพ่อให้ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านย้ำหลายครั้งเลยว่า ถ้าสร้างอภิญญาหรือความสามารถเหนือมนุษย์ได้ ต้องอย่ามีมานะทิฐิ ตอบ : ตูจำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ไหม ? ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะจับแพะชนแกะไปเรื่อย เรื่องของการภาวนาพอสภาพจิตเริ่มเป็นอุปจารสมาธิ บุคคลที่มีของเก่าอยู่จะเกิดทิพโสต คือได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน เกิดทิพจักขุ คือ เห็นในสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่เห็นกัน เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่แค่พ่อแม่คุณเท่านั้นหรอกที่ว่าบ้า ไปบอกใครเขาก็ว่าบ้าเพราะเขาไม่ได้เห็นด้วย ไม่ได้ยินด้วย ดังนั้น...ตอนแรกก็ควรจะตั้งสติ แล้วพยายามทำความเข้าใจว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นเขาเห็นหรือได้ยินกัน จึงไม่ควรเอาไปเที่ยวบอกเล่าแก่คนอื่นทั่วไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็โดนจับไปหาจิตแพทย์อีก แล้วคนเราเวลาไปหาหมอก็มักจะยืนยันกับหมอว่า "ผมไม่บ้า" แต่หมอเขาก็ยืนยันว่าคนบ้าพูดอย่างนี้ทุกคน ฉะนั้น...โปรดระมัดระวังด้วยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับเรา 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:33 | 
| สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#5  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : นักปฏิบัติเวลาทำสมาธิ ควรจะวางกำลังใจแบบไหนดีกว่ากันครับ  ? ระหว่าง "ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น" หรือควรจะวางกำลังใจแบบพระพุทธเจ้าก่อนจะตรัสรู้   "ถึงแม้ว่าเลือดในร่างกายจะเหือดแห้งไป ก็จะปล่อยให้มันเหือดแห้งไป จะไม่ลุกขึ้นโดยเด็ดขาด ถ้าตราบใดที่ยังไม่ตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ " ตอบ : ให้เลือกเอาที่สบายใจ ดูว่ากำลังใจของเรามีความบ้าพอไหม ? ถ้าบ้าพอก็ "ถ้าไม่บรรลุก็จะไม่ลุก" แต่ถ้าบ้าไม่พอ "ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น" 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:34 | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#6  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : ตัวกระผมเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน สามารถเล่นได้ทั้งวัน และผมมีฉันทะกับการเล่นเกมมาก แต่อยากมีฉันทะในการภาวนา เหมือนกับตอนเล่นเกมด้วย ควรจะทำอย่างไรครับ ? เพราะเวลาผมนั่งสมาธิได้สัก ๕ นาที ผมก็รู้สึกสดชื่นสมองปลอดโปร่ง เลยเลิกนั่งสมาธิแล้วกลับไปเล่นเกมต่อ ตอบ : สุดยอด สมควรตายจริง ๆ...! ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วดันไม่ทำต่อ แล้วมาถามหาอะไร ? แบบนี้เรียกว่า "ดีชั่วก็รู้หมด แต่อดใจไม่ได้" 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:35 | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#7  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : มีครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้ว ผมฝันเห็นพระรูปหนึ่งเหมือนหลวงพ่อวัดท่าซุง ในความฝันผมขับรถไปส่งท่านที่วัด หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ฝันเห็นหลวงพ่ออีกเลย   สงสัยว่าหลวงพ่อท่านเก็บลูกศิษย์ด้วยวิธีนี้เปล่าครับ ?  แล้วการฝันขับรถไปส่งพระที่วัด มีความหมายปริศนาธรรมอะไรหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ส่วนใหญ่หมายถึงเลข ๘ กับเลข ๙ ออกไปแล้ว...! ส่วนใหญ่ถ้าลูกศิษย์เคยมีความเนื่องกับหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ก็มักจะฝันเห็นท่านบ้าง นิมิตเห็นท่านบ้าง ส่วนจะเป็นวิธีเก็บลูกศิษย์ของท่านหรือเปล่า ต้องไปสอบถามท่านเองโดยตรง 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:36 | 
| สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#8  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม :แม่บางคนก่อนที่จะคลอดหรือตั้งท้องมักจะฝันเห็นสิ่งต่าง ๆ นานา อย่างแม่ของพระพุทธเจ้า ท่านก็ยังฝัน ผมเลยสงสัยว่า  แม่ที่ฝันก่อนที่จะคลอดลูก แปลว่าเด็กที่จะมาเกิด มาจาก สวรรค์ หรือ พรหมใช่ไหมครับ เลยสามารถทำให้แม่ฝันได้ ? ตอบ : ถ้าเกิดฝันว่าตัวดำปี๋ ตาขาววอก โผล่จากใต้ดินขึ้นมา แล้วจะมาจากพรหมได้อย่างไรวะ ? ต้องขึ้นอยู่กับสภาพความฝันของเราด้วย ว่าฝันเกี่ยวกับอะไร อย่างกรรมนิมิต ไม่ใช่ฝันถึงเมื่อไรก็ฟันธงว่ามาจากเทวดา มาจากพรหมไปเสียหมด 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:37 | 
| สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#9  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม :ผมสงสัยครับว่าสมัยพระพุทธเจ้า เวลาท่านเทศน์ทศชาติชาดก อย่างเวสสันดรชาดกซึ่งกินเวลานานมาก ๆ ในการเทศน์   พระพุทธองค์ท่านเทศน์ทีเดียวจบหรือว่าเทศน์เป็นกัณฑ์ ๆ เหมือนในสมัยปัจจุบันหรือครับ ? ตอบ : ไปดูในพระไตรปิฎกได้ เขามีบอกรายละเอียดไว้ว่าพระองค์ท่านเทศน์เมื่อไร เทศน์ที่ไหน เทศน์อย่างไร 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:37 | 
| สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#10  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : อธิษฐานบารมีกับสัจบารมี แตกต่างกันอย่างไรครับ ? ตอบ : แตกต่างกันตรงที่ว่า อธิษฐานบารมี เป็นความตั้งใจ ส่วนสัจบารมี เป็นการทำความตั้งใจนั้นให้เห็นผลจริง 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2016 เมื่อ 01:38 | 
| สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#11  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : การที่ให้ฝึกกรรมฐานเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ไม่ควรเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ นั้น หากกรรมฐานหลักของผมคืออานาปานสติ ควบคู่กับคำบริกรรม “พุทโธ”  ผมก็ไม่ต้องสนใจเจริญพรหมวิหารเลย หรือว่าควรหาเวลาซักซ้อมบ้างมากน้อยเพียงใด ? ตอบ : ควรซักซ้อมเอาไว้บ้าง เพราะว่าเป็นเครื่องหนุนเสริมอานาปานสติของเรา 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:22 | 
| สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#12  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : มีความรู้สึกเหมือนมีความโกรธ ผูกโกรธ ห่มในใจอยู่เนือง ๆ ตลอดทั้งวัน เป็นมานานแล้วครับ ควรทำอย่างไร ? จะใช้พรหมวิหารได้หรือไม่  หรือว่าใช้อานาปานสติ ? มีความรู้สึกว่าใช้พรหมวิหารจะมีผลต่ออาการขุ่น ๆ ที่อยู่ในใจมากกว่า แต่ไม่สามารถทรงไว้ได้นาน ? ตอบ : นี่เขาเรียกว่าถามทั้งที่รู้ ทำอย่างไหนที่ดีต่อการปฏิบัติของตนเองก็ทำไป ไม่ใช่เสียเวลามาถามคนอื่นเขา เดี๋ยวได้กรรมฐานผิดไปก็เตลิดเข้าป่าเข้าดงไปอีก..! ถาม : ที่พระอาจารย์เคยกล่าวถึงการเจริญเมตตาว่า “การฝึกซ้อมถ้ากำลังไม่มี ก็มีแต่จะโดนคู่ต่อสู้น็อกไปตลอด” นั้น อยากทราบว่าการพักจากการฝึกซ้อมก็คือการกำหนดรู้ลมหายใจ ใช่หรือไม่ ? ตอบ : ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียดตามเคย...! ที่ว่ามาหมายถึงเฉพาะคนถามในช่วงนั้น กำลังใจการปฏิบัติไม่มีเลย แล้วคิดจะไปทำ ก็เหมือนกับคนไม่เจียมสังขาร ต่อยมวยไม่เป็นแต่ขอไปวัดกับแชมป์โลกบนเวที จำไว้ว่าการปฏิบัติถ้าไม่ทำถึงที่สุดแล้ว เราไม่สามารถที่จะสู้กิเลสได้ด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ต้องมีกิเลสอย่างใดอย่างหนึ่ง โผล่เข้ามารบกวนเราอยู่เสมอ ดังนั้น...ถ้าเราไปตั้งใจว่าทำแล้วต้องได้ผล ต้องเกิดผลเลย เหมือนกับการกินยาไทยต้องค่อย ๆ กิน เพื่อสะสมรอ จนกระทั่งฤทธิ์ยาเพียงพอที่จะรักษาโรค ถึงจะระงับอาการของโรคนั้นได้ แต่เราเองคิดว่ากินไปแล้วต้องหายทันที จะเป็นไปได้อย่างไร ? โปรดเข้าใจเสียใหม่ว่า กรรมฐานทุกกองสามารถใช้งานได้จริงก็ต่อเมื่อเราทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ จนเกิดผลเท่านั้น ไม่ใช่เริ่มเอื้อมมือไปแตะก็ใช้ได้เลย 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:24 | 
| สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#13  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : เวลาทำสมาธิจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เป็นทุกข์อยู่ในใจ และเหมือนกับว่าเราใช้กำลังบีบข่มเอาไว้ตลอด เพื่อไม่ให้กำเริบ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร จะว่าเป็นกิเลสตัวไหนก็ไม่แน่ใจ ควรจะทำอย่างไร ? ตอบ : ก็ข่มเอาไว้ต่อไป เพราะถ้าปล่อยให้อาละวาดได้ ถึงรู้ชัดก็แปลว่าซมซานไปแล้ว เพราะเวลากิเลสตีเราเขาไม่เคยปราณี มัวแต่อยากจะรู้ว่าคนตีกบาลเราเป็นใคร แล้วก็ไปปล่อยให้เขาเข้ามา เดี๋ยวก็ได้โดนอีกจนได้..! 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:26 | 
| สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#14  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : หลังจากทำสมาธิสักพักหนึ่ง พอรู้สึกว่ามีกำลัง ผมก็พิจารณาเส้นผม แล้วกำหนดให้แตกสลายกลายเป็นดินไป พอกลายเป็นดินก็จะมีความรู้สึกบางอย่าง เหมือนกับว่าใจสบายขึ้น แต่เป็นแค่ระยะสั้น ๆ เพียงเสี้ยววินาที ถือว่าทำถูกต้องหรือไม่ และเป็นการเจริญวิปัสสนาหรือไม่ ? ตอบ : ถ้าหากพิจารณาได้อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นการเจริญวิปัสสนา การเจริญวิปัสสนาจะมากหรือน้อย เพียงเท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็มีอานิสงส์ทั้งสิ้น วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามทบทวนบ่อย ๆ ทำให้ต่อเนื่องกัน แล้วรักษาอารมณ์ใจอย่างนั้นเอาไว้ ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วก็มาเสวยผลจนกระทั่งหมด พอหมดแล้วกิเลสก็ตีเราหงายท้องต่อไปอีก 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:26 | 
| สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#15  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : การที่ทำตัวเหมือนเด็ก เพื่อให้ผู้ใหญ่เอ็นดู ทั้ง ๆ ที่ก็โตแล้ว เป็นลักษณะของโมหะใช่หรือไม่ ต้องแก้ไขอย่างไร ? ตอบ : โมหะมีมาตั้งแต่ก่อนเกิดแล้ว...! ทำไปเถอะ...อย่างน้อยก็ดีกว่าทำให้คนเกลียด 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:27 | 
| สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#16  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : นอกจากการปฏิบัติตัวเป็นคนดีของบ้านเมืองและพุทธศาสนา และร่วมกันสวดบทโพชฌังคปริตร และร่วมกันอุทิศบุญใหญ่ต่าง ๆ เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงของเราแล้ว ประชาชนชาวไทยสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้มากกว่านี้ เพื่อช่วยให้ในหลวงได้รับพลังมากขึ้น มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น และมีพระชนมายุยิ่งยืนนานขึ้นอย่างมีความสุขมาก ๆ ครับ ? ตอบ : สร้างสมาบัติแปดให้เกิดแล้วก็ไปช่วยท่าน...! ถาม : การร่วมลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช หรือสถานที่ต่าง ๆ ถ้าจะทำให้ได้ผลต่อในหลวงสูงสุด เราควรตั้งจิตและเขียนอย่างไรจึงจะได้ผลดีที่สุดต่อในหลวงครับ ? ขอเรียนถามเป็นความรู้เพิ่มเติมครับ ตอบ : เขียนยันต์รักษาโรค...! 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:28 | 
| สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#17  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : หากแฟนของหนูซึ่งเป็นผัวเมียกันแล้ว วางแผนอนาคตร่วมกัน ผู้ชายได้ตั้งใจทำงานในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา เก็บเงินแต่งงาน เพื่อทำให้ถูกตามประเพณี และให้เกียรติพ่อแม่ของหนู ต่อมาฝ่ายชายเครียดเรื่องงาน เรื่องเงิน เพราะไม่สามารถทำได้อย่างที่เขาคิดไว้ จึงตัดสินใจว่าจะบวช และบอกว่าจะบวชไม่สึก ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกันเลย แต่คิดว่าชีวิตนี้ไร้แก่นสาร มีแต่ความทุกข์  หนูควรจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดีเจ้าคะ ? ตอบ : หาผัวใหม่...! ถาม : หนูควรรอให้สามีของหนู บวชไปก่อนให้เขาสบายใจ แล้วค่อยไปคุยกับเขาใหม่จะดีไหมเจ้าคะ ? ตอบ : สงสัยชาตินี้ไม่มีโอกาสแน่..! 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:28 | 
| สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#18  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : การที่เราไปกราบพระพุทธรูปและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตามวัดต่าง ๆ ทั้งที่มีพระธาตุเจดีย์ตั้งอยู่หรือวัดที่ไม่มีก็ตาม คนเดินทางไปกราบไหว้เพื่อบูชาคุณพระพุทธ บูชาคุณพระธรรม บูชาคุณพระสงฆ์ วัดส่วนใหญ่ก็จะมีดอกไม้ ธูป เทียน คอยให้บริการ และให้ทำบุญ ซึ่งจะแตกต่างจากสมัยโบราณ ที่ผู้จะไปทำบุญต้องเตรียมไปจากบ้าน ข้อสงสัยของผมคือ ดอกไม้ที่เป็นอามิสบูชา ที่ได้บูชา อธิษฐานขอพรพระ และได้ถวายพระไปแล้วนั้น ถูกเวียนกลับมาใช้อีก คนที่รับดอกไม้ไปบูชาพระต่อ (หลายคนถัดจากคนแรก) จะเป็นโทษไหมครับ ? เพราะถือว่าคนแรกได้ถวายบูชาไปแล้ว ตอบ : เขาใช้คำว่าผาติกรรม คือแลกเปลี่ยนกัน ก็ในเมื่อแลกเปลี่ยนกันตามกติกาก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรา สมัยก่อนที่จัดหาไปเองเพราะวัดวาอารามไม่ได้จัดเตรียมไว้ให้ สมัยนี้เพื่ออำนวยความสะดวกท่านจัดเตรียมเอาไว้ ดังนั้น...ในส่วนนี้ไม่ควรจะไปคิดหานรกใส่ตัวเอง เรื่องดี ๆ ก็คิดจนเสียได้เหมือนกัน 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:29 | 
| สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#19  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : การปล่อยปลาในสถานที่ ที่เป็นแม่น้ำไหลผ่านซึ่งมีคนมาจับปลาต่อ กับเขตอภัยทานซึ่งไม่มีคนมาจับปลาต่อ แตกต่างกันหรือไม่ครับ ?  อันไหนเหมาะสมหรือดีกว่าครับผม ตอบ : แค่นี้ตัดสินใจไม่ได้ก็ไปตายซะ...! 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม | 
| สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#20  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ถาม : ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในจิต เช่น ความอาลัย ความคิดถึง ความผูกพัน แบบนี้ถือว่าเป็นจิตกำหนัดไหมครับ ? ตอบ : จิตกำหนัด หมายถึง มีอารมณ์ทางเพศ 
				__________________ ........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2016 เมื่อ 03:29 | 
| สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|  | 
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| 
 | 
 |