|
|||||||
| ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน |
![]() |
|
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
|
#1
|
|||
|
|||
|
ผมได้โยนิโสมนสิการ โดยการถามตัวเองเกี่ยวกับหัวข้อธรรมะต่าง ๆ เพื่อเข้าใจรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ตอบไม่ได้ ผมปัญญาไม่ถึง จึงขอพึ่งบารมีหลวงพ่อครับ
๑. ทุกอย่างนั้นเป็นอนัตตา และอนัตตาในที่นี้ คือการไม่มีเจ้าของ แล้วใครเป็นคนได้บุญ ได้บาปเวลาทำกรรมต่าง ๆ ครับ? ถ้าคำตอบคือตัวเรา แปลว่า ตัวตน (อัตตา) เรามี ซึ่งเป็นสัสสตทิฐิ ขัดกับสัมมาทิฐิ ถ้าคำตอบคือไม่ใช่เรา ก็ขัดคำตอบก่อนหน้านี้ เพราะคนที่ได้รับก็เป็นเราอยู่ดี เช่น ทำบุญตัวเราไปสวรรค์ ทำชั่วตัวเราไปนรก ๒. สังขาร คือความคิดปรุงแต่ง จัดว่าอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของเหมือนกัน พิสูจน์ง่าย ๆ ด้วยการทดสอบให้ตัวเองหยุดคิดสักครู่ ผลที่ได้คือคิดถี่ขึ้น แต่สมมุติว่า สมชายตั้งใจจะไปวัดทำบุญ ก็เป็นตัวสมชายเองที่ตั้งใจเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ ดังนั้นก็สรุปได้ว่าสังขารก็เป็นของเรา ซึ่งมันขัดกับข้อที่กล่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าด้วยการหยุดคิด ในข้อนี้ควรอธิบายอย่างไรดีครับ? ๓. มีคำกล่าวว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน มีรายละเอียดในระดับปรมัตถธรรมมากมาย ต้องใช้ปัญญา หาเหตหาผล แยบคาย จึงจะเข้าใจอย่างแท้จริง ๑๐๐ % ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรา แต่เป็นผลลัพธ์(output) ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่างหาก(input) ณ จุดนี้ผมก็พอเข้าใจและเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบน แต่ปัญหาคือ แล้วนามธรรมอย่างบารมี ๑๐ ฌานสมาบัติ ความเป็นพระอริยเจ้า อย่างอรหัตผล พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านยึดหรือเปล่าว่าเป็นของเรา สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ใช่ท่านยึด ก็อาจจะขัดกับไตรลักษณ์ สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ไม่ใช่ ก็แปลว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็ไม่มีอรหัตผล ไม่มีฌานสมาบัติ ซึ่งขัดกับความจริง ผมเลยสงสัยว่าควรจะอธิบายอย่างไรดีครับในข้อนี้? แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : วันนี้ เมื่อ 03:50 |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ถาม : ผมได้โยนิโสมนสิการ โดยการถามตัวเองเกี่ยวกับหัวข้อธรรมะต่าง ๆ เพื่อเข้าใจรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ตอบไม่ได้ ผมปัญญาไม่ถึง จึงขอพึ่งบารมีหลวงพ่อครับ
ทุกอย่างนั้นเป็นอนัตตา และอนัตตาในที่นี้ คือการไม่มีเจ้าของ แล้วใครเป็นคนได้บุญ ได้บาปเวลาทำกรรมต่าง ๆ ครับ ? ถ้าคำตอบคือตัวเรา แปลว่า ตัวตน (อัตตา) เรามี ซึ่งเป็นสัสสตทิฐิ ขัดกับสัมมาทิฐิ ถ้าคำตอบคือไม่ใช่เรา ก็ขัดคำตอบก่อนหน้านี้ เพราะคนที่ได้รับก็เป็นเราอยู่ดี เช่น ทำบุญตัวเราไปสวรรค์ ทำชั่วตัวเราไปนรก ตอบ : ต้องแยกให้ได้ก่อนว่า เมื่อทำอะไรเราที่เป็น "ควาย" ก็จะต้องรับ แต่บุคคลที่เป็นคนแล้ว ย่อมเห็นชัดและบอกได้ว่าเราไม่ใช่ "ควาย"..! ถาม : สังขาร คือความคิดปรุงแต่ง จัดว่าอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของเหมือนกัน พิสูจน์ง่าย ๆ ด้วยการทดสอบให้ตัวเองหยุดคิดสักครู่ ผลที่ได้คือคิดถี่ขึ้น แต่สมมุติว่า สมชายตั้งใจจะไปวัดทำบุญ ก็เป็นตัวสมชายเองที่ตั้งใจเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ ดังนั้นก็สรุปได้ว่าสังขารก็เป็นของเรา ซึ่งมันขัดกับข้อที่กล่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าด้วยการหยุดคิด ในข้อนี้ควรอธิบายอย่างไรดีครับ ?ตอบ : เมื่อคิดแล้วความคิดนั้นอยู่ที่ไหน ? ถาม : มีคำกล่าวว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน มีรายละเอียดในระดับปรมัตถธรรมมากมาย ต้องใช้ปัญญา หาเหตหาผล แยบคาย จึงจะเข้าใจอย่างแท้จริง ๑๐๐ % ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรา แต่เป็นผลลัพธ์(output) ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่างหาก(input) ณ จุดนี้ผมก็พอเข้าใจและเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบน แต่ปัญหาคือ แล้วนามธรรมอย่างบารมี ๑๐ ฌาสมาบัติ ความเป็นพระอริยเจ้า อย่างอรหัตผล พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านยึดหรือเปล่าว่าเป็นของเรา ? สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ใช่ท่านยึด ก็อาจจะขัดกับไตรลักษณ์ สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ไม่ใช่ ก็แปลว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็ไม่มีอรหัตผล ไม่มีฌานสมาบัติ ซึ่งขัดกับความจริง ผมเลยสงสัยว่าควรจะอธิบายอย่างไรดีครับในข้อนี้ ? ตอบ : กลับไปดูข้างบนที่ตอบไปแล้ว |
| สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|