#1
|
|||
|
|||
![]()
จิตหมอง ภาพนิพพานก็หมอง
สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้ ๑. “อย่าลืม จิตหมองสภาพพระนิพพานก็หมองไปด้วย จิตผ่องใสเท่าใด มโนมยิทธิจักแจ่มใสขึ้นเท่านั้น เพราะอารมณ์เศร้าหมองนั้นเป็นกิเลส เพียงแค่จิตมีกังวลเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ความแจ่มใสที่สัมผัสด้วยใจก็พลอยเศร้าหมองไปด้วย นี่เป็นธรรมดาของการปฏิบัติธรรมในหมวดนี้นะเจ้า” ๒. “อย่าลืม อารมณ์ที่กังวลก็คือ วิตกจริต ที่ทำปัญญาให้ถอยหลัง ดังนั้นเมื่อปัญหาผ่านไป จิตก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง” ๓. “การสร้างทานบารมีในชาติสุดท้ายของเจ้า ต้องทำกำลังใจให้เต็ม อย่าหวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากทำเพื่อพระนิพพานจุดเดียว” ๔. “คุณหมอก็เหมือนกัน ทำกำลังใจให้เต็มไว้เสมอในการให้ธรรมทาน ผู้รับจักเต็มกำลังใจรับหรือไม่ ทำได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของเขา แต่ผู้ให้สมควรรักษากำลังใจให้เต็มไว้เสมอ ๆ อย่างน้อย ๆ เพื่อรักษาความเลื่อมใสศรัทธาของท่านผู้ฟังเข้าไว้ เขาจักได้มากหรือน้อยก็ตาม สิ่งที่แน่ ๆ คือ ให้เขามีความศรัทธาในพระธรรม” ๕. “การจักสอนให้ตรงตามจริต-นิสัยและกรรมของผู้ฟังนั้น มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทำได้ ดังนั้น จักต้องใช้หลักพุทโธ-ธัมโม-สังโฆ อัปปมาโณ ก่อนจักพูด จักสอนให้ขอบารมีของพระรัตนตรัยครอบคลุมกาย วาจา ใจเสียก่อนทุกครั้ง และอย่าลืมอักขาตาโร ตถาคตาด้วย ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้แนะ การปฏิบัติผู้รับฟังจักต้องใช้ความเพียงเร่งรัดให้เกิดมรรคผลด้วยตนเอง จึงจักเป็นของจริง” ๖. “ปัญหาทางโลกไม่มีใครแก้ไขได้หมดสิ้นหรอก พยายามคิดให้ลงตัวธรรมดาเข้าไว้ จิตจักได้เป็นสุข” ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2010 เมื่อ 10:03 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|