กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-07-2025, 16:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 26,795 ครั้ง ใน 1,038 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-07-2025, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอสัตตาหะฯ ในท่ามกลางสงฆ์ เพื่อที่จะได้เดินทางไปเป็นกรรมการในการตรวจประเมินยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ ประจำปี ๒๕๖๘ จากนั้นก็ออกบิณฑบาตตามปกติ วันนี้โชคดีที่ว่าไม่เปียกมาก เนื่องเพราะว่าฝนแค่พรำ ๆ พอที่จะให้เป็นไข้เท่านั้น..!

ครั้นกลับมาฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เก็บข้าวของขึ้นรถ เดินทางไปยังวัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อที่จะไปทำพิธีเปิดการปฏิบัติธรรมพระนวกะ วันที่ ๒ และบรรยายถวายความรู้ให้กับพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งมาร่วมกันปฏิบัติธรรมประจำปี ๒๕๖๘ อยู่ที่วัดปรังกาสีแห่งนี้

เมื่อไปถึงก็เจอพระครูวรกาญจนโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรังกาสี เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานต่าง ๆ อยู่ เมื่อท่านเห็นก็เข้ามากราบ บอกว่า "หลวงพ่อมาถึงแต่เช้าเลย" กระผม/อาตมภาพเองไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม มักจะเผื่อเวลาไปถึงก่อนงานเสมอ เพื่อที่เจ้าภาพจะได้ไม่ต้องหนักใจ

ครั้นเมื่อบรรดาพระนวกะทราบว่ากระผม/อาตมภาพมาถึงแล้ว ก็พากันเข้าสู่ศาลาปฏิบัติธรรมกันอย่างพร้อมเพรียงกัน กระผม/อาตมภาพยังมานึกถึงภาษิตจีนที่ว่า "นามของคน เงาของไม้" ด้วยความที่เขาลือกันว่า "หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุกว่าหมาเสียอีก..!" ก็เลยทำให้บรรดาพระนวกะ แม้ว่าเพิ่งจะบวชใหม่ แต่ตอนเป็นฆราวาสก็น่าจะได้ยินเสียงเล่าลือกันเต็มสองหู จึงมาพร้อมเพรียงกัน..!

กระผม/อาตมภาพนำทุกท่านบูชาพระรัตนตรัยแล้ว ก็ได้บรรยายถวายความรู้ให้กับทุกท่าน ด้วยเหตุที่ว่าท่านทั้งหลายมีโอกาสมาปฏิบัติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากในพระพุทธศาสนา เพราะว่าโดยปกติแล้ว บุคคลที่มีบารมีชั้นต้น กว่าที่จะให้ทานได้ก็ต้องถึงบารมีชั้นต้นระดับละเอียด แต่ว่าไม่สามารถที่จะรักษาศีล หรือว่าปฏิบัติธรรมได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2025 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-07-2025, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมาถึงบารมีชั้นกลางระดับละเอียด สามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ แต่ก็ยังปฏิบัติภาวนาไม่ได้

ในเมื่อท่านทั้งหลายสามารถมาปฏิบัติภาวนาได้ แปลว่าเราอยู่ในระดับปรมัตถบารมี คือชั้นสูงสุดแล้ว มีโอกาสที่จะได้มรรคได้ผล ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมของตนให้เต็มที่

เนื่องเพราะว่าการกระทำคุณงามความดีในขณะอยู่ในอุดมเพศ คือความเป็นพระภิกษุสามเณรของเรานั้น เราลงทุนมากกว่าชาวบ้านหลายเท่า ชาวบ้านใช้ชีวิตลงทุนด้วยศีล ๕ เปรียบกับเงินลงทุน ๕ ล้านบาท พระภิกษุของเราใช้ชีวิตด้วยศีล ๒๒๗ เปรียบกับเงินลงทุน ๒๒๗ ล้านบาท ถ้าหากว่าทำดี ทำถูก ได้กำไร ย่อมมีกำไรมากกว่าหลายเท่านัก..!

จึงเป็นระยะเวลาที่ท่านทั้งหลายควรที่จะเร่งการประพฤติปฏิบัติ ให้อยู่ในกรอบของศีลของธรรมให้มากที่สุด เพราะว่าเมื่อสั่งสมบุญกุศลในลักษณะนี้ก็จะได้มากกว่าคนปกติทั่วไป ครั้นถึงเวลา ถ้าสามารถอยู่ต่อได้ ก็จะเป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา แต่ถ้าสึกหาลาเพศไป ท่านทั้งหลายมีบุญกุศล ถือว่ามีต้นทุนชีวิตที่เหนือว่า จะทำมาหากินอะไรก็ย่อมสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นที่ต้นทุนน้อย

เมื่อถวายข้อคิดให้แก่ทุกท่านแล้ว ก็ได้ลาบรรดาเจ้าคณะพระสังฆาธิการ เดินทางลงไปยังตัวจังหวัดกาญจนบุรี แวะซื้อข้าวกล่องฉันเพลกันที่สถานีบริการน้ำมันบริเวณใกล้เคียงสี่แยกวังสารภี เสร็จแล้วจึงได้เดินทางต่อไปยังวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ หมู่ที่ ๒ บ้านห้วยสะพาน ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งที่นี่มีการรวมพระนวกะประจำปี ๒๕๖๘ จาก ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่ามะกา อำเภอพนมทวน อำเภอบ่อพลอย อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ มาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ๒๖๖ รูป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2025 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-07-2025, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพนำทุกท่านไหว้พระแล้วก็ถวายข้อคิด ให้ทุกท่านระลึกถึงสมณสัญญา ก็คือความเป็นพระภิกษุของเรา โดยที่ใช้การพิจารณาตามหลักปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณะที่ว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้นๆ

การเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราต้องทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย เราติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ? ผู้รู้พิจารณาแล้วติเตียนเราโดยศีลได้หรือไม่ ? เรามีคุณวิเศษใด ๆ บ้างหรือไม่ ? เพื่อที่จะจักได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม และวันคืนล่วงไป ล่วงไป เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ? เหล่านี้เป็นต้น

เมื่อท่านทั้งหลายระลึกอยู่เสมอเช่นนี้ ต่อให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงคุณงามความดีมากไปกว่านี้ แต่ด้วยความที่ระลึกรู้ถึงสภาพตนเอง และศีลของตนเอง พยายามประคับประคองตนให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ต่อให้ความดีมากกว่านี้ไม่มี ไม่เกิดขึ้น ท่านทั้งหลายก็ยังได้อานิสงส์ใหญ่มหาศาลในฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าการอยู่ในเพศสมณะ เท่ากับว่าเป็นผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

แต่ถ้าท่านทั้งหลายสามารถที่จะเข้าถึงคุณงามความดีขั้นต้น ไม่ต้องเอาอะไรมาก แค่หยุดความคิด ความรู้สึกของตน อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก เราก็จะไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีต ไม่ฟุ้งซ่านไปในอนาคต กำลังใจที่ค่อย ๆ เข้มแข็งขึ้น สามารถที่จะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงได้ชั่วคราว ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จะอยู่สุข อยู่เย็น ในพระพุทธศาสนา

พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเนื้อนาบุญที่ดีมากสำหรับญาติโยมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตาทวด ญาติพี่น้อง ซึ่งตั้งใจขอมีส่วนในการบรรพชาอุปสมบทเรา หรือว่าบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่อุปถัมภ์อุปัฏฐากด้วยปัจจัยทั้ง ๔ คืออาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค หรือว่าท่านทั้งหลายที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว หวังพึ่งบุญพึ่งกุศลจากพวกเรา ก็จะสามารถได้รับในส่วนบุญส่วนกุศลที่เราได้รับจากการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมเช่นนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2025 เมื่อ 16:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-07-2025, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านเริ่มก้าวสู่อนุบาล ๑ ก็คือระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ลงได้ด้วยอำนาจของสมาธิ ท่านทั้งหลายก็จะเห็นคุณของพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งว่า แค่ก้าวแรกเท่านั้น เรายังมีความสุขจากการระงับกิเลสที่แผดเผาเราอยู่ตลอดเวลาลงไปได้ถึงเพียงนี้

แล้วบุคคลที่สามารถระงับได้เด็ดขาดกว่าเรา อย่างเช่นบุคคลที่ทรงฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะยิ่งมีความสุขมากกว่าเราสักเท่าไร ? ท่านทั้งหลายเหล่านี้ แม้ว่าจะมีความสามารถทางโลกียฌานสูงส่ง แต่ว่าก็ยังไม่พ้นจากอบายภูมิ

แล้วท่านที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบัน ปิดอบายภูมิโดยสิ้นเชิงนั้น ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ?

แล้วพระอรหันตเจ้าที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด จะมีความสุขมากขนาดไหน ?

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมแห่งพระอรหันต์ทั้งหลาย พระองค์ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ?

เราแค่อาศัยการก้าวเข้าถึงในส่วนของการปฏิบัติเพียงผิวเผินแค่นี้ ก็สามารถใช้ปัญญาตรึกตรองต่อไป จนเห็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้น กำลังใจของท่านก็จะยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นนามธรรม คือเป็นพุทธรัตนะ ธัมมรัตนะ สังฆรัตนะอย่างแท้จริง

ถ้าแบบนี้ ท่านทั้งหลายก็แค่ทบทวนศีลของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2025 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 22-07-2025, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นดังนี้ ท่านทั้งหลายที่ต้องกาาจะมีคุณงามความดีเพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็แค่ใช้ปัญญาต่อท้ายว่า เรามีความตายเป็นแน่แท้ หากว่าชีวิตนี้สิ้นสุดลงไปเมื่อไร เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าสามารถรักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ได้มั่นคง รับประกันได้ว่าชีวิตนี้ท่านปิดอบายภูมิได้อย่างแน่นอน..!

ขอให้ผลานิสงส์ที่ท่านทั้งหลายได้มาร่วมกันประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ จงรวมกันเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้วไซร้ ขอให้ความประสงค์ของท่านทั้งหลาย จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผลดังมโนรถเจตนาทุกประการ

เมื่อได้ถวายความรู้แก่พระนวกะ และลาบรรดาพระเถระ พระวิปัสสนาจารย์แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางฝ่าฝน ฝ่ารถติด ตรงไปยังวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อที่จะได้ทำการตรวจยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

ก็แปลว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ภายใน ๒๓ จังหวัดของหนกลางนี้ กระผม/อาตมภาพต้องทยอยเดินทางไปจนกว่าจะครบ เพื่อทำการตรวจยกหมู่บ้านต้นแบบทั้งหลายเหล่านั้น ให้เป็นตัวอย่างแก่หมู่บ้านอื่น ๆ จะได้เลียนแบบและทำตาม สร้างความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมให้กับประชาชนชาวไทยสืบไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2025 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว