#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจสำคัญ ก็คือไปร่วมทอดผ้าป่าเพื่อพัฒนาการศึกษา วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี ศรีสุวรรณภูมิ ตามที่ทางพระครูโสภณวีรานุวัตร, ผศ. ดร. รักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี ศรีสุวรรณภูมิ ได้ขอเอาไว้ แต่เป็นการบอกแบบค่อนข้างจะกะทันหัน ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมบุญกันมาประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาทเศษ กระผม/อาตมภาพควักเติมให้ครบ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ก็ถือว่าบอกอย่างกะทันหัน ได้ระดับนี้ก็ถือว่ามากแล้ว..!
เมื่อเดินทางไปถึงทั้งทีก็แวะกราบครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่เจ้าคุณสะอิ้ง - พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (สะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี นำกระเช้าไปถวายท่าน แล้วยังมีการแซวคนแก่ด้วยว่า "หลวงพ่อวิ่งได้หรือยังครับ ?" ท่านก็หัวเราะ บอกว่า "ขนาดมีวอล์คเกอร์ยังจะเดินไม่ไหว เอ็งยังจะให้ข้าวิ่งอีก" ด้วยความที่หลวงปู่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ อารมณ์ใจก็เลยไม่ได้เศร้าหมองอยู่กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย ถือว่าไม่เสียทีที่เป็นศิษย์มีครูทีเดียว..! หลังจากนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังศาลาโดมพระพรหมเวที ซึ่งอยู่ทางด้านหลังวัด หน้าสวนกล้วยนานาพันธุ์ของจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมพิธีทอดผ้าป่าครั้งนี้ โดยมีหลวงพี่ทวี (พระครูศรีรัตนาภิวัฒน์, ดร.) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดพระลอย มาต้อนรับ นำไปถวายเงินกับพระครูโสภณวีรานุวัตร, ผศ. ดร. เสร็จเรียบร้อย รับของที่ระลึกแล้ว ก็ทักทายบรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการต่าง ๆ อย่างเช่นหลวงพ่อแดง (พระครูสิริวรธรรมาภินันท์) รองเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดมะนาว ตลอดจนกระทั่งเพื่อนพระสังฆาธิการรูปอื่น ๆ จนกระทั่งหลวงพ่อสิงห์โต (พระครูโสภณคุณาธาร) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดสาลี บางปลาม้า มาถึง ก็ได้นั่งคุยกันด้วยความถูกคอ ในฐานะศิษย์สายเดียวกัน ก็คือท่านมาจากสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเช่นเดียวกัน จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงปู่สมบุญ (พระครูสุวรรณธรรมานุยุต) วัดลำพันบอง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เดินทางมาถึง จึงได้กราบเท้ารายงานตัวกับหลวงปู่ท่าน ซึ่งอายุจะครบ ๑๐๔ ปีในวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2025 เมื่อ 01:24 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
อีกสักครู่หนึ่ง นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานฝ่ายฆราวาสก็มาถึง พอเห็น "หลวงน้า" ท่านผู้ว่าก็เข้ามากราบก่อนเลย กระผม/อาตมภาพจึงได้ฝากวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีเอาไว้ในการดูแลของท่านด้วย ถ้าหากว่ามีกิจการงานอะไร มอบหมายให้ปลัดท่านใดท่านหนึ่งเป็นตัวแทนมาร่วมกิจกรรมก็ได้ หรือให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัดสุพรรณบุรี ช่วยประชาสัมพันธ์งานของวิทยาลัยสงฆ์ด้วยก็ได้ ซึ่งท่านผู้ว่าฯ ก็บอกว่าไม่มีปัญหา ท่านเองถ้าปลีกตัวได้ ก็พยายามจะมาเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
อีกสักครู่หนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล ประธานในงานก็มาถึง กระผม/อาตมภาพออกไปต้อนรับ นำท่านเข้าสู่ที่นั่งแล้วก็เป็นพิธีการทอดผ้าป่า เมื่อสมาทานศีลเสร็จ เริ่มพิธีทอดผ้าป่า กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอตัวเดินทางกลับก่อน เพราะว่าวันนี้มีหน้าที่บรรยายถวายความรู้ แก่พระวิปัสสนาจารย์ประจำสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งคาดว่าจะเดินทางไปถึงอย่างหวุดหวิดพอดี บรรดาผู้ที่ไปเป็นตัวแทนก็ดี หรือว่าผู้ที่เป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดก็ดี ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผู้ที่มักน้อย สันโดษ ตลอดจนกระทั่งรักการปฏิบัติและชอบอยู่เงียบ ๆ แต่ในเมื่องทางคณะสงฆ์กำหนดกฎเกณฑ์ว่าต้องมีกิจกรรมอย่างนั้น ต้องมีกิจกรรมอย่างนี้ บางทีก็เป็นการฝืนความรู้สึกของท่านเช่นกัน กระผม/อาตมภาพเคยทักท้วงท่ามกลางที่ประชุมมาแล้ว ว่าท่านเป็นผู้รักสงบ แต่เราไปลากท่านออกมากระโดดโลดเต้น ก็ดูท่าจะไม่ใช่ที่ แต่ถ้าหากว่าไม่ให้มีกิจกรรมอะไรร่วมกับทางคณะสงฆ์เลย ก็จะเป็นการห่างเหินกันเกินไป จึงต้องมีรายการพบกันครึ่งทาง ก็คือมาร่วมปฏิบัติธรรม และฟังประสบการณ์ ตลอดจนกระทั่งการบรรยายจากพระเถระระดับครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ก็ดี เพิ่มศรัทธาปสาทะในการปฏิบัติธรรมก็ตาม เรียกง่าย ๆ ว่าปีละ ๑๐ วัน ที่ท่านจะได้ขัดเกลาตนเอง ทั้งกาย ทั้งวาจา และทั้งใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2025 เมื่อ 01:28 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
โดยเฉพาะการปฏิบัติที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมแห่งที่ ๒ ซึ่งเป็นของวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) นั้น ได้ท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ - พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เป็นประธานวิปัสสนาจารย์ ซึ่งถือว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ให้เครียดจนเกินไป ขณะเดียวกัน ก็ไม่ย่อหย่อนจนเกินไป นับว่าท่านทั้งหลายโชคดีแล้ว ที่ได้ครูบาอาจารย์ระดับนี้มาควบคุมการปฏิบัติ ให้เราอยู่กับวัดเองบางทีก็มีการทอดธุระ บางทีก็ทำงานอื่นเสียบ้าง มีโอกาส ๑๐ วันที่เราจะได้มาฟื้นกำลังของตนเอง
ในที่นี้ผู้เข้าปฏิบัติธรรมอาวุโสที่สุด ก็คือหลวงพ่อสุพจน์ (พระครูสุนทรกาญจนาคม) เจ้าอาวาสวัดห้วยตะเคียน ซึ่งท่านเองบอกว่า ได้ฉวยโอกาสหนีความวุ่นวายที่วัดมาพักอย่างเป็นทางการ ไม่มีใครตำหนิได้ด้วย เพราะอ้างว่าเจ้าคณะภาคสั่ง กระผม/อาตมภาพเองก็เห็นด้วย เนื่องเพราะว่าในช่วงที่กระผม/อาตมภาพยังเรียนอยู่นั้น เวลาปฏิบัติธรรมเป็นเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากว่าพอมาถึงระดับปริญญาโทแล้ว กระผม/อาตมภาพเองก็ยังมีภาระในการที่จะต้องทำวิทยานิพนธ์ หรือช่วยเหลือการทำวิทยานิพนธ์ของเพื่อนฝูง บางทีก็ปฏิบัติไม่ได้เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามทำให้มากที่สุด ส่วนการปฏิบัติธรรมช่วงปริญญาเอกนั้น ได้หลวงพ่อเจ้าคุณชุบ (พระวชิรเหมคุณ, ดร.) เจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เป็นเจ้าภาพนำพวกเราไปปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น พักอยู่รวมกันทีหนึ่งก็ ๑๐ วันบ้าง ๗ วันบ้าง จนกว่าจะสะสมได้ครบ ๔๕ วัน แถมยังได้เกียรติบัตรพระวิปัสสนาจารย์สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเพชรบุรีมาด้วย ถือว่าเป็นของแถมที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เห็นว่าบรรดานิสิตทั้งหลายของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั้น ได้มีโอกาสในการปฏิบัติธรรมในทุกหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นระดับประกาศนียบัตรปีละ ๑๐ วัน ระดับปริญญาตรีปีละ ๑๐ วัน รวมอย่างน้อย ๔๐ วัน ระดับปริญญาโทปีละ ๑๕ วัน รวมอย่างน้อยตลอดหลักสูตร ๓๐ วัน และระดับปริญญาเอก ให้สะสมวันปฏิบัติธรรมกันเอง ตลอดหลักสูตรให้ได้ ๔๕ วัน ซึ่งจะมีครูบาอาจารย์ตามไปนิเทศก์ และตรวจการณ์อยู่เสมอ ต้องบอกว่าไม่มีความย่อหย่อนกันเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2025 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
ครูบาอาจารย์บางท่านก็ค่อนข้างเข้มงวด ถึงขนาดสั่งให้นิสิตปิดวาจาเลยก็มี แม้ว่าพวกเราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เนื่องเพราะว่าการไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ในเมื่อครูบาอาจารย์สั่งมา พวกเราก็พยายามทำให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
พูดง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นนิสิต มจร. ส่วนใหญ่ก็ต้องโดนเคี่ยวเข็ญการปฏิบัติธรรมมาในระดับหนึ่งโดยทีเดียว ซึ่งบางทีสถาบันสมทบจากต่างประเทศ เขาต้องการตรงจุดนี้ เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในโลก ไม่มีการปฏิบัติธรรมแบบของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงได้ส่งนักศึกษามาเรียนที่นี่ เพื่อที่จะเอาแนวทางการปฏิบัติธรรมไปเผยแผ่โดยเฉพาะ ต้องบอกว่าเขามีสายตาที่เห็นการณ์ไกลทีเดียว ถ้าได้แนวทางและวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องไป ถึงเวลานำไปเผยแผ่ต่อ พระพุทธศาสนาของเราก็จะได้เจริญงอกงามในต่างประเทศกันต่อไป เรียกง่าย ๆ ว่าไม่มอบภาระให้แก่พระภิกษุฝ่ายเดียว แต่ว่าได้ร่วมด้วยช่วยกันในฐานะอุบาสกอุบาสิกาด้วย เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่เราท่านต้องเห็นประโยชน์ด้วยตนเอง ว่า การปฏิบัติธรรมนั้น อันดับแรกเลย ช่วยให้เรามีสติ รู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสมาธิทรงตัวก็สามารถระงับได้ชั่วคราว ถ้าหากว่าปัญญาแก่กล้า ก็สามารถที่จะตัด รัก โลภ โกรธ หลง ลงได้ ตามกำลังของตน เรียกง่าย ๆ ว่ามีแต่ดีโดยส่วนเดียว แต่ก็เป็นเรื่องของบุคคลที่ต้องมีบารมีได้ระดับหนึ่งทีเดียว ถ้าบารมีไม่ถึงระดับปรมัตถบารมี บางทีก็ไม่สนใจที่จะปฏิบัติธรรม ให้ทานเท่าไรก็ให้ได้ รักษาศีลก็เต็มใจรักษา แต่พอบอกให้ปฏิบัติภาวนา รู้สึกเหมือนกับว่าแบกช้างทั้งตัว..! ถ้าลักษณะนั้นโปรดทราบว่าบารมีของเรายังไม่ถึง ต้องเร่งรัดตนเองอีกมาก ไม่เช่นนั้นแล้วหนทางในวัฏสงสารนี้ก็ยังยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2025 เมื่อ 01:38 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|