ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร ก็ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น
			 
			 
			
		
		
		
			
			ถาม :  นั่งสมาธิเห็นนิมิตกับไม่เห็น อย่างไหนดีกว่ากันครับ ? 
ตอบ :  ไม่รู้ไม่เห็นเลยจะดีกว่า รู้เห็นมากเท่าไรโอกาสที่จะไปยึดติดและโดนหลอกก็มีมากเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะไปยึดอยู่ตรงนั้น พอครั้งแรกเห็น ครั้งที่สองก็จะเห็นให้ได้ พอจะไปเห็นให้ได้ตรงนั้นเป็นอุทธัจจะ คือ ฟุ้งซ่าน พอไม่เห็นก็ยิ่งคลุ้มคลั่งมากเข้าไปใหญ่ เป็นอันว่าการปฎิบัติไม่ก้าวหน้าไปไหน ติดอยู่แค่นั้นเอง  
 
น้อยคนที่เห็นนิมิตแล้วจะทำใจละได้อย่างง่าย ๆ และสะดวก ส่วนใหญ่อดที่จะไปยึดติดอยู่ไม่ได้ ยิ่งประเภทเขาแสดงให้รู้อย่างนั้นรู้อย่างนี้เข้า พอเหตุการณ์เป็นไปตามที่รู้จริง ๆ ก็ยิ่งไปยึดมั่นถือมั่นตรงนั้นใหญ่ ก็จะไปติดหนักเข้าไปอีก 
               
ถ้าเป็นไปได้ ไม่รู้ไม่เห็นก็ปลอดภัยดี ยิ่งรู้เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสมากเท่าไร โอกาสโดนหลอกยิ่งมากเท่านั้น ส่วนใหญ่เราจะเผลอ ไม่ได้กำหนดใจถามพระว่าสภาพความเป็นจริงเป็นอย่างไร ถ้ากำหนดใจถามพระอยู่เรื่อย ๆ ไม่เผลอเสียก่อน โอกาสที่จะพลาดก็น้อย 
       
ถาม :  โดนหลอก... มารเข้าแทรกหรือครับ ? 
ตอบ :  จะเรียกว่ามารก็ได้ ถ้าเป็นมารเรียกว่าอภิสังขารมาร มารก็คือสิ่งที่ประเภทเหนือสังขารเหนือการปรุงแต่งต่าง ๆ ก็คือจะเป็นเรื่องของฌาน เรื่องของสมาบัติ เรื่องของทิพจักขุญาณ 
       
ถาม :  ไม่เกิดการหลง ? 
ตอบ :  หลงแน่ ๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปคิดว่า เออ.. เราก็เก่งนี่หว่า เรื่องนี้รู้ถูกนี่ พอคนชมเข้าหน่อย  แหม..เก่งจังเลย ทำไมรู้ได้ชัดเจนอย่างนี้ ก็ไปพอง  ติดอยู่กับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข โลกธรรม เข้าไปอีก 
 
 
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ 
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
		 
		
		
		
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2016 เมื่อ 02:56
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |