พุทธภูมิแบบตกกระไดพลอยโจน
ถาม : ...อย่างนั้นก็แปลว่าต้องมาในสายพุทธภูมิ... ?
ตอบ : ใครที่ตามหลวงพ่อวัดท่าซุงมา มักจะเป็นพุทธภูมิแบบตกกระไดพลอยโจนทั้งนั้น
คำว่า "ตกกระไดพลอยโจน" คือกำลังใจจริง ๆ ไม่ได้คิดอยากจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่อธิษฐานขอตามหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัป พวกที่อธิษฐานตามท่านมาในระยะแรก ๆ บำเพ็ญบารมีมาไม่ต่ำกว่า ๑๐ อสงไขยทั้งนั้น
ถ้าตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าเองก็เลี้ยวไปได้ ๒ รอบแล้ว อยากเป็นแบบปัญญาธิกะ ก็เลี้ยวไปตั้งแต่ ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปแล้ว ถ้าอยากเป็นแบบศรัทธาธิกะ ก็เลี้ยวไปตอน ๘ อสงไขยกับแสนมหากัป ประเภทตามอย่างเดียว ไปไหนไปด้วย ก็ว่าเสีย ๑๐ กว่าอสงไขย
ตอนอาตมาขึ้นไปกราบขอลาพุทธภูมิ พระท่านอนุญาตให้ลาได้ แต่ตรัสว่างานเก่าให้ทำไปก่อน คือเรื่องของการสงเคราะห์คน ก็เลยกลายเป็นว่า อนุญาตให้ลาได้ ถ้าเอ็งแน่จริงก็เข้าพระนิพพานไป ถ้าไม่แน่จริงก็ต้องเหมางานเดิมต่อ เพราะท่านบอกว่างานเก่าให้ทำไปก่อน อาตมาพยายามหนีสุดชีวิตเลย เพราะร่างกายแย่ลงไปทุกวัน แบบนี้เขาเรียกว่า "พุทธภูมิแบบตกกระไดพลอยโจน" ไม่ได้เจตนาจะเป็นเลย แต่ถูกถีบออกหน้าให้ไปเป็นพระเอกเอง
มีเรื่องที่เขาเล่ากันว่า มีเด็กตกน้ำส่งเสียงร้องช่วยด้วย ๆ..แล้วมีชายคนหนึ่งพุ่งหลาวลงไปช่วยเด็กขึ้นมา จากนั้นบรรดานักข่าวตากล้องก็วิ่งกันมาเต็มไปหมด ทั้งถ่ายรูปทั้งขอสัมภาษณ์
นักข่าวถามว่า "คุณคิดอย่างไรตอนที่ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วย ?...มีอะไรที่จะพูดกับผู้ชมทางบ้านบ้าง ?" ชายคนนั้นถามกลับว่า "ใครถีบกูลงไปวะ ?" ....(หัวเราะ)...
ไม่ได้เจตนาจะช่วยใคร เขาถีบให้ไปเป็นพระเอกจนได้ ไหน ๆ ลงไปแล้วก็เลยช่วยเด็กขึ้นมาด้วย พวกเรามักจะต้องเจอในลักษณะอย่างนั้น
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2015 เมื่อ 16:41
|