| 
	|||||||
| ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน | 
![]()  | 
	
	
| 
		 | 
	คำสั่งเพิ่มเติม | 
| 
		 
			 
			#1  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
|||
		
		
  | 
|||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			มีครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ผมเคยบวช ผมได้โดนคนที่มาบวชด้วยกันหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเวลา เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน และผมก็ได้พยายามอดทนไม่ตอบโต้อยู่เสมอ เพราะไม่อยากเสียเวลาไปทะเลาะกับเขา อยากจะฝึกสมาธิให้มาก ๆ เท่านั้น แต่ด้วยความที่ต้องเจอกับเขาทุกวัน ทำให้ผมโดนเขาแกล้งทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการแกล้งแบบใช้จิตวิทยากดดัน เขาก็เลยแกล้งได้ทุกวันโดยที่คนอื่นก็ต่อว่าไม่ค่อยถนัดนัก เพราะเป็นการแกล้งในแบบที่ถ้าเขาแก้ตัวว่าไม่ได้แกล้งก็สามารถแก้ตัวได้ ผมจึงได้แต่อดทนเพียงอย่างเดียว  
		
		
		
		
		
		
			แต่พอผ่านไปสักสองเดือนกว่า จนใกล้จะได้สึกแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่าวันนั้นความอดทนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ก็พอดีตอนนั้นเป็นตอนที่กำลังเข้าแถวเพื่อเลือกอาหาร คนที่แกล้งผมนั้นก็แกล้งมายืนใกล้ ๆ เพื่อกระตุ้นความโมโหของผม ผมก็เลยแกล้งไปต่อแถวที่ด้านหลังของเขา เผื่อเขาจะได้รู้สึกบ้าง จากนั้นเขาก็แกล้งหันหน้ามาทางด้านหลังแล้วมองหน้าผมแบบตาขวาง ด้วยความเก็บกดที่มีอยู่เดิมกับความโมโหในปัจจุบัน ทำให้ผมทนไม่ไหวก็เลยจ้องมองเขากลับไปด้วยความรู้สึกว่าตนเองกำลังปล่อยความโมโหทั้งหมดไปที่คน ๆ นั้นแบบเต็มที่ ปรากฏว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็หายวับไป ทุกอย่างหายไปทั้งหมดพร้อมกับร่างกายของตนเองด้วย ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่สติรู้ตัวเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ นอกนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย แต่มีความรู้สึกสบายเกิดขึ้นแทน ก็เลยอยากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอสักพักเมื่อคิดได้ว่า แล้วตอนนี้เราอยู่ในสภาพไหน ถ้ากำลังต่อแถวอยู่แล้วจะไม่ทำให้คนข้างหลังต้องยืนรอเหรอ พอเกิดความกังวลขึ้นมา แค่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ปรากฎขึ้นมาอีก กลายเป็นว่าผมกำลังยืนนิ่งอยู่ โดยมีคนที่แกล้งผมกำลังยืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจว่าผมกำลังทำอะไร พอเขาเห็นผมขยับตัวก็เลยหันกลับไปเลือกอาหารต่อ ส่วนผมนั้นรู้สึกว่าความโกรธหายไปไหนไม่รู้ มีแต่ความรู้สึกสบายกายสบายใจ แล้วเป็นอยู่แบบนั้นไปอีกสองสามชั่วโมง กว่าที่ความรู้สึกปกติจะกลับมา จึงคิดว่านี้น่าจะเป็นอาการอย่างหนึ่งของสมาธิ กระผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเองสามารถเข้าถึงสมาธิแบบนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะความอดทนต่อความโกรธที่ทนมานาน โดยเปรียบความโกรธเป็นเหมือนกับพลังงานอย่างหนึ่ง พอถึงจังหวะที่ทนไม่ไหวก็ปล่อยความโกรธทั้งหมดออกไปตรงหน้าโดยมีคนที่ทำให้โกรธเป็นเป้าหมาย พอจิตมีเป้าหมายให้สนใจแค่อย่างเดียว บวกกับกำลังที่สะสมมานาน ก็เลยทำให้เข้าถึงสมาธิแบบนี้ได้ ไม่ทราบว่ากระผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไขบ้างครับ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			ที่อยู่สำหรับจัดส่งของเวลาผมร่วมบูชาวัตถุมงคลในเว็บนี้คือ นาย ปริวัฒน์ วงศ์มาศ บ้านเลขที่ ๓ ถ.เกษมวัน ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๙๐ โทร ๐๙๖-๙๕๔-๔๗๒๙ เท่านั้น (คำอวยพรประจำฤดูกาล) หน้าฝนเศรษฐี หน้าหนาวมั่งมี หน้าร้อนรวยทรัพย์ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งทรงกลด : 05-05-2024 เมื่อ 15:13  | 
| สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ รุ้งทรงกลด ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#2  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : มีครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ผมเคยบวช ผมได้โดนคนที่มาบวชด้วยกันหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเวลา เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน และผมก็ได้พยายามอดทนไม่ตอบโต้อยู่เสมอ เพราะไม่อยากเสียเวลาไปทะเลาะกับเขา อยากจะฝึกสมาธิให้มาก ๆ เท่านั้น แต่ด้วยความที่ต้องเจอกับเขาทุกวัน ทำให้ผมโดนเขาแกล้งทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการแกล้งแบบใช้จิตวิทยากดดัน เขาก็เลยแกล้งได้ทุกวันโดยที่คนอื่นก็ต่อว่าไม่ค่อยถนัดนัก เพราะเป็นการแกล้งในแบบที่ถ้าเขาแก้ตัวว่าไม่ได้แกล้งก็สามารถแก้ตัวได้ ผมจึงได้แต่อดทนเพียงอย่างเดียว  
		
		
		
		
		
		
		
		
	
	แต่พอผ่านไปสักสองเดือนกว่า จนใกล้จะได้สึกแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่าวันนั้นความอดทนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ก็พอดีตอนนั้นเป็นตอนที่กำลังเข้าแถวเพื่อเลือกอาหาร คนที่แกล้งผมนั้นก็แกล้งมายืนใกล้ ๆ เพื่อกระตุ้นความโมโหของผม ผมก็เลยแกล้งไปต่อแถวที่ด้านหลังของเขา เผื่อเขาจะได้รู้สึกบ้าง จากนั้นเขาก็แกล้งหันหน้ามาทางด้านหลังแล้วมองหน้าผมแบบตาขวาง ด้วยความเก็บกดที่มีอยู่เดิมกับความโมโหในปัจจุบัน ทำให้ผมทนไม่ไหวก็เลยจ้องมองเขากลับไปด้วยความรู้สึกว่าตนเองกำลังปล่อยความโมโหทั้งหมดไปที่คน ๆ นั้นแบบเต็มที่ ปรากฏว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็หายวับไป ทุกอย่างหายไปทั้งหมดพร้อมกับร่างกายของตนเองด้วย ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่สติรู้ตัวเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ นอกนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย แต่มีความรู้สึกสบายเกิดขึ้นแทน ก็เลยอยากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอสักพักเมื่อคิดได้ว่า แล้วตอนนี้เราอยู่ในสภาพไหน ถ้ากำลังต่อแถวอยู่แล้วจะไม่ทำให้คนข้างหลังต้องยืนรอเหรอ พอเกิดความกังวลขึ้นมา แค่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ปรากฎขึ้นมาอีก กลายเป็นว่าผมกำลังยืนนิ่งอยู่ โดยมีคนที่แกล้งผมกำลังยืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจว่าผมกำลังทำอะไร พอเขาเห็นผมขยับตัวก็เลยหันกลับไปเลือกอาหารต่อ ส่วนผมนั้นรู้สึกว่าความโกรธหายไปไหนไม่รู้ มีแต่ความรู้สึกสบายกายสบายใจ แล้วเป็นอยู่แบบนั้นไปอีกสองสามชั่วโมง กว่าที่ความรู้สึกปกติจะกลับมา จึงคิดว่านี้น่าจะเป็นอาการอย่างหนึ่งของสมาธิ กระผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเองสามารถเข้าถึงสมาธิแบบนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะความอดทนต่อความโกรธที่ทนมานาน โดยเปรียบความโกรธเป็นเหมือนกับพลังงานอย่างหนึ่ง พอถึงจังหวะที่ทนไม่ไหวก็ปล่อยความโกรธทั้งหมดออกไปตรงหน้าโดยมีคนที่ทำให้โกรธเป็นเป้าหมาย พอจิตมีเป้าหมายให้สนใจแค่อย่างเดียว บวกกับกำลังที่สะสมมานาน ก็เลยทำให้เข้าถึงสมาธิแบบนี้ได้ ไม่ทราบว่ากระผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไขบ้างครับ ? ตอบ : เป็นมิจฉาสมาธิ ถ้าตายตอนนั้นมีสิทธิ์เกิดเป็นอสูร..!  | 
| สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]()  | 
	
	
| Tags | 
| สมาธิ | 
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
		
  | 
	
		
  |