เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพออกจากวัดท่าขนุนตอนตี ๓ ไปทำวัตรเช้าร่วมกับพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ พระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ และท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยคณะผู้เข้าอบรมบาลีก่อนสอบ ณ ศาลาอเนกประสงค์ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)

เมื่อเสร็จจากการทำวัตรและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็มารับการแสดงความยินดีจากพระเถรานุเถระ ที่ทยอยกันเดินทางมาร่วมพิธีปิดโครงการอบรมบาลีก่อนสอบปีที่ ๕๐ ของ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยที่มีพิธีการกราบขอขมาหลวงพ่อวัดไร่ขิงในโบสถ์เสียก่อน

ต่อด้วยการกล่าวสัมโมทนียกถาของพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อเจ้าคุณแก้ว - พระราชวชิรสุตาภรณ์ (พนม รตนาโภ) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนกับกระผม/อาตมภาพมา ตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตร (การบริหารกิจการคณะสงฆ์) จนกระทั่งจบปริญญาโท (การจัดการเชิงพุทธ) มาด้วยกัน ปิดท้ายด้วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณทอม - พระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

หลังจากนั้นก็เป็นการรับมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ในการแต่งตั้งพระครูวิลาศกาญจนธรรมเป็นที่เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งงานนี้ตั้งแต่ต้น หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ นั้น ท่านต้องการจะตั้งเป็นที่ปรึกษาของท่านเอง แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า "ใหญ่เกินไปจะอยู่ยาก" จึงได้ขอร้องให้ท่านลดลงมาเหลือแค่ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีก็พอ

ขนาดนั้นท่านอาจารย์สุรินทร์ (พลอากาศตรีสุรินทร์) ผู้เป็นพิธีกรและโฆษกประจำงานวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งหลาย ๆ ท่านเรียกกันอย่างเต็มยศว่าพลอากาศตรีสุรินทร์ คุ้มจั่น อดีตสามเณรประโยค ๙ ได้กล่าวว่ากระผม/อาตมภาพได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ย้ำอยู่หลายรอบจนกระทั่งมีการกระซิบบอก ท่านก็ยังมองแบบงง ๆ เพราะคิดว่าเป็นไปตามที่ต้องการของหลวงพ่อแย้มตั้งแต่แรก ไม่นึกว่ากระผม/อาตมภาพจะลดตัวเองลงมาแบบนี้

[เถรี]

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็กล่าวว่า "เมื่อรับพระบัญชาตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ก็ขอให้เป็นที่ปรึกษาของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ด้วยนะครับ" กระผม/อาตมภาพฟังตรงนี้แล้วงงมาก เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่าวิทยาลัยสงฆ์ต้องมีที่ปรึกษาหรืออย่างไร ? ควรจะเป็นที่ปรึกษาของผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์มากกว่ามิใช่หรือ ?

เมื่อรับตราตั้งและรับการเจริญชัยมงคลคาถา (ชยันโตฯ) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นพิธีมอบรางวัลให้แก่บุคคลซึ่งสอบประโยคบาลีสนามหลวงได้ จากการอบรมที่สนามสอบวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แห่งนี้ในปีที่แล้ว ซึ่งที่น่ายินดีก็คือมีผู้ผ่านประโยค ๙ หลายรูปด้วยกัน

จากนั้นพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ทองดี - พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙) ราชบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร ผู้เป็นประธานในงานวันนี้ ท่านได้กล่าวสัมโมทนียกถา กระผม/อาตมภาพได้ขอโอกาสในช่วงนั้น ลาหลวงพ่อเจ้าคณะภาค และรองเจ้าคณะภาค เพื่อไปหาหมอซ่อมสุขภาพ

แล้วก็มาติดตามจากการที่พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ซึ่งได้ยินว่ากระผม/อาตมภาพจะใช้พื้นที่ใต้ถุนกุฏิริมป่าช้า รับการถวายมุทิตาสักการะจากเพื่อนพระสังฆาธิการและญาติโยมที่เรียกร้องมาในวันพรุ่งนี้ ท่านทนไม่ได้ จึงได้อนุญาตให้ใช้หอประชุมพระครูพิพัฒน์นนทคุณของทางวัดอุทยานแทน โดยที่มอบหมายให้พระครูสมุห์ต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอุทยาน รีบทำการทำความสะอาด จัดสถานที่ให้โดยเร่งด่วน

ก็แปลว่าในวันพรุ่งนี้นั้น หลังจากการบวงสรวงเพื่อตอกเสาเข็มอาคารริมน้ำของวัดอุทยานแล้ว กระผม/อาตมภาพก็จะมานั่งรับการถวายสักการะ จากเพื่อนพระสังฆาธิการและญาติโยม ที่หอประชุมพระครูพิพัฒน์นนทคุณ วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีไปจนถึงเพล หลังจากนั้นก็จะไปฉันเพล และทำหน้าที่ของตนเองต่อไป

[เถรี]

โดยปกติแล้ว ในเรื่องของยศ เรื่องของตำแหน่ง กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับใคร รับมาแต่ละครั้งก็ไม่มีการแห่แหน ไม่มีการฉลองเหมือนที่อื่นเขา แต่ว่างวดนี้พระสังฆาธิการเพื่อนฝูงเรียกร้องมาในส่วนของกลุ่มไลน์มาก ตลอดจนกระทั่งญาติโยม ซึ่งหลายท่านก็วิ่งไปมุทิตาสักการะถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)

เมื่อมาดูแล้ว มีเวลาในช่วงเช้าหลังการบวงสรวงเพื่อตอกเสาเข็มอาคารริมน้ำวัดอุทยาน จึงได้เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้ถวายสักการะ ซึ่งน่าจะมีเวลาอยู่ประมาณ ๒ ชั่วโมง ท่านใดถ้าฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ต้องการจะไปมุทิตาสักการะ ก็โปรดไปให้ทันเพลด้วย เนื่องเพราะว่าหลังเพลกระผม/อาตมภาพก็จะทำตัวสาบสูญอีกแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ขอเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าภาพที่ได้มอบเสือสาลิกา หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย มาให้จำนวน ๓๐ ตัว เป็นเสือสาลิกาเขี้ยวเสือไฟ ตัวจิ๋ว ๆ ประมาณ ๒๐ ตัว เสือสาลิกาซึ่งน่าจะเป็นเขี้ยวเสือดาวประมาณ ๑๐ ตัว โดยที่ท่านเจ้าของตั้งราคามาที่ตัวละ ๕๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น

ขอให้ท่านทั้งหลายทำความเข้าใจว่า ยิ่งงานชิ้นเล็กเท่าไรก็ยิ่งแกะยากเท่านั้น โดยเฉพาะบางชิ้นเล็กจนกระทั่งลงเหล็กจารไม่ได้ก็มี บางชิ้นครูบาอาจารย์ลงเหล็กจารไปแล้ว ลายมือเพี้ยนก็มี เพราะว่าเขียนไม่ถนัด

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บุคคลที่ท่านสะสมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ๔๐ - ๕๐ ปีนั้น สมัยนั้นท่านอยู่ในลักษณะที่ "เลือกได้" เนื่องเพราะว่าคนยังไม่นิยมเล่นหากันมาก ท่านต้องการจะได้บุญกุศลในส่วนของวิหารทานและธรรมทาน ในการสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน และส่วนธรรมทานของพระภิกษุสามเณรในส่วนของทุนการศึกษา จึงได้มอบมาให้เพื่อญาติโยมทั้งหลายจะได้บูชา ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไปหาเองในท้องตลาด ก็จะเจอหลายแสนหรืออาจจะเป็นล้านไปเลย..!

กระผม/อาตมภาพเองเคยนำออกให้บูชา ก็ตัวละแสนกว่าบาท สองแสนบาทบ้างเป็นปกติ ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีของท่านทั้งหลาย ซึ่งไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยปีจะมีแบบนี้อีก จึงขอให้ท่านทั้งหลายเร่งรีบกันหน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าไม่ทัน จะมาเรียกร้องเอาที่กระผม/อาตมภาพซึ่งมีอยู่ไม่กี่ตัว ก็จะกลับไปให้บูชาในราคาเก่าเท่านั้น..!

[เถรี]

อีกส่วนหนึ่งท่านจะเห็นว่ามีวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ซึ่งไม่ได้รุ่นเก่ามากนัก ออกมาให้บูชาในราคาต่ำมาก ก็เพราะว่ามีผู้ส่งไปให้ที่วัดท่าขนุน เป็นกล่องพัสดุใบใหญ่ ขอร่วมบุญในส่วนนี้เช่นกัน ท่านทั้งหลายถ้าจะร่วมบุญในลักษณะแบบนี้ ขอให้ท่านนำไปจำหน่ายเองจะดีกว่า

เนื่องเพราะว่าประการที่ ๑ ได้ราคาสูงกว่าแน่นอน ประการที่ ๒ ก็คือไม่ต้องเป็นภาระของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งอาจจะตกอยู่ในลักษณะของการใช้พระให้ทำงาน เพราะว่าต้องเอาไปให้บรรดาผู้ดูแลเว็บไซต์วัดท่าขนุนบ้าง เว็บเพจวัดท่าขนุนบ้าง เว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์บ้าง ได้ลงให้ญาติโยมทั้งหลายได้บูชากัน

กระผม/อาตมภาพเป็นคนหลงยุค เนื่องเพราะว่าจนป่านนี้ก็ยังใช้เฟซบุ๊กไม่เป็น สิ่งที่เป็นตัวตนของตัวเองอย่างมากที่สุดก็คืออีเมล์ประจำตัว ซึ่งมีไว้ให้ลูกศิษย์ส่งการบ้านในสมัยที่ยังสอนหนังสืออยู่เท่านั้น ในส่วนอื่น ๆ แม้กระทั่งไลน์ก็ต้องยืมคนอื่นใช้ โดยเฉพาะไลน์ที่ใช้ในตอนแรกนั้นก็คือของน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ)

แต่เมื่อใช้ชื่อของน้องเล็กไป บรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการมักจะหลง คิดว่าเป็นคนอื่นอยู่เสมอ กระผม/อาตมภาพต้องถามเขาอยู่เป็นนาน กว่าที่จะแก้ไขชื่อ จากชื่อเดิมมาเป็น "ท่าขนุน ๑" แต่ขอให้ท่านทั้งหลายทราบว่า ถึงจะเป็น "ท่าขนุน ๑" แต่ผู้เป็นเจ้าของไลน์ที่แท้จริงก็ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพอยู่ดี เมื่อถึงเวลามีงานคณะสงฆ์เข้ามา กระผม/อาตมภาพรับรายงานแล้ว จึงค่อยมาลงในตารางประจำวัน จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังเร็วช้าแล้ว ถึงให้แจ้งว่ารับได้หรือว่ารับไม่ได้ เหล่านี้เป็นต้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่ท่านทั้งหลายจะติดต่อกระผม/อาตมภาพจึงเป็นที่เรื่องยากมาก แม้แต่ผู้บังคับบัญชาท่านก็ทราบดี เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้น เลิกรับโทรศัพท์มาหลายปีแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเป็นคนงานมาก ถึงเวลารีบพักผ่อนเพื่อที่จะได้เดินทางไปงานต่อ แต่ท่านทั้งหลายยังไม่ทันจะนอน ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม เที่ยงคืน ตี ๑ ตี ๒ ท่านไม่นอน ก็คิดว่าคนอื่นไม่นอน แล้วโทรเข้ามา กระผม/อาตมภาพที่ชราลงไปทุกวัน พักผ่อนไม่พอ มาลาเรียเรื้อรังก็กำเริบ จึงได้เลิกรับโทรศัพท์ไปโดยปริยาย..!

[เถรี]

ใครที่คิดว่าหาเบอร์โทรพระครูวิลาศกาญจนธรรมได้ แล้วจะได้พูดคุยกับกระผม/อาตมภาพโดยตรง ขอได้โปรดเข้าใจเสียใหม่ แม้แต่ผู้บังคับบัญชาถ้าใช้เบอร์ใหม่มา ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้คุยด้วย เพราะเกรงว่าจะเป็นบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์..!

ดังนั้น..ผู้รับโทรศัพท์จึงมักจะดีดทิ้ง หรือว่าบล็อกทิ้งไปเลย ยกเว้นท่านที่ใช้เบอร์เก่า ๆ จึงจะติดต่อได้ หรือว่าท่านที่ได้เบอร์ไปแล้วเป็นเบอร์ใหม่ เมื่อรับแล้วไม่มีท่าทีผิดปกติ ผู้รับก็จะสอบถามว่ามีธุระอะไรอย่างไร แล้วค่อยมาบอกกล่าวกระผม/อาตมภาพทีหลัง

ต้องขออภัยญาติโยมทั้งหลายที่ติดต่อยากยังไม่พอ โอกาสที่จะได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวเหมือนสมัยก่อนก็ไม่มีเสียอีก ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดให้อภัยพระแก่ที่ชราลงไปทุกวัน แถมยังมีโรคประจำตัว ขืนมารับโทรศัพท์ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน ก็คงจะสิ้นชีวิตลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว..!

ท่านใดที่ต้องการพบ พรุ่งนี้มีเวลาให้ประมาณ ๒ ชั่วโมง ที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ถ้าอยู่ใกล้ก็รีบไปพบ ถ้าหากว่าอยู่ไกล ก็ต้องรอไปว่าอีกกี่ปีกว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีก..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)