#1
|
|||
|
|||
![]()
ปัญญาบารมี
๑. ขณะนี้ให้ดูอารมณ์ของจิตอย่างเดียว ตรวจสอบบารมี ๑๐ ทรงไว้ในจิตได้หรือไม่ เพราะจุดนี้เป็นฐานกำลังใจที่สำคัญมาก ถ้าหากไม่รักษากำลังใจให้เป็นปรมัตถบารมี การปฏิบัติพระกรรมฐานก็เป็นผลได้ยาก ๒. และจงอย่าลืมใช้พรหมวิหาร ๔ คุมบารมี ๑๐ ทุกข้อ จักให้ได้ผลทรงตัวดี ต้องใช้ให้เป็นพรหมวิหาร ๔ ควบคู่กับพระกรรมฐานได้ทุกกอง ๓. สำหรับเวทนาทางกายให้กำหนดรู้ว่า มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป เป็นปกติเป็นธรรมดา อย่าไปฝืน อย่าไปผูกใจเกาะติดกับเวทนานั้น ให้ลงตัวสังขารุเบกขาญาณเข้าไว้ จิตจักเป็นสุข จุดนี้ต้องใช้ปัญญาพิจารณา ๔. งานทางโลกทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด ประการสำคัญก็คืองานทางธรรมนั่นเอง พึงจักมุ่งหมายทำให้จบเข้าไว้ ทำอะไรทุกอย่างก็เพื่อพระนิพพานจุดเดียว ต้องย้ำเจตนาของจิตไว้เสมอ จุดนี้ก็ต้องใช้ปัญญา ๕. เรื่องของการมีบารมี ๑๐ นั้น เป็นเรื่องของคนมีปัญญา ถ้าไม่ทำปัญญาให้แหลมคมเข้าไว้ บารมี ๑๐ ก็ไม่เต็ม จึงต้องหมั่นคิดหมั่นพิจารณาให้บ่อย ๆ ว่า บารมีตัวไหนไม่เต็มโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาบารมี พึงจักมีไว้ในจิตเป็นปกติ ๖. คนไม่มีปัญญาพ้นทุกข์ได้ยาก เพราะจิตมันมืดบอดเสียแล้ว ความรู้ความเห็นตามความเป็นจริงก็ไม่มี ไฉนจึงจักพ้นทุกข์ได้ คนจักเดินทางไปสู่พระนิพพาน จักต้องรู้ต้องเห็นหนทางใดที่เป็นทางเข้าสู่ความพ้นทุกข์ ถ้าไม่รู้ไม่เห็นก็มีหวังไปกันไม่ถึง ไปไม่ถูก จึงต้องเจริญปัญญาบารมีให้เกิดขึ้นแก่จิต ในขณะเดียวกันก็ให้เห็นโทษของการไม่มีปัญญาบารมีด้วย จักได้ช่วยชี้ชัดให้เห็นคุณของความมีปัญญา ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|