#1
|
|||
|
|||
![]()
ภาราหะเว ปัญจักขันธา
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเพื่อนผม ซึ่งยังเป็นโสดไม่มีคู่ครองไว้ดังนี้ ๑. เจ้านึกดีใจใช่ไหม ที่ไม่มีคู่ครองหรือครอบครัวให้เป็นปัญหาเช่นบุคคลอื่น (ก็ยอมรับว่า ใช่) ๒. ภาราหะเว ปัญจักขันธา ทุกข์อันใดจักมาเกินกว่าภาระที่มีต่อขันธ์ ๕ นั้นไม่มี อยู่คนเดียวก็ทุกข์คนเดียว ยิ่งอยู่หลายคนยิ่งเพิ่มทุกข์มากขึ้นเท่านั้น ๓. การกอปรกิจ กาเมสุมิจฉาจารยิ่งเป็นทุกข์หนัก เพราะทุกข์เนื่องด้วยปัญหาครอบครัวแตกร้าวกันยังไม่พอ ต่อเมื่อตายกายแตกดับลงไปในภายหน้า จิตหรืออทิสมานกายจักต้องไปเสวยทุกข์อันแสนสาหัสในยมโลกีย์นรกต่อไป ซึ่งจักต้องลงนรกขุมใหญ่ก่อน แล้วผ่านนรกบริวารตามกฎของกรรมแห่งการละเมิดศีลนั้น ๔. ปุถุชนหลงอยู่ในสักกายทิฏฐิอย่างหนาแน่น หลงร่างกายว่าเป็นเราเป็นของเรา จึงเป็นเหตุให้มีการละเมิดศีล เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ แต่อย่าตำหนิเขาเลยนะ ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอกุศลกรรมเข้าไปบังคับ เห็นกรรมชั่วคิดว่ากรรมดี จึงทำกรรมเช่นนั้นไป นี่เป็นธรรมดาของโลกียชน ๕. เมื่อเห็นโทษของกาม เจ้าก็ยังจิตให้ออกจากกามโดยไว ที่ตรัสมานี้มิใช่กาเมเพียงสถานเดียว ตถาคตหมายถึงการติดรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ตัวสุดท้ายคือตัวที่จักต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอารมณ์ของจิตนี่แหละตัวสำคัญ แปรปรวนทุกวัน หาความเที่ยงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าปรารถนาอยากจักคิดแต่สิ่งที่ดี มีธรรมที่เป็นสาระเป็นต้น แต่ธรรมารมณ์ก็ไม่วายเผลอไปเกาะติดธรรมที่ไร้สาระคือ ความคิดชั่วเข้าจนได้ |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
![]()
๖. “กิเลสไม่ต้องไปละที่ตรงไหน ให้ละกันตรงที่จิต หรือพอควบคุมอารมณ์ความคิดให้ไปในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้นเป็นพอ โจทย์จิตตนเองตลอดเวลาว่า นี่เจ้าอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญาหรือเปล่า กำหนดรู้อยู่ตามนี้ให้ตลอดเวลา การพลั้งเผลอย่อมมีอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าเจ้าไม่ละความเพียร กรรมฐานแก้จริตใช้ให้ถูกก็ไม่มีอะไรยาก สำคัญที่ไม่ค่อยจักเอาจริงกัน ปล่อยจิตให้มีอารมณ์พลั้งเผลอ ไม่ได้กำหนดรู้อารมณ์อยู่ร่ำไป”
๗. “ถ้าแก้ไขจุดนี้ไม่ได้ เจ้าก็ยังจักเอาดีในทางด้านการละอารมณ์กามฉันทะและปฏิฆะไม่ได้ พึงจักรู้ตัวเข้าไว้ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง เวลานาทีที่ผ่านไป ชีวิตก็ใกล้ความตายเข้าไปทุกที ยังมัวแต่จักประมาทกันอยู่อีกหรือ เตือนใจเสียใหม่นะ” ๘. “ลมหายใจเข้าแล้ว ไม่หายใจออกก็ตาย ลมหายใจออก ไม่หายใจเข้าก็ตาย ที่เจ้าจักต้องทำความเพียรละกิเลส แข่งกับความตายที่ใกล้เข้ามาทุก ๆ ขณะจิต คิดเอาไว้ตามนี้ให้เห็นตามความเป็นจริง ใช้ปัญญาพิจารณาไปด้วย ก่อนที่จักสายเกินไป” ๙. “เมื่อร่างกายตายแล้ว หากไม่จบกิจ ก็ไม่สามารถยับยั้งการไปสู่ภพสู่ชาติได้ การยังมีอารมณ์เกาะติดกามคุณ ๕ อยู่ จักไปพระนิพพานได้หรือ จักพ้นเกิดพ้นตายได้หรือ” (ก็รับว่า ย่อมไม่ได้) ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2011 เมื่อ 10:32 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|