#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ วันพระ อีก ๗ วันก็จะเข้าพรรษาแล้ว กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงพุทธมณฑลประมาณตี ๕ ครึ่งเหมือนเดิม คราวนี้จอดรถอยู่ที่ทางออกข้างเต็นท์ศีล ๕ พูดง่าย ๆ ว่าเมื่อวานโดนเขาไล่จนฉลาดขึ้นมา เนื่องเพราะว่าพระเถระก็ดี องคมนตรีก็ตาม ท่านที่เพิ่งมาถึงใหม่ก็จะเดินไปตรวจเยี่ยมนิทรรศการต่าง ๆ ของทั้ง ๘ ฝ่าย จึงไม่อยากให้มีรถเกะกะอยู่แถวบริเวณด้านหน้าเต็นท์นิทรรศการ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสถานที่ให้จอดเสียด้วย
เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปจอดต่อท้ายรถตู้ซึ่งเขามีใบอนุญาตให้จอด เป็นอะไรที่ตลกมากตรงที่ว่า ใบอนุญาตให้จอดแห่งที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ แจกจ่ายออกไป แต่คนที่รู้ว่าที่จอดทั้ง ๔ แห่งอยู่ตรงไหนบ้างนั้นมีน้อยมาก ต้องวนกันจนท้อใจไปตาม ๆ กัน เมื่อมาวันนี้ กระผม/อาตมภาพเล็งแล้วว่าด้านทางออกนี้ดีที่สุด เนื่องเพราะว่าแค่ถอยหลังหน่อยเดียวก็หักขวาออกไปได้เลย ต่อให้โดนเขาไล่ ก็ถือโอกาสกลับที่พักเลย หมดเรื่องหมดราวไป เมื่อเดินเข้าไปในเต็นท์นิทรรศการศีล ๕ ก็ไปเจอปูทูลกระหม่อม ซึ่งทางเจ้าของเต็นท์ภาคภูมิใจมาก บอกว่ามีแห่งเดียวในโลก ถึงขนาดปั้นเป็นโมเดลเล็ก ๆ ออกมาจำหน่าย ซึ่งมีทั้งแบบปั้นด้วยขี้เลื่อยและปั้นด้วยดินไทย ท่านทั้งหลายอาจจะไม่รู้จักคำว่า "ดินไทย" ดินไทยนั้นก็คือดินที่ผ่านการย่ำละเอียดและกรองดีแล้ว หลังจากนั้นก็เอามาผสมกับขี้ควาย เมื่อคนจนเข้ากันดีแล้ว ทำการกรองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าทำประณีตขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเอาไว้พอกพิมพ์เพื่อหล่อพระ คาดว่าการที่ทำดินไทยเพื่อปั้นรูปปูนี้คงไม่ละเอียดขนาดนั้น เจ้าของเต็นท์พูดน้ำไหลไฟดับ โดยที่กระผม/อาตมภาพบอกว่าที่วัดมีเยอะแยะไป อีกฝ่ายตีให้ตายก็ไม่เชื่อ เพราะฝังหัวไปแล้วว่ามีแห่งเดียวในโลก กระผม/อาตมภาพก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางของเขา เนื่องเพราะว่าที่เกาะพระฤๅษี และรอบบริเวณป่าเขาพระฤๅษี เขาบ่อแร่นั้น มีแต่ปูทูลกระหม่อมนี้เต็มไปหมด พูดง่าย ๆ ว่าในบริเวณอำเภอทองผาภูมิ พื้นที่ป่าเขาส่วนใหญ่ก็จะมีปูชนิดนี้ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นปูราชินี หรือว่าปู ๕ สีนั้น จะมีเฉพาะที่บริเวณพุปูราชินี ตำบลห้วยเขย่งแห่งเดียวเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ครั้นประมาณ ๖ โมงเช้าก็เดินฝ่าฝนที่พรำไม่เลิกไปฉันภัตตาหารเช้าที่บริเวณอาคารหอฉันใหม่ เสร็จแล้วก็มาประจำที่อยู่ภายในเต็นท์ศีล ๕ จน ๘ โมงเช้า ถึงได้เข้าไปในหอประชุมใหญ่ ตั้งใจจะนั่งอยู่แถวหลังสุด
ทางด้านหน้ามีแต่บรรดาครูพระสอนศีลธรรม พระวิปัสสนาจารย์ พระนักเทศน์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงนั่งอยู่เต็มไปหมด แต่ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ - พระโสภณวชิรวาที , ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที) แม่งานใหญ่เห็นเข้าพอดี พูดออกไมค์ว่า "นิมนต์หลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าภาพใหญ่นั่งทางเก้าอี้พระเถระด้านหน้าเลยครับ หลวงพ่ออยู่ในระดับพ่อของครูพระสอนศีลธรรมแล้ว อย่าไปนั่งหลบอยู่ข้างหลัง ให้มานั่งทางด้านหน้า ให้ท่านที่ยังไม่รู้จักได้ชื่นชมบารมีบ้าง" เท่านั้นก็เป็นเรื่อง เนื่องเพราะว่าทั้งพระที่เป็น FC วัดท่าขนุนก็ดี บรรดาพระภิกษุสามเณรที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของกระผม/อาตมภาพมาก่อนก็ตาม ขอมาถ่ายรูปเป็นการใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สำนักงานองคมนตรี ก็ยังมาขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรม กระผม/อาตมภาพไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายแบบนี้ แต่เมื่อแสงสปอตไลท์ส่องลงมาแล้วจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องปล่อยให้เขาถ่ายรูปไปจนครบ แล้วถึงจะหลบไปนั่งอยู่ทางด้านหลังที่นั่งพระเถระ เจอท่านเจ้าคุณอาจารย์วัลลพ - พระราชวัชรธรรมวาที, รศ.ดร. (วัลลพ โกวิโล ป.ธ.๘) ท่านเจ้าคุณอาจารย์ชัยวัฒน์ - พระเทพวชิรวาที (ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน) เพิ่งจะคุยกันได้ไม่กี่คำ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมวัชรธีราจารย์ , ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ป.ธ.๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็มาถึง เมื่อกราบทักทายกันแล้ว ทั้งท่านและอาตมภาพก็ได้ถ่ายรูปร่วมกัน คุยกันได้ไม่กี่คำ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) , ศ.ดร. แม่งานใหญ่ครั้งนี้ก็มา บอกว่าท่านมาทุกวันเลย ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ตั้งใจมาช่วยกัน ยังไม่ทันคุยอะไรต่อก็มีมือมาจับแขนเขย่า หันไป ปรากฏว่าหลวงพ่อพิมพ์ - พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ.๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม โผล่มาตอนไหนไม่รู้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
หลังจากที่กราบกรานกันตามธรรมเนียมเสร็จสรรพเรียบร้อย พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานในงานวันนี้ก็มาถึง พร้อมทั้งจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้าของโครงการสืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย
เพียงแต่ว่าวันนี้ปู่ชลิตของกระผม/อาตมภาพท่านเป็นประธานในงาน จึงได้ขึ้นไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วลงมาประเคน ผ้าไตรพระราชทานและพัดรอง ให้กับนักเทศน์ทุนเล่าเรียนหลวง พระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งทั้งสองอย่างก็คือการฝึกนักเทศน์เหมือนกัน แต่ว่าพระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นของคณะสงฆ์ธรรมยุต และบุคลากรของหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ซึ่งแต่ละฝ่ายได้รับพระราชทานผ้าไตรฝ่ายละ ๕ รูป หลังจากนั้น พระนักเทศน์ที่ได้รับการคัดตัวมาในวันนี้ของทางภาคกลาง ก็ต้องขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาก่อน ปรากฏว่าท่านตั้งใจมากจนเกินไป โดยเฉพาะปิดท้ายด้วยแหล่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้มีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับบรรดาเซียนนักเทศน์จับผิดได้อย่างแน่นอน กระผม/อาตมภาพฟังแล้วยังชื่นชมว่าเสียงท่านดีมาก แต่ว่าการแหล่แบบนี้ขอเถอะ กระผม/อาตมภาพไม่ทำแน่นอน ทั้ง ๆ ที่เคยฝึกเคยหัดมา แต่ด้วยความที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ห้ามภิกษุขับลำด้วยเสียงอันยาว ท่านบอกว่าผู้ขับลำก็หลงเสียงตนเอง ผู้ฟังก็หลงในเสียงนั้น ซึ่งมีแต่โทษทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่ว่าวัฒนธรรมประเพณีของบ้านเรานั้น ในเรื่องของการเทศน์แหล่ โดยเฉพาะเทศน์มหาชาติ เป็นเรื่องที่สืบทอดกันมานับร้อย ๆ ปี พระนักเทศน์เก่ง ๆ บางรูป สามารถใช้เสียงตนเองทำเป็นเครื่องดนตรีได้แทบทุกชนิด ในเวลาที่ดนตรีประโคมเมื่อพระเวสสันดรเสด็จ เหล่านี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพไม่มีกำลังใจที่จะไปฝืนคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้แต่ปล่อยให้ท่านทั้งหลายที่มีกำลังใจนิยมในเรื่องนี้ ทำการแสดงพระธรรมเทศนาแบบแหล่ของท่านกันต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อจบการเทศน์ลงแล้ว ท่านองคมนตรีก็ประเคนผ้าไตรไทยธรรม แล้วนักเทศน์ของปักษ์ใต้ก็ขึ้นเทศน์ เพราะว่าวันนี้มีเทศน์ ๔ ภาค ช่วงเช้าเทศน์เป็นภาษากลางกับภาษาใต้ ช่วงบ่ายเทศน์เป็นภาษาอีสานแล้วปิดท้ายด้วยภาษาเหนือ
ยังไม่ทันไร หลวงพ่อสัมฤทธิ์ (พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก รองเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ กระซิบบอกว่า "นิมนต์หลวงพ่อเล็กช่วยปลุกเสกหลวงปู่ดำให้ในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ด้วยนะครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงตรวจงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ อาจจะไม่ว่างก็ได้" แต่เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เมื่อเปิดดูในโทรศัพท์มือถือแล้ว ปรากฏว่าว่างอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น เมื่อชี้ให้ดู หลวงพ่อสัมฤทธิ์ท่านก็พนมมือท่วมหัว บอกว่า "ผมขอไว้กับหลวงปู่ดำแล้ว ว่าพระที่ผมต้องการให้มาปลุกเสกขอให้นิมนต์ได้ทุกรูป" กระผม/อาตมภาพก็ยกมือสาธุตาม หลวงพ่อปู่ วัดโกรกกรากนั้นเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวในประเทศไทยที่ใส่แว่นตาดำมาตลอด เนื่องเพราะว่าในสมัยก่อนมีโรคตาแดงระบาด ญาติโยมไปบนขอน้ำมนต์ท่านไปล้างหน้าล้างตาอธิษฐานขอให้หาย ถ้าหายแล้วจะถวายแว่นตาดำแก่หลวงปู่ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ได้รับน้ำมนต์ไปแล้วก็หายเป็นปกติ ไม่ต้องใส่แว่นตาดำ ปกปิดดวงตาแดง ๆ แฉะ ๆ ของตนเอง จึงเอาแว่นไปใส่ถวายให้หลวงปู่ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ดำก็ใส่แว่นตาดำมาตลอด จนกระทั่งมีบางคนรำคาญว่าพระพุทธรูปอะไรใส่แว่นตาดำ แล้วไปนำออก ปรากฏว่าตนเองป่วยเป็นโรคตาแดงขึ้นมา จึงต้องเอาแว่นตาไปคืนให้หลวงปู่ดำ แล้วจึงหายจากโรคที่เป็น ต้องบอกว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากรูปหนึ่ง หลวงพ่อสัมฤทธิ์นั้น กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับท่านมานานมาก แม้กระทั่งงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี งานพระราชทานเพลิงศพของพระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ.๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ตลอดจนกระทั่งงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปถัดจากหลวงพ่อณรงค์ ก็ได้รับความเมตตามอบเมรุลอยมาจากทางวัดโกรกกราก โดยที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์มากำกับการตั้งเมรุให้เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพแอบยัดเงินให้บรรดาคนงานต่าง ๆ เป็นรางวัลคนละ ๑,๐๐๐ บาท ปรากฏว่าช่วงดึกเกือบ ๕ ทุ่ม คนงานท่านหนึ่งวิ่งรถเข้ามาในวัดท่ามะขาม เอาเงินกลับมาคืนให้ บอกว่าพอหลวงพ่อสัมฤทธิ์รู้เข้าก็ไล่ให้เอามาคืนโดยด่วน ท่านสร้างเมรุลอยขึ้นมาเพื่อสงเคราะห์ เป็นการต้องการบุญอย่างเดียว ถ้าหากว่าไปรับเงินมา แล้วบุญของท่านจะไม่บริสุทธิ์
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็แจ้งให้กับทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีว่า ถ้าขอเมรุลอยจากวัดโกรกกรากได้ก็อย่าไปให้เงินคนงาน ไม่เช่นนั้นแล้วคนงานจะต้องเดือดร้อนแบบนี้เอง เราจะเห็นว่ากำลังใจของหลวงพ่อสัมฤทธิ์นั้นอยู่กับบุญกับกุศลจริง ๆ กระผม/อาตมภาพถือว่าโชคดีมากที่ได้รู้จักกับพระสังฆาธิการ ซึ่งมีใจเป็นบุญเป็นกุศล มีกำลังใจสละตนเองเพื่อทำงานให้กับทางคณะสงฆ์แบบนี้ หลังจากที่ร่ำลาท่านแล้ว ไม่ได้อยู่ฟังการแหล่งใต้ในการเทศน์บนธรรมาสน์ เนื่องเพราะว่าต้องกลับไปให้พรรคพวกเห็นหน้าที่เต็นท์หมู่บ้านรักษาศีล ๕ แล้วก็ไปซื้อเอาปูทูลกระหม่อมมา ๒ ตัว เขาคิดตัวใหญ่ ๘๐๐ บาท ตัวเล็ก ๕๐๐ บาท เนื่องเพราะว่าปั้นจากดินไทย ถ้าหากว่าเป็นขี้เลื่อยจะถูกกว่านี้เป็นครึ่ง ๆ กระผม/อาตมภาพเองเห็นว่าเขาใส่กระจาดเล็ก ๆ มาด้วย ก็เลยจ่ายเกินไปให้ แล้วก็หอบเอาปูทั้ง ๒ ตัวกลับมา เผื่อว่าทางอำเภอทองผาภูมิจะทำตามบ้าง เนื่องเพราะว่าเขาบอกวิธีไว้โดยละเอียดแบบไม่หวงวิชา หรือว่าจะสั่งซื้อจากเขาในราคาขายส่ง แล้วนำไปขายต่ออย่างไรก็แล้วแต่จะบริหารจัดการกันเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|