|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๘
|
| สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อคืนสายการบินดรุกแอร์พาคณะของกระผม/อาตมภาพแวะไปสนามบินบักโดกรา ประเทศอินเดียก่อน เพื่อรับส่งผู้โดยสารที่นั่น ทำการเติมน้ำมัน แล้วถึงได้บินกลับมาสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
จากที่คำนวณเอาไว้ว่าน่าจะถึงประเทศไทยตอนประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง จึงกลายเป็นว่ามาถึงประเทศไทยประมาณ ๓ ทุ่มครึ่ง แล้วก็ต้องเดินเป็นระยะทางที่ไกลมาก ๆ มาประทับหนังสือเดินทางเพื่อกลับเข้าประเทศ แล้วออกไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน ๘ ทำเอาเดินกันจนขาลากไปเลย แต่ก็เป็นการดีว่าหลังจากที่ขึ้นลงเขารังเสือมาแล้ว แข้งขาระบม จนกระทั่งพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ต้องขอเอาแผ่นแปะบรรเทาอาการปวดจากญาติโยมมาแปะเสียรอบตัว ทำให้การเดินที่นี่ของพวกเรากลายเป็นการฟื้นกล้ามเนื้อของตนเองใหม่ แล้วการเดินเร็ว ๆ โดยที่ไม่ต้องระวังว่าจะขาดออกซิเจนหรือไม่ ก็ทำให้กระผม/อาตมภาพเดินอย่างมีความสุขมาก..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในสถานที่สูงตั้งแต่ ๓,๐๐๐ เมตรขึ้นไป ออกซิเจนค่อนข้างจะเจือจาง เมื่อร่างกายรับเข้าไปไม่พอ ก็จะเกิดการสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ในกล้ามเนื้อของเรา ทำให้เมื่อยล้าได้ง่าย ส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือตอนที่กระผม/อาตมภาพไปประเทศทิเบต และอีกครั้งหนึ่งก็คือไปเสฉวนตะวันตกที่อุทยานย่าติง การเดินขึ้นที่สูงในระดับความสูงจากน้ำทะเล ๔,๐๐๐ กว่าเมตรนั้น เดินแค่ ๒ ก้าว ๓ ก้าว ก็ต้องอ้าปากหอบหายใจแล้ว แข้งขาอ่อนล้าไปหมด เพราะว่ากล้ามเนื้อขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงนั่นเอง ถึงได้มีการวัดออกซิเจนกันเป็นระยะ ๆ ถ้าหากว่าใครออกซิเจนต่ำกว่า ๘๐ หัวหน้าทัวร์ในช่วงนั้นก็จะไม่ยอมให้พวกเราเดินทางต่อ หากแต่ว่าให้พักรอคณะหรือว่าเดินกลับไปข้างล่างเลย..! เป็นต้น กระผม/อาตมภาพกลับมาถึงที่พักด้วยรถที่พระครูสมุห์ต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอุทยาน และคุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) อุตส่าห์ตามไปรับที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ มาถึงวัดอุทยานตอน ๕ ทุ่มเศษ ทำงานอะไรนิดหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้ตื่นขึ้นมาแล้วลืม จากนั้นก็นอนยาวสลบไสลไปจนกระทั่งเกือบตี ๓ ถึงได้ตื่นขึ้นมาตรวจแก้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน แล้วเก็บข้าวของต่าง ๆ ขึ้นรถ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:41 |
| สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
จนถึงตี ๕ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พลขับประจำวัดท่าขนุน และลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ก็มาถึง พวกเราขนข้าวของขึ้นรถแล้ว ได้วิ่งมาขึ้นทางด่วนพิเศษสายเอ็ม ๘๑ ตรงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องเพราะว่าต่อให้เหนื่อยยากลำบากขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าวันนี้มีพิธีเปิดการอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)
เมื่อไปถึงวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม กระผม/อาตมภาพก็ช่วยทุกคนขนข้าวของลงจากรถจนหมด เพราะว่าวันนี้ต้องนำรถของวัดท่าขนุนไปเข้าศูนย์ฯ เพื่อเช็คระยะ ๕๒๐,๐๐๐ กิโลเมตร ครั้นอุ่นอาหารที่เหลือจากเครื่องบินซึ่งเขามอบให้ตอนกลางคืน มาฉันเป็นอาหารเช้า จากนั้นทางด้านน้องเล็กก็พาลูกปุ๊กของกระผม/อาตมภาพ หรือว่าพี่ปุ๊กของน้องเล็ก ไปทำการซักผ้าที่ร้านซักผ้าใกล้วัด ส่วนตัวเองก็วิ่งต่อไปเพื่อนำรถวัดไปเข้าศูนย์ฯ กระผม/อาตมภาพไปหาพระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) เจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม เพื่อจะขออนุญาตให้คนขับรถวัดท่ามะขามไปส่งกระผม/อาตมภาพที่วัดใต้ด้วย แต่ปรากฏว่าเจอพระผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ของวัดท่าขนุน มาอยู่ที่นี่กันเป็น ๑๐ รูป ทุกครั้งที่มีการสอบ ท่านพระครูบ่าวก็จะยินดีรับน้อง ๆ จากวัดท่าขนุนมาพัก มาอยู่ มากินที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงไม่ต้องเสียเวลาไปขออนุญาตท่าน พอประมาณ ๘ โมงเช้า ทุกคนพร้อมแล้ว ทิดหนุ่ย (นายสถาพร อินสกุล) อดีตนักบิณฑ์ฯ วัดท่าขนุน ก็ขับรถพาพวกกระผม/อาตมภาพไปยังวัดใต้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อวานและวันนี้ ตลอดจนกระทั่งวันต่อ ๆ ไป ทางวัดใต้หรือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) นั้น มีงานใหญ่ต่อเนื่องกันถึง ๔ งาน ก็คือ งานรับกฐินพระราชทาน งานถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง งานทอดกฐินตกค้างทุกวัดของจังหวัดกาญจนบุรี และ งานอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ในวันนี้ จากที่เคยอบรมภายในศาลาการเปรียญ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) จึงต้องย้ายมาที่ใต้ถุนอาคารใหม่ โรงเรียนอนุบาลวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) แทน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:42 |
| สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ปรากฏว่าปลัดโย (พระปลัดรัชชานนท์ ติกฺขปญฺโญ) หัวหน้าฝ่ายพิธีการประจำวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) เดินตาตี่มาจัดสถานที่ เนื่องเพราะว่าเมื่อวานนี้งานด่วนก็คือ จัดสถานที่ถวายน้ำสรงพระบรมศพ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วยังต่อด้วยการเตรียมงานทอดกฐินตกค้าง ให้กับวัดที่ขาดการจองกฐินของจังหวัดกาญจนบุรีอีก จึงไม่ได้หลับไม่ได้นอน ยังดีว่ากระผม/อาตมภาพเองได้หลับมาบ้างแล้ว
เมื่อบรรดาผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) มาถึง ก็เริ่มลงทะเบียนเข้ารับการอบรม บรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการมาก็ทักทายเป็นการใหญ่ว่า "เมื่อคืนตอนหัวค่ำยังส่งรูปจากประเทศภูฏานมาให้ดู ทำไมตอนนี้มานั่งอยู่ที่นี่แล้ว ?" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นึกในใจว่า "ตรงนี้เป็นหน้าที่ ในเมื่อเป็นหน้าที่เราก็ต้องทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด" แล้วก็เข้าไปถวายปัจจัยสนับสนุนงานอบรมก่อนสอบแก่พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการถวายในนามส่วนตัว เนื่องเพราะว่าในส่วนของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น กระผม/อาตมภาพได้ให้พระมหาพัฒน์ ฐิตาจาโร ป.ธ. ๓ เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ทำการโอนไปให้แล้ว เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. ทำพิธีเปิดและให้โอวาทแล้ว ก็ต่อด้วยพระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙, ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง) จากนั้นก็ถึงคิวที่กระผม/อาตมภาพต้องขึ้นไปให้โอวาทแก่ผู้เข้ารับการอบรมก่อนสอบ กระผม/อาตมภาพบอกกับทุกคนสั้น ๆ ว่า ในเมื่อขาดการเตรียมตัวก็ต้องรู้จักวิธี "มู" กันบ้าง แล้วก็มอบพระคาถาไปให้ ก็คือพระคาถาสุนทรีวาณี (นางฟ้าผู้พิทักษ์พระไตรปิฎก) ซึ่งบรรดานักเรียนสายบาลีภาวนากันเป็นประจำ มีความเชื่อว่าถ้าทำพระคาถานี้ขึ้น จะสามารถสอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้อย่างแน่นอน พระคาถามีว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง" ในปัจจุบันนี้ บุคคลที่เป็นที่รู้จักในคณะสงฆ์ และใช้พระคาถานี้อยู่เป็นประจำ ก็คือพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช ป.ธ. ๖) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร นั่นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:45 |
| สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
หรือใครจะใช้พระคาถาเสริมปัญญาของโบราณ ก็ให้ภาวนาว่า "ปัญญาเสฏฐัง ปัญญาพะลัง ปัญญาปาสาทิโก ปัญโญภาโส ปัญญาปัชโชโต ปัญญาระตะนัง ภูริปัญโญ มหาญาณัง สัมปะฏิจฉามิ" ก็ได้
หรือถ้าทุกท่านรู้สึกว่ายาวเกินไป ก็ใช้พระคาถาตาทิพย์ หรือที่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุงเรียกว่าคาถาท่านปู่พระอินทร์ ก็ว่า "สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ" โดยก่อนทำข้อสอบให้คว่ำกระดาษคำถามลง หลับตานึกขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้ทำข้อสอบนี้ได้ถูกต้องและถูกใจกรรมการผู้ตรวจด้วย หลังจากนั้นก็ภาวนาพระคาถานี้ ๓ จบ ถ้าเปิดขึ้นมาอ่านปัญหาแล้วยังคิดว่าทำไม่ได้ทั้งหมด ก็ให้คว่ำกระดาษลง ภาวนาอีก ๗ จบ หลังจากนั้น ความรู้สึกของตนเองบอกว่าให้ทำอย่างไรก็ทำตามนั้น กระผม/อาตมภาพตอนสอบนักธรรมชั้นเอก (สนามหลวง) ได้ป่วยเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง จนกระทั่งแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเดิน ไม่สามารถที่จะอ่านหนังสือได้ แต่ในเมื่อลงชื่อขอสอบไปแล้ว จึงต้องใช้พระคาถาท่านปู่พระอินทร์นี้ แต่ว่าท่านเติมพระคาถามาให้ด้วย กลายเป็น "สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู" เมื่อกระผม/อาตมภาพทำข้อสอบไปแล้ว ด้วยความที่ตนเองเป็นคนจำแม่น จึงมาเปิดตำราดูว่าเราตอบถูกหรือเปล่า ? ปรากฏว่าตอบได้ตรงทุกคำ เหมือนกับเปิดตำราลอกเอาเลยทีเดียว ซึ่งถ้าโดนจับทุจริต ก็ไม่ทราบจะแก้ตัวอย่างไรเหมือนกัน เพราะว่าถ้าคุณไม่ได้ลอกตำราแล้วทำไมเขียนตรงทุกคำแบบนี้ ?! เมื่อสอนวิธี "มู" ให้กับทุกคนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็บอกตรง ๆ กับทุกคนว่า "ขออนุญาตลาไปนอน" ทำเอาบรรดาผู้เข้าสอบหัวเราะไปตาม ๆ กัน..! หลังจากนั้น จึงได้กราบขอตัวจากบรรดาพระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองทั้งหลายที่มาร่วมงาน เดินทางกลับไปฝากท้องที่วัดท่ามะขาม แล้วก็นอนสลบไสลสมกับความตั้งใจของตนเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:47 |
| สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|