#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
|
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางฝ่าฝนไปรับโล่รางวัลผู้สนับสนุนสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในโอกาสครบ ๑๒ ปีการจัดตั้งสถาบันภาษา ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นนิสิตรุ่นแรกที่เข้าศึกษาในสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยที่ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษซึ่งพอจะทำมาหากินได้ ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการสั่งสอนมาจากสถาบันภาษาแห่งนี้แทบทั้งสิ้น
โครงการจัดตั้งสถาบันภาษานั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาที่สามารถสื่อสารได้แทบจะทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลต่าง ๆ แม้ว่าในปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นในการแปลภาษาต่าง ๆ ก็ตาม แต่กระผม/อาตมภาพเจอมาแล้วว่าที่ประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก พอกระผม/อาตมภาพพูดภาษาอังกฤษเข้าเครื่องแปลภาษา ปรากฏว่าเครื่องไม่แปลให้..! แต่พอทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) ซึ่งติดตามไปช่วยดูแลกระผม/อาตมภาพ พูดภาษาอังกฤษแบบเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง เครื่องกลับแปลให้ แสดงว่าเครื่องแปลภาษานั้น ใช้สำหรับบุคคลที่พูดภาษาได้แบบงู ๆ ปลา ๆ ไม่ใช่บุคคลที่สามารถสื่อสารด้วยประโยคภาษาอังกฤษยาว ๆ ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่สามารถที่จะเชื่อถือเครื่องแปลภาษาได้ โดยเฉพาะทุกวันนี้ บางทีเมนูอาหารไทยในต่างประเทศ เมื่อแปลออกมาแล้ว กลายเป็นอะไรที่ตลกขบขันจนท้องคัดท้องแข็ง..! ดังนั้น..ในปัจจุบันนี้หากใครจะศึกษาภาษาต่างประเทศเป็นภาษาที่ ๒ กระผม/อาตมภาพขอแนะนำว่า ถ้าไม่ใช่ภาษาจีนก็ควรที่จะเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องเพราะว่าภาษาไทยที่รอบบ้านเรานิยมเรียนกัน จนมีห้องเปิดสอนการร้องเพลงชาติไทยอย่างเป็นทางการนั้น เราสามารถที่จะพูดได้ตั้งแต่เกิดแล้ว จึงควรจะศึกษาภาษาอื่นเพิ่มเติม เพื่อที่ถึงเวลาแล้วจะได้ออกไปสู่โลกที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะวันนี้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ได้ส่งรายการเดินทางไปทอดกฐินปลดหนี้ที่ประเทศศรีลังกามาให้ ในประเทศศรีลังกานั้น เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ มีแค่คนรุ่นเก่า ๆ ที่ค่อนข้างจะหัวอนุรักษ์เท่านั้น ที่ไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2024 เมื่อ 00:52 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พระมหานายกะของวัดพระศรีมหาโพธิ์ก็ดี พระมหานายกะหรือว่าสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมัลวัตตะก็ตาม ไม่สามารถที่จะสื่อภาษาอังกฤษโดยตรงได้ เมื่อกระผม/อาตมภาพเรียนถวายเรื่องอะไร ท่านก็จะมีผู้ช่วยอยู่สองคนมาคอยแปลให้ฟัง ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะสามารถที่จะสอบถามอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านี้ได้
แต่ว่าทั้งสององค์ก็คือ สมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมัลวัตตะก็ดี ท่านมหานายกะแห่งวัดพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเปรียบไปแล้วเหมือนสมเด็จพระราชาคณะของบ้านเราก็ตาม มีเมตตาที่สูงมาก ไม่ว่าเราจะขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น หรือว่าขออนุญาตเข้าไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ถึงภายในก็ตาม ท่านล้วนแต่อนุญาตทั้งหมด ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าเป็นคุณงามความดีของพระมหากษัตริย์ไทย ที่ได้ถวายภาระให้แก่พระอุบาลีมหาเถระในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดินทางไปสืบทอดพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกาจนกลายเป็นสยามวงศ์ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ส่งคณะพระภิกษุไทยไปสืบศาสนานั้น ทรงทำอย่างมีขั้นมีตอนที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง ก็คือมอบให้พระอุบาลีเถระ ซึ่งเป็นพระมหาเถระทรงพระวินัย นำเอาพระภิกษุและสามเณรเดินทางไปสืบศาสนาที่ประเทศศรีลังกา โดยมีการแนะนำวิธีการบรรพชาและอุปสมบท โดยมีสามเณรจากประเทศไทยเป็นตัวอย่าง แนะนำการรักษาศีลและวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ของพระภิกษุสามเณรว่ามีอะไรบ้าง จนกระทั่งทางฝ่ายของประเทศศรีลังกาทราบความครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จึงได้จัดการอุปสมบทให้ครั้งแรกถึง ๗๐๐ รูป..! แล้วในวาระแรกนั้น พระมหากษัตริย์แห่งประเทศศรีลังกาจะขอถวายตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชให้กับพระอุบาลีมหาเถระจากประเทศไทย แต่ว่าท่านไม่รับ เนื่องเพราะว่าไม่เห็นประโยชน์ในเรื่องของยศของตำแหน่งอะไรเลย อีกประการหนึ่งที่ท่านได้กราบทูลองค์พระมหากษัตริย์แห่งศรีลังกาก็คือ ท่านเองไม่รู้ภาษาสิงหล ไม่สามารถที่จะสื่อตรงกับพระภิกษุสามเณรได้ จึงขอมอบให้ทางด้านพระภิกษุทางศรีลังกาเป็นสมเด็จพระสังฆราชจะดีกว่า ซึ่งเป้าหมายก็คือต้องการให้พระสรณังกรซึ่งเป็นสามเณรรูปสุดท้าย บวชเป็นสามเณรอยู่ ๓๐ กว่าปี กว่าที่จะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2024 เมื่อ 00:55 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
สามเณรสรณังกรนั้น ตอนแรกก็พิจารณาเห็นว่า บรรดาทายกต่าง ๆ ที่ควบคุมดูแลการพระศาสนามานั้น ค่อนข้างจะมีอิทธิพล เพราะว่าล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลใหญ่ ถ้าหากว่าตนเองเป็นพระสังฆราชแล้วไม่ได้รับการสนับสนุน การพระพุทธศาสนาของประเทศศรีลังกาก็จะเป็นไปโดยยาก
ท่านจึงขอให้พระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ กษัตริย์แห่งกรุงศรีลังกาแต่งตั้งผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่ไวยาวัจกร หรือว่าคนวัดเก่า ซึ่งได้ร่วมกันดูแลพระพุทธศาสนามา ให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามที่พระองค์ท่านจะเห็นสมควร แต่ว่าบรรดาทายกทั้งหลาย ซึ่งได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ทุกคนรู้ตัวดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงลังกานั้นมีศรัทธาในพระสรณังกรมากกว่า จึงได้กราบทูลให้พระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ ทรงสถาปนาพระสรณังกรขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงศรีลังกา หลังจากที่กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปที่วัดมัลวัตตะ โดยการอนุเคราะห์สงเคราห์ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งมีเส้นมีสาย มีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมัลวัตตะ พระองค์ท่านจึงให้บุคคลเปิดห้องพักของพระอุบาลีมหาเถระให้ชม ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว เขายังเก็บรักษาสิ่งของต่าง ๆ เอาไว้ได้สมบูรณ์มาก โดยเฉพาะพัดยศประจำตำแหน่ง ซึ่งพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะของประเทศศรีลังกา ได้ถวายให้แก่พระอุบาลีมหาเถระนั้น กระผม/อาตมภาพพิจารณาและถ่ายรูปมาทุกซอกทุกมุม ไม่มีอะไรต่างจากพัดยศประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชแห่งศรีลังกาเลย ก็แปลว่าโดยฐานะแล้ว ท่านเป็นพระอาจารย์ คือพระอุปัชฌาย์ผู้บวชให้สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงลังกา จึงได้รับการถวายให้มีสถานะในระดับเดียวกัน ต่อมาเมื่อทางด้านประเทศศรีลังกาปราศจากพระมหากษัตริย์แล้ว จึงทำให้พระผู้ดูแลในแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมัลวัตตะ หรือที่บ้านเราเรียกว่าคามวาสี ฝ่ายอัสคีรียะหรือที่บ้านเราเรียกว่าฝ่ายอรัญวาสีก็ดี ไม่สามารถที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราชได้ เพราะว่าไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาขึ้นเป็น จึงได้เรียกกันเป็นการยกย่องว่า มหานายกะฝ่ายมัลวัตตะ มหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ เป็นต้น ในปัจจุบันนี้ตำแหน่งมหานายกะก็มีเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นว่าพระมหานายกะแห่งวัดพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งถ้าเปรียบไปแล้วก็เทียบเท่าสมเด็จพระราชาคณะของบ้านเรานั่นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2024 เมื่อ 00:58 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
การเดินทางไปครั้งนี้นั้น ทางคณะทัวร์คิดหัวละ ๓๗,๐๐๐ บาท ถ้าหากว่าใครพักห้องพักเดี่ยวก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก ๖,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพเองต้องไปแน่นอน ในฐานะประธานทอดกฐินปลดหนี้ ซึ่งญาติโยมทั้งหลายร่วมบุญกันมาในเว็บไซต์วัดท่าขนุน โดยที่กระผม/อาตมภาพได้โอนปัจจัยให้กับท่านอารีรัตนะ ท่านเป็นผู้ประสานงานอยู่ทางประเทศศรีลังกา เป็นเงินไทย ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาทไปแล้ว เพื่อให้ทำการก่อสร้างองค์พระหลวงพ่อโตแห่งวัดศรีธรรมโมทยะ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่เราจะเดินทางไปทอดกฐิน
เนื่องเพราะว่าจุดประสงค์ในการทอดกฐินครั้งนี้ก็คือ การทอดกฐินปลดหนี้เพื่อสร้างองค์พระใหญ่สูง ๑๒๐ ฟุตให้เสร็จสรรพเรียบร้อยลงด้วยดี แล้วยังมีของแถมก็คือไปทอดกฐินที่วัดศักติสัทธรรม เมืองกุรุแนแกละ ซึ่งเป็นวัดที่ท่านอารีรัตนะเป็นเจ้าอาวาส เพิ่มขึ้นมาอีก ๑ วัด ท่านใดสนใจที่จะร่วมเดินทางไปก็ติดต่อได้ที่วัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ทราบเหมือนกันว่า จะมีการติดต่อที่สะดวกสบายหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ? ถ้าหากว่าติดต่อแต่เนิ่น ๆ อย่างน้อยก็ประกันได้ว่า เรามีโอกาสที่จะไปทอดกฐินปลดหนี้ที่ประเทศศรีลังกาด้วยกัน ถ้าหากว่าช้า เขาไม่รับแล้ว ก็ต้องรอไปอีกนาน กว่าที่จะมีงานแบบนี้อีก สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2024 เมื่อ 00:59 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|