#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพในฐานะกรรมการและอนุกรรมการ โครงการ "สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ต้องเดินทางไปยังวัดประยุรวงศาวาสแต่เช้า เนื่องเพราะว่าวันนี้มีการประชุมทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย
ภาคเช้านั้นเป็นการประชุมในส่วนของกรรมการที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระภิกษุ ซึ่งรับผิดชอบงานที่จะต้องจัดแสดงทั้ง ๘ ฝ่ายที่พุทธมณฑล ในวันที่ ๒ - ๓ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นี้ โดยมีพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นประธาน ในฐานะที่ท่านเป็นประธานกรรมการและประธานอนุกรรมการโครงการนี้ และอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ต้องการที่จะซักถามรายละเอียด และปรับแก้ตารางงานของทุกฝ่ายให้กระชับ เพื่อที่ตอนช่วงบ่ายซึ่งประชุมร่วมกับสำนักงานองคมนตรี โดยมีท่านจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เป็นประธาน จะได้บอกว่าแต่ละฝ่ายนั้นทำงานไปถึงระดับไหนแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาคอยซักถาม คอยตอบคำถามกันมาก เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ - พระโสภณวชิรวาที, ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) ดร. ก็มาต้อนรับ กระผม/อาตมภาพสงสารท่านเจ้าคุณอาทิตย์เหลือเกิน ในฐานะเลขานุการของท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. ไม่ทราบเหมือนกันว่าอดนอนมากี่วันแล้ว เนื่องเพราะว่าต้องประสานงานทุกฝ่าย ต้องถวายรายงานกรรมการและอนุกรรมการที่เป็นมหาเถระทั้ง ๘ ฝ่าย และต้องประสานงานกับทางสำนักงานองคมนตรี ตลอดจนกระทั่งประสานงานตรงกับท่านองคมนตรีผู้รับผิดชอบในแต่ละฝ่ายด้วย จึงทำให้กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเห็นใจท่านเป็นอย่างมาก ท่านเจ้าคุณอาทิตย์นำเอาบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมมาให้เซ็น และถวายเบี้ยประชุมมา ๑,๐๐๐ บาท พร้อมกับบอกว่า "อายหลวงพ่อมากครับ หลวงพ่อมอบให้กับทางศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทีละเป็นแสน แต่ว่าผมถวายคืนหลวงพ่อได้ทีละ ๑,๐๐๐ บาทเท่านั้น" กระผม/อาตมภาพยังหัวเราะ เรียนท่านว่า "เจ้าคุณ..อย่าคิดมาก ต่อให้ไม่มีเลย หลวงพ่อก็ยังมาร่วมประชุมอยู่ดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2025 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ท่านบอกว่า "ปีนี้หลวงพ่อรับสมณศักดิ์เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาธุระ ปีหน้าอาจจะมีข่าวดีก็ได้" กระผม/อาตมภาพยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่
เรียนท่านว่า "เจ้าคุณ..เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของบุญวาสนา ถ้าหากว่าบุญวาสนาถึง ไม่ต้องดิ้นรนก็มาเอง ถ้าบุญวาสนาไม่ถึง ดิ้นรนให้ตายก็ไม่ได้ ของทุกอย่างต้องเป็นไปตามวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคน ผมเองไม่เคยดิ้นรนเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เลย อะไรที่ได้มาก็คือผู้บังคับบัญชาหรือว่าผู้ใหญ่ท่านเห็นสมควรให้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรับไว้ แต่ถ้าให้ไปดิ้นรนไขว่คว้า หรือว่าต้องไปแย่งชิงกับใคร อย่างนั้นผมจะไม่รับเอาไว้เป็นอันขาด" ท่านก็กราบแล้วกราบอีก บอกว่า "หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตก็แบบเดียวกันครับ ให้ก็รับไว้ ถึงไม่ให้เราก็ทำงานกันแทบตายอยู่ดี..!" แล้วก็หัวเราะให้กัน เมื่อถึงเวลาท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.,ดร. ก็มาเป็นประธานในการประชุม โดยที่ค่อย ๆ ซักถามผู้รับผิดชอบแต่ละฝ่าย โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้นร่วมประชุมจนถึง ๑๐ โมงเช้าเท่านั้น ก็กราบขออนุญาตกลับสู่ที่พัก เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน โดยครั้งนี้ เจ้าภาพก็คือน้องจูน (คุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์) มอบค่าทัวร์ให้สำหรับอาตมาและผู้ติดตามด้วย โดยที่ครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพให้พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) พี่สาวคนติดกัน ซึ่งมาอยู่วัดท่าขนุนเกิน ๑๐ ปีแล้ว ให้ไปในฐานะผู้ติดตาม เมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็จัดของลงกระเป๋า สำหรับพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งญาติโยม เห็นกระผม/อาตมภาพจัดของลงกระเป๋าทีไรก็ทำท่าจะร้องไห้ เนื่องเพราะว่าข้าวของที่เอาไปนั้นมีน้อยมาก มีเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้น..จึงมักจะมีกระเป๋าขึ้นเครื่องเพียงใบเดียว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ ๔ - ๕ กิโลกรัม ถ้าหากว่างานไหนนำเอาโน้ตบุ๊กไปทำงานด้วย น้ำหนักก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน ๘ กิโลกรัม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมักจะต้องเฉลี่ยน้ำหนักของตนทั้งหมด ให้กับทางคณะทัวร์ ที่จะต้องขนข้าวของโดยเฉพาะอาหารไทยติดไป เพื่อที่จะได้บริการลูกทัวร์ ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ไปที่ไหนก็ฉันอาหารในพื้นที่ โดยเฉพาะครั้งนี้เป้าหมายก็คือมณฑลกานซู่ และมณฑลซินเจียงของประเทศจีน ซึ่งแถวนั้นอาหารหลักก็มักจะเป็นเนื้อแพะเนื้อแกะที่กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้รังเกียจอะไร มาอย่างไรก็ฉันไปอย่างนั้น แต่สำหรับคนที่ไปติว่าเนื้อแพะเนื้อแกะมีกลิ่นสาบ กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำ ๆ เนื่องเพราะว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดก็มีกลิ่น เพียงแต่ว่าเราเคยชินกับกลิ่นนั้น ๆ ก็เลยกินได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ถ้าหากว่าไปเจอเนื้อสัตว์ที่ไม่เคยชิน ก็มักจะตำหนิว่ามีกลิ่นสาบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2025 เมื่อ 01:49 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพตั้งแต่เด็กก็กินมาสารพัด ทั้งกระต่าย ชะมด อีเห็น เสือปลา ค้างคาว งู ตลอดจนกระทั่งปลาต่าง ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ ในสมัยนั้นทางบ้านค่อนข้างจะยากจนมาก ต้องหาใส่ปากใส่ท้องให้พออิ่ม เนื่องเพราะว่าพ่อแม่ไม่มีเวลามาดูแล วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือล่าสัตว์กินเอง..! จึงสามารถที่จะกินได้สารพัดอย่าง ชนิดที่บางคนเกิดมาก็ไม่เคยกินเสียด้วยซ้ำไป แล้วตอนยุคนั้น สัตว์หลายอย่างนี้ก็ยังไม่ได้ขึ้นบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงไม่ได้เดือดร้อนในการที่จะล่า
เมื่อกินไปสารพัดจนกระทั่งจำกลิ่นได้ ถ้าเนื้อสัตว์ชนิดนี้เข้าปากก็จะบอกได้เลยว่าเป็นเนื้ออะไร ยกเว้นอยู่ครั้งเดียวที่โดนคุณตาหลอกให้กินเนื้อหมาไปเต็ม ๆ..! โดยที่ท่านบอกว่าเป็นเนื้อเก้ง เนื่องจากว่าไม่เคยกินเก้งมาก่อน แล้วท่านก็ทำเป็นเนื้อหมาพะโล้อย่างดี โดยบอกว่ากินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพราะว่าใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ฟาดไปเสียเต็มคราบ มารู้ทีหลังว่ากินเพื่อนที่ซื่อสัตว์ที่สุดไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้ โดยเฉพาะเนื้อวัวนั้น ทางบ้านนับถือเจ้าแม่กวนอิมจึงไม่กินเนื้อวัว กระผม/อาตมภาพไปรู้จักการกินเนื้อวัวเนื้อควาย ก็ตอนที่ไปเรียนหนังสือ แล้วก็ไปนั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ติดเอาปิ่นโตมาจากทางบ้าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเนื้อเค็มทอด กระผม/อาตมภาพมักจะมีแต่ไข่ดาวเท่านั้น เพราะว่ากับข้าวอย่างอื่นหายาก วิธีง่ายที่สุดก็คือทอดไข่ไป พรรคพวกเพื่อนฝูงก็แบ่งกับข้าวมาให้ กินไปครั้งแรกก็ยังสงสัยว่าเนื้ออะไร กลิ่นเหมือนกันนมไม่มีผิด..! มารู้ทีหลังว่าเป็นเนื้อวัว รู้สึกผิดมาก เหมือนอย่างกับทำผิดศีลในสมัยนี้ จนกระทั่งมาทำใจได้ ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราขาดเจตนาในการละเมิด ในเมื่อละเมิดไปแล้วก็อย่าทำให้ตนเองต้องมาเศร้าเสียใจ จิตใจเศร้าหมองอยู่แบบนั้น แต่ว่าให้ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวัง อย่าไปละเมิดในลักษณะแบบนี้อีกก็แล้วกัน จนกระทั่งมาฝึกกรรมฐานกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านได้สอนในเรื่องอาหาเรปฏิกูลสัญญา จึงปรับตัวเองให้กินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยที่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะว่าเมื่อลงไปแล้ว ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสิ่งปฏิกูลออกมาเหมือนกันหมด เมื่อทำใจได้แล้ว ต่อให้อาหารนั้นกลืนยากขนาดไหน ก็ยังฉันลงไปได้อยู่ดี จึงไม่ได้ลำบากเดือดร้อนกับเรื่องที่ต้องคอยหาอาหารไทย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2025 เมื่อ 01:52 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แต่กลายเป็นว่าเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไร ก็ต้องเฉลี่ยน้ำหนักให้กับทางคณะทัวร์ ที่แบกอาหารไทยไปให้กับคณะของตนเอง โดยที่กระผม/อาตมภาพเอง บางทีก็ต้องนำเอาเอกสารไปขอรับกระเป๋า ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ของตนเอง เพราะว่าฝากกระเป๋าไปในนามของพระครูวิลาศกาญจนธรรม จึงทำให้บางคนอาจจะเข้าใจว่า กระผม/อาตมภาพไปไหนก็ขนข้าวของไปเยอะแยะ แต่ความจริงเป็นการรับฝากจากคนอื่นแทบทั้งนั้น
ตอนนี้กระผม/อาตมภาพอยู่ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กำลังรอความพร้อมของคณะที่จะเดินทางไปด้วยกัน เมื่อมาพร้อมแล้วก็จะได้ทำการเช็คอิน เพื่อไปรอขึ้นเครื่องทางด้านใน จึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เผื่อว่าถ้าหากว่าไม่สามารถบันทึกได้ ก็จะได้มีให้ทุกท่านได้ฟัง ในการเดินทางครั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถบันทึกเสียงได้ตลอดทางหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่ามณฑลซินเจียงนั้นใหญ่กว่าประเทศไทย ๗ - ๘ เท่า มณฑลกานซู่ก็เล็กกว่าไม่เท่าไร ต้องเดินทางข้ามถึง ๒ มณฑล อาจจะเท่ากับเดินทางข้ามประเทศกันเลยทีเดียว จึงต้องระมัดระวังเอาไว้ว่า ตนเองร่างกายจะไหวหรือไม่ ? จะมีโอกาสบันทึกเสียงหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็จะพยายามบันทึกเอาไว้ทุกวัน เพื่อเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าหลวงพ่อไปผจญภัยแล้วเจออะไรมาบ้าง โดยเฉพาะงานนี้เป็นสถานที่ใหม่ ยังไม่เคยไปมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าเจ้าที่เจ้าทางผู้รับผิดชอบคือใคร ก็คงจะไปรู้กันตอนหน้างานนั่นเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2025 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|