#1
|
||||
|
||||
![]()
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวจ้ะ ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่เฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็แล้วแต่ที่เราถนัดมาแต่ดั้งเดิม
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานประจำเดือนกันยายนวันแรก การปฏิบัติกรรมฐานนั้น ความจริงแล้วมี ๒ อย่างด้วยกัน คือสมถกรรมฐาน มีอยู่ ๔๐ อย่าง อย่างเช่น อนุสติ ๑๐ กสิณ ๑๐ อสุภกรรมฐาน ๑๐ เป็นต้น และวิปัสสนากรรมฐาน ที่มีการพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงซึ่งสภาพของสรรพสิ่งทั้งหลาย ว่ามีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ระหว่างดำรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายเป็นตัวเป็นตนได้ ล้วนแต่สลายตัวไปหมด ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย การปฏิบัติกรรมฐานช่วยให้เราเข้าถึงความสงบในขั้นต้น และช่วยให้มีปัญญา รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริงของร่างกายนี้ ของร่างกายคนอื่น ของโลกนี้ แล้วเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด จึงตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ดังนั้น..การปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งส่วนใหญ่หมายถึงการภาวนา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องทำเอาไว้ทุกวัน ถ้าถามว่าสำคัญขนาดไหน ? ก็ต้องบอกว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เราจะรอดพ้นจากอบายภูมิหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติภาวนาของเรา ว่าสติ สมาธิ ปัญญาของเราจะทรงตัวมั่นคงหรือไม่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2012 เมื่อ 16:00 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อเห็นชาวตะวันตกจำนวนมากเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ ทางสำนักวาติกัน ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ได้ทำวิจัย สรุปได้ว่าการปฏิบัติกรรมฐานนี่แหละเป็นสาเหตุใหญ่ เพราะเบื้องต้นทำให้คนเข้าถึงความสงบ ในเมื่อมีความสงบไม่วุ่นวาย ไม่ส่งส่ายไปกับอารมณ์อื่นภายนอก เกิดความเย็นกายเย็นใจขึ้นมา จึงเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของการปฏิบัติกรรมฐาน ทำให้ศาสนาคริสต์กลัวกรรมฐานของศาสนาพุทธเป็นที่สุด กลัวว่าจะไปดึงศาสนิกชนของเขามาถือศาสนาพุทธมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ศาสนาคริสต์จึงแก้ลำ โดยการจ้างบรรดาท่านที่จบประโยคเปรียญธรรมสูง ๆ โดยเฉพาะเปรียญธรรม ๙ ประโยคของคนไทย ให้บ้าน ให้รถ ให้เงินเดือนสูง ๆ หรือถ้าจะแต่งงานก็พร้อมจะหาภรรยาให้ด้วย เพียงแต่ให้เอาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา มาเขียนให้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของพระเจ้า โดยเฉพาะให้ใส่หลักการปฏิบัติกรรมฐานลงไปด้วย เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่า หลักการปฏิบัติกรรมฐานแบบนี้ศาสนาคริสต์ก็มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปถือศาสนาพุทธก็ปฏิบัติได้ เป็นการป้องกันไม่ให้คนของเขาหันมาถือศาสนาพุทธเสียหมด จากที่กล่าวมานี้เราจะเห็นได้ว่า แม้แต่คนต่างชาติต่างภาษา ก็เห็นประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง และทำให้ศาสนาของเขาเกิดความไหวหวั่น เกิดความเกรงกลัว ว่าการปฏิบัติซึ่งทำให้เราเข้าถึงความสงบ เข้าถึงความเป็นจริงนี้แหละ จะไปดึงศาสนิกชนของเขามาหมด ถึงขนาดต้องรีบหาวิธีแก้ไข ด้วยการยอมลงทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเสียใหม่ ดังนั้น..ปัจจุบันนี้ใครศึกษาคัมภีร์ไบเบิล หรือคำสั่งสอนของนักบุญต่าง ๆ ก็จะมีคำสอนกำมะลอ ก็คือของปลอมที่ไม่ใช่คริสต์แท้ แต่กลับเป็นหลักธรรมที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาแทรกอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล และเป็นส่วนใหญ่ของคำสอนของบรรดานักบุญต่าง ๆ ในศาสนาของเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อต่างชาติต่างภาษายังเห็นประโยชน์ และพยายามที่จะแก้ไขป้องกันไม่ให้คนของเขามาปฏิบัติกรรมฐาน พวกเราทั้งหลายก็ควรจะรู้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ประกอบไปด้วย ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์สุขในปัจจุบัน เมื่อจิตของเราสงบระงับ ความทุกข์ร้อนต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นได้ยาก
สัมปรายิกัตถประโยชน์ เป็นประโยชน์ในชาติหน้า ถ้ากำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง เราก็มีสุคติเป็นที่ไปอย่างแน่นอน และปรมัตถประโยชน์ เกิดประโยชน์สูงสุด คือมีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง สามารถตัดละเสียซึ่งร่างกายนี้และโลกนี้ ก็จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกองทุกข์อีกต่อไป เมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้ประโยชน์ทั้งในปัจจุบัน ให้ประโยชน์ทั้งในอนาคต และให้ประโยชน์สูงสุด แม้แต่ศาสนาอื่นยังเกรงกลัวว่าหลักธรรมที่ใช้ปฏิบัติในศาสนาพุทธ จะไปดึงศาสนิกชนของเขามาเสียหมด เราก็ต้องเห็นประโยชน์ว่า การที่เรามานั่งปฏิบัติภาวนานั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขส่วนตัวของเราโดยแท้ ถ้าเราทำแล้วกำลังใจของเราตั้งมั่น ในเบื้องต้นถ้ามีปัญหาทางโลกเกิดขึ้น เราก็จะมีสติ สามารถวิเคราะห์แยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของแต่ละปัญหา ปัญหาใดมาก่อนให้แก้ไขก่อน เราก็จะมีปัญหาอยู่เฉพาะหน้าเรื่องเดียว ซึ่งจะไม่หนักเกินกำลังที่เราจะทำได้ ถ้ามีปัญหาการปฏิบัติในทางธรรม ขอให้ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ เท่านั้น ปัญหาทั้งหลายก็จะได้รับคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว ยกเว้นหลักการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นในช่วงท้าย ซึ่งจะเกิดความสงสัย และอาจจะต้องไต่ถามครูบาอาจารย์ ประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้ ทั้งผู้อื่นและตัวเราเห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ก็ควรที่จะทุ่มเทในการปฏิบัติกรรมฐาน ให้เข้มแข็งจริงจังมากกว่านี้ เพื่อที่ผลดีไม่ว่าจะในปัจจุบัน ในอนาคต หรือว่าความดีสูงสุด จะได้เกิดขึ้นกับเราอย่างแท้จริง ลำดับต่อไป ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี วันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
สามารถรับชมได้ที่
http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-08-31 ป.ล. - สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้ - ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด ! |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|