 
| 
			 
			#1  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|  ความรู้สึกและเรื่องราวจากการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่าน 
			
			กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการบอกเล่าความรู้สึกของท่านหลังจากผ่านการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่านทั้งหลาย ว่าท่านมีความรู้สึกอย่างไร ขอให้บอกเล่ากันโดยธรรมฉันพี่น้อง และสหธรรมมิกที่ปรารถนาซึ่งความบริสุทธิ์หลุดพ้น เพื่อปัญญาและเพื่อพระนิพพานร่วมกันนะครับ  เริ่มได้ ณ บัดนี้ | 
| สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มัคคนายก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#2  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			เดิมทีนึกว่ารอบนี้ (รอบที่ ๙) หลวงพ่อจะไม่ได้อยู่วัดเสียอีก ก็เลยลืมเอาเครื่องอัดเสียงและกล้องถ่ายรูปไปด้วย พอท่านทิดทักขึ้นมาว่า  "เฮ้ย...ไม่มีอะไรอัดเสียงท่านไว้สักหน่อยหรือ...?" จึงบอกไปตามตรงว่าไม่ได้เอามา ซึ่งสิ่งที่หลวงพ่อเทศน์ก็มีเนื้อหาที่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง จึงมีความเสียดายที่ไม่ได้ทำการถ่ายทอดต่อไปให้คนอื่น ๆ ได้ฟังด้วย ส่วนอากาศจะหนาวหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว รู้สึกว่าเย็นกำลังดี ถ้าเย็นกว่านี้มากไปก็รู้สึกจะหนาวเกินไปแล้ว แต่บังเอิญว่าแอร์ที่ทำงานของผมเย็นกว่านี้ "บรื๋ออออ..."  ดีใจที่ได้นอนคนเดียว (กลัวคนอื่นจะรำคาญเสียงกรน) พยายามนอนภาวนาไปเรื่อย ๆ ประคองสติไม่ให้หลับโดยไม่รู้สึกตัว (เพราะจะกรน) แต่ผิดคาด พอเริ่มภาวนา พุท ยังไม่ทันถึง โธ เลย ก็หลับไปเสียแล้ว...  ส่วนเสียงกรนดังแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันรุ่งขึ้นหลวงพี่ข้างห้อง หอบผ้าหนีไปนอนกับเณรที่ตึกแดงแทน !!!  ตอนนี้เริ่มจะเชื่อชีกุ๋ยแล้วว่านอนวัดแล้วมีความสุข เพิ่งรู้สึกมีความสุขชัด ๆ อย่างนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ...   แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-12-2011 เมื่อ 09:37 | 
| สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#3  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ความรู้สึกบางอย่างบอกออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ครับ แต่ ๓ เรื่องที่บอกออกมาได้ คือ ๑. โชคดีที่ได้พบพระพุทธศาสนา โชคดีที่ได้เกิดในเขตพระศาสนา ได้เกิดในแผ่นดินที่ในหลวงปกครองอยู่ แม้จะเกิดไม่ทันพระพุทธองค์ แต่ก็มีโอกาสได้พบพระอริยสงฆ์มากมาย แม้จะเกิดทันหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง (ไม่เคยพบท่าน) แต่อย่างน้อยก็ได้พบลูกศิษย์ของท่านอย่างพระอาจารย์เล็ก ท่านจิตโต หลวงตาวัชรชัย ฯลฯ และได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ทำให้กลับเนื้อกลับตัวได้ (เมื่อก่อนเกเรครับ) ๒. ได้เข้าใจในสิ่งที่พระอาจารย์เล็กสอนว่า "ทำดีเพราะอยากทำ" และ "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน" ที่ผ่านมาได้มีโอกาสทำงานบุญอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำ และโชคดีที่ทำสำเร็จ โดยเฉพาะการพาคนไปบวชเนกขัมมะ ครบทุกรุ่นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้ และได้มีโอกาสพาคนใหม่หลายคนไปวัดท่าขนุน หลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนกลายมาเป็นขาประจำวัดท่าขนุน หลายคนเริ่มหันมาสนใจศึกษาและปฏิบัติมากขึ้น ขณะที่ตัวเองก็ได้ปฏิบัติมากขึ้น (แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ) ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณ "ทิดตู่" อีกครั้ง เพราะจำได้ว่า วันนั้นได้เจอกันที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มีพิธีหล่อพระอัครสาวก ๔ พระองค์ (ถ้าจำไม่ผิด) วันนั้นเป็นอีกหนึ่งวันที่พระอาจารย์เล็ก หลวงตาวัชรชัย และท่านจิตโตมาพร้อมกัน ซึ่งผมกำลังนั่งคิดอยู่ว่า ตั้งแต่ ธ.ค. ๕๓ ได้จัดทริปไปวัดท่าซุงทุกเดือน เพื่อพาคนไปกราบหลวงพ่อฤๅษี และไม่ได้ไปที่วัดท่าขนุนเลย เนื่องจากวันเสาร์ ๕ ที่วัดท่าซุงและบ้านสบายใจจัดงานตรงกัน ตอนนั้นรู้สึกห่างเหินกับวัดท่าขนุนมาก และบ้านอนุสาวรีย์ก็มีโอกาสไปไม่นาน จึงคิดว่า "อยากจะทำงานอะไรถวายพระอาจารย์เล็ก" แต่จะเข้าไปของานทำก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าทีมงานของวัดท่าขนุนก็ทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว โชคดีที่วันนั้นทิดตู่มาบอกว่า "พี่จัดทริปบ่อย น่าจะจัดทริปพาคนไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดท่าขนุน" ดังนั้นจึงประกาศไปว่า จะจัดทริปพาคนมาบวชเนกขัมมะทุกรุ่นที่วัดท่าขนุนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เล็กเป็นอย่างสูงในการบวชทุก ๆ รุ่น หลังจากจัดทริปไปบวชเนกขัมมะ วัดท่าขนุนแล้ว บ้านวิริยบารมีก็เปิดขึ้น หลายคนเดินทางไปลำบาก โดยเฉพาะคนใหม่ ๆ ก็เลยปรึกษา "ทิดตู่" ว่าจะจัดรถตู้บริการ โดยได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน และจะพยายามทำจนกว่าสถานีรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ เครดิตในการจัดทริปวัดท่าขนุนและบ้านวิริยบารมีในปีนี้ จึงขอยกให้กับ "คณะสะพานบุญ" และ "กัลยาณมิตรทุกท่าน" ที่ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นและทำให้สำเร็จได้ด้วยดี ขอบคุณตัวเองที่ "อยากทำ" เพราะถ้าตัวเอง "ไม่อยากทำ" คนอื่นมาหว่านล้อมอย่างไร ก็ไม่มีวันที่ "จะลงมือทำ" อีกสิ่งหนึ่งที่จะนำไปใช้ คือ "ผู้นำต้องมีความเด็ดขาด และผู้ตามต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด" ในการบวชเนกขัมมะรอบนี้ได้เห็นความเด็ดขาดของพระอาจารย์ในการ "ด่าออกไมค์" เนื่องจากมีผู้หวังดีทำหน้าที่เกินคำสั่ง แม้ว่าผู้หวังดีท่านนั้นจะเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดก็ตาม ซึ่งทำให้นึกถึงคำสอนของพระอาจารย์เล็กที่ว่า "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน" บางครั้งหลายท่านอาจจะเคยชินและหวังดี จึงทำอะไรบางอย่างโดยพลการ (เปลี่ยนแปลงคำสั่งของพระอาจารย์) ด้วยความหวังดี แต่มันอาจจะทำให้แผนที่วางไว้คลาดเคลื่อน และคนที่ปฏิบัติตามท่านอื่นสับสนในคำสั่งได้ ที่ยกมาเล่า มิได้ต้องการตำหนิใคร แต่อยากจะขอบคุณผู้หวังดีท่านนั้นที่เป็น "ครู" ครับ เพราะในการทำการสิ่งใดก็ตาม โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จะต้องมีผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว คำสั่งนั้นจะต้อง "เด็ดขาด" และ "ศักดิ์สิทธิ์" ที่สำคัญ คือ "ผู้นำจะต้องปฏิบัติตนต่อผู้ตามทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ลำเอียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว" ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่พระอาจารย์เล็กทำให้เห็นในการบวชครั้งนี้ครับ ๓. สิ่งที่พบในการบวชเนกขัมมะ ทุกรุ่น สิ่งสำคัญมาก คือ ได้พบเจอกัลยาณมิตรใหม่ ๆ มากมาย รุ่นที่ ๙ นี้เป็นรุ่นที่ไปกวาดต้อนมาจาก Facebook มาสิบกว่าคน และสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ คือ แม้ Facebook จะมีคุณอนันต์ (หากใช้อย่างถูกต้อง) และมีโทษมหันต์ (หากใช้ในทางที่ผิด) ที่อย่างน้อยถ้าเรานำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ในเรื่อง "มงคล ๓๘ ประการ" ข้อที่ ๑ การคบมิตรที่ดี ผมเชื่อว่า เราจะมีความสุขในการใช้ Facebook ดังนั้น ทริปบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ จึงขอมอบเครดิตให้กับ "ชีกุ๋ย" ที่ขยันโพสต์ธรรมของพระอาจารย์เล็กอยู่เรื่อย ๆ และที่สำคัญ คือ ยินดีให้ผมไปลอกมาเผยแพร่ต่อ ทำให้เพื่อน ๆ ที่มาบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์เล็ก และอยากมาปฏิบัติธรรมกับท่าน อาจจะยาวไปนิดนะครับ แต่ก็ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ เมื่อวานนี้หลังจากออกจากวัดท่าขนุน ได้พาเพื่อน ๆ ไปกราบพระที่วัดทองผาภูมิ และเจ้าพ่อทองผาภูมิ เนื่องจากตลอดปี ๒๕๕๔ ไม่เคยพาคนไปกราบเลย นอกจากนั้น ยังพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปชมนิทรรศการวันพ่อที่ห้องประชุมหลวงปู่สาย ชั้น ๓ เทศบาลตำบลทองผาภูมิ ซึ่งพระอาจารย์เล็กชมว่าจัดได้ดี เนื่องจากบางคนไม่ได้ไปชมในช่วงเช้า ดังนั้นจึงออกจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ ๑๔.๔๐ น. และมาถึงอนุสาวรีย์ฯ เวลา ๒๐.๓๐ น. รวม ๕ ชั่วโมง ๕๐ นาทีครับ (มาทางพระราม ๒ และใช้เวลาเติมแก๊สประมาณ ๓๐ นาที) โมทนา 
				__________________ ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 06-12-2011 เมื่อ 12:10 | 
| สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#4  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			สาธุ ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านเช่นกันนะคะ ลูกเต่ารู้สึกดีมาก ดีใจที่ได้ไป ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้ไปน่าจะดี ตั้งแต่พอทราบข่าว เลยวางแผนลางานล่วงหน้าเกือบเดือน (ลากิจ) ไม่ได้เบี้ยขยัน แต่นับว่าการไปครั้งนี้คุ้มค่ามากค่ะ ขนาดว่าตั้งใจจะไป คนที่คิดว่าจะได้ไปด้วยกัน ก็ไม่ได้ไปติดงาน ที่นี้คิดว่าทำอย่างไรดีนะจึงจะได้ไป คิดไปก็คิดไม่ออกว่าจะชวนใครไป แล้วถ้าชวนเขาจะไปกับเราไหม ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ? เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ ๒ วัน จึงนึกขอบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์, ขอครูบาอาจารย์, และขอบารมีของพระอาจารย์เล็ก ขอหมดเลย ว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้ไปปฏิบัติธรรมบ้าง (เพราะอยู่บ้านไม่ได้ปฏิบัติ) ปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก ๑ วัน ได้โทรไปหาเพื่อน ซึ่งไม่เคยได้คุยกันน่าจะประมาณ เป็นปี โทรไปเพื่อนตกลงไปด้วยดีใจ และเพื่อนอีกคนลองชวนดูก็ตัดสินใจไปด้วย เพื่อนที่ได้ไปด้วยกันรู้สึกว่าชอบเหมือนกัน ถ้าบุญพอมีอีกก็อยากไปอีก รู้สึกอิ่มบุญค่ะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2011 เมื่อ 02:47 | 
| สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลูกเต่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#5  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|    การไปบวชเนกขัมมะแต่ละครั้ง นอกจากจะได้ทำวัตรสวดมนต์ร่วมกับหลวงพ่อแล้ว (ตั้งแต่สวดมนต์ทำวัตรมาหลายวัด มาติดใจลีลาการสวดมนต์ทำวัตรของวัดท่าขนุน เพราะสวดได้จังหวะไม่เร็ว ไม่ช้าเกินไปและมีช่วงเสียงสูงต่ำ ทำให้บทสวดมนต์ฟังเพราะมาก บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนกำลังนั่งทำวัตรเช้าเย็นอยู่ "ข้างบน" ) เรายังได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลวงพ่อนำมาเล่าให้ฟัง คิดตามที่หลวงพ่อพูดแล้วจะได้ "อะไร ๆ" ไปเยอะมาก...  ได้เห็นจริยาวัตรของหลวงพ่อที่ "เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด" ที่เราควรปฏิบัติตาม  ได้พบเห็นกำลังใจของแต่ละคนที่มาอยู่ที่วัด แม้จะในระยะเวลาแค่ ๒-๓ วัน แต่คนมาเยอะจากต่างที่ ต่างจิตใจ ต่างความคิด การกระทำจึงแตกต่างไปด้วย แล้วได้ฝึกใจตัวเองให้ยอมรับในสิ่งที่แต่ละคนเป็น  ได้ดูใจของตัวเองด้วยว่า เมื่อมีอะไร สิ่งใด หรือการกระทำของคนอื่นมากระทบ ใจของตัวเองเป็นอย่างไร....  จะรับมือกับใจตัวเองอย่างไร ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาตั้งหลักใหม่    แรก ๆ มาวัด กว่าจะหลับได้บางทีตีหนึ่ง เดี๋ยวนี้หัวถึงหมอนภาวนา พุท คำเดียวก็หลับแล้ว และสามารถหลับแบบ "สะสมทรัพย์" ได้ตลอดเวลา คือมีเวลา แค่ ๑๐ ๒๐ หรือ ๓๐ นาที ก็สามารถหลับเก็บแรงออมไว้ได้โดยง่าย   สุดท้ายได้บุญที่ยิ่งใหญ่น้อมถวายกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมตลอดถึงอุทิศให้กับทุกคนที่เรารักด้วย   
				__________________ เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐ ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย     แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2011 เมื่อ 17:52 | 
| สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#6  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|     รู้สึกอิ่มใจค่ะ 
				__________________ มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) | 
| สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#7  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			รู้สึกโชคดี และมีความสุขมาก ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสมาบวชค่ะ    
				__________________ "มโนเสฏฐา มโนมยา" | 
| สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลูกกวาง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#8  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			รู้สึก งง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่ ทั้งที่ไม่เคยนึกอยากจะบวช ไม่ว่าชี หรือ ชีพราหมณ์... ไม่ชอบอยู่วัด เพราะกลัวทำตัวไม่เหมาะสม ไม่ชอบนอนกับใคร ไม่นอนกลางสาธารณชน ไม่ชอบใส่ชุดฟอร์ม... นี่แค่ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาว ('แค่เสื้อขาวก็พอ ข้างล่างอยากลายอย่างไร ก็ตามใจ') ก็มาบวชแล้ว ตื่นเช้าสวดมนต์อีก ถึงไม่ใช่คนตื่นสาย แต่ก็งงกับตัวเองที่รีบตื่นมาทำวัตรทุกครั้ง ...ครั้งแรกก็ว่า สักครั้งนะ ถวายในหลวง ปรากฏว่าสบายไป (มีโต๊ะจีนเลี้ยงด้วย) ทำให้ครบ ๓ ครั้งก็แล้วกัน... ครบสามครั้งแล้วก็ติดใจ มีครั้งที่สี่ คลับคล้ายคลับคลาว่าเว้นครั้งที่ห้า แล้วก็มาอีก ครั้งหลัง ๆ นี่ติดใจ คิดถึงวัด คิดถึงพระอาจารย์ ...อ้อ ลืมเล่าไปว่า คราวแรก คนเคยกินแต่ข้าวกลางวัน หนักมื้อเย็น ไม่กินข้าวเช้า หิวสิ..ช่วงค่ำ ก็กินนมบ้าง โอวัลตินบ้าง... พอครั้งที่สอง ไม่กินแล้วดีกว่า ก็ไม่ได้หิวมากแล้ว ก็พระอาจารย์ชวนคราวที่สองนี้เอง (ที่จริงก็ชวนคราวแรกด้วย ให้ถือศีลแปดต่อ แบบเฉพาะวันก็ได้) ที่ทำให้ถือศีลแปดมาถึงทุกวันนี้... ท่านชักชวนแบบ "จูงใจ" มาก ถึงกับเคลิ้มตามทีเดียว... นึกว่าก็เคยตั้งใจถือเมื่อหลายปีมาแล้ว ข้อไหน ๆ ก็ไม่เห็นลำบากเกินไป...นี่เรารออะไรอยู่ หรือจะรอกินข้าวเย็นอีกสักพัก ..บางรอบก็มีโอกาสแอบเดินถอยหลัง (จะ 'โดน' ฐานเลียนแบบไหมนะ) ทำให้รู้ว่า เดินเฉย ๆ ไม่ยากอะไร แต่เดินให้รู้ว่าจะชนใครหรือยังนี่สิ..??? ...บางรอบก็แอบหลับตาเดิน นี่สิยากจริง..'ทำใจ'..ไม่เป็นสักที ที่สำคัญและขอกราบงาม ๆ คือ หลวงปู่สาย ท่านเมตตาเราทุกครั้งที่มีปัญหาตั้งกำลังใจตอนทำกรรมฐาน ...ไป ๆ มา ๆ ก็มาถึงครั้งที่เก้านี้ที่เว้น ก็งงตัวเองอีกว่า เลข '๙' เชียวนะ ช่วงวันเฉลิมฯ พอดี มีกิจกรรมดี ๆ ใบประกาศฯ เขาก็สะสมกัน ยังลายเซ็นที่จะเปลี่ยนอีก กลับรู้สึกเฉย ๆ ... ไม่ยักเหมือนที่ไปรอดักถ่ายรูปพระอาจารย์ขากลับจากบิณฑบาตเลย ...ใคร ๆ เขาเลิกถ่ายแล้ว ยายก็ยังไปดักทุกที คงชอบตรงที่ต้องเดินให้พอดีกับแถวพระที่ไล่หลังมา (มีใครรู้ไหมนี่ว่า ยายเดินดูดีเชียว แต่ยังทั้ง 'เมา' ทั้ง 'กลัว' ข้ามสะพานแขวนอยู่ ๕๕๕) อะไรต่ออะไรที่ดี ๆ ทยอยได้มาเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ไปบวช... รออ่านของท่านอื่นด้วย ...สรุปว่า รู้สึกงง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่..? 
				__________________ การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2011 เมื่อ 02:46 | 
| สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#9  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			ผมได้ไปร่วมบวชเนกขัมมะ ๒ รุ่น เพราะอยากปฏิบัติภายใต้การนำของท่านพระอาจารย์และได้ถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงด้วย ระหว่างบวชมีกำลังใจในการปฏิบัติมาก ด้วยมีศรัทธาต่อองค์ท่านอาจารย์อยู่แล้ว ชอบดูจริยาวัตรของท่านที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย และได้ฟังธรรมจากท่านอย่างใกล้ชิด  ตอนบวชเนกขัมมะรุ่น ๗ ได้จำคำสอนท่านอาจารย์มาฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้ ๑.โลกันตมหานรก มีโทษ ๔ เท่าของอเวจีมหานรก มีความผิดอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ทำผิดโดยการสอนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านถามเทวทูตที่นำไปชมว่า ทำไมถึงร้ายแรงนัก เทวทูตชี้แจงว่า เมื่อคนที่เราสอนไปแล้ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็จะทำอกุศลกรรม จนทำให้ตกไปสู่อเวจีมหานรกได้ เมื่อนั้นโทษบาปกรรมทั้งหมด จะทำให้ตกนรกทุกขุม เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ต้องชดใช้ทั้งหมด ในเมื่อเป็นเหตุให้เขาห่างจากความดีได้มากขนาดนี้ จึงมีโทษหนักลงโลกันตมหานรก ท่านจึงเตือนว่า ต้องระวังกาย วาจา ใจ อย่าใช้อัตโนมติของตัวเองแนะนำผู้อื่น ถ้าไม่รู้จริงในพระธรรม ก็อย่าไปสอนเขา แนะนำให้ไปอ่านในพระไตรปิฎกหรือคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทน ๒.เรื่องของทิพจักขุญาณ มารจะแทรกเสมอ จงอย่าเชื่อถือ ท่านยกตัวอย่าง พระอุปคุตมหาเถระ ที่หลงไหว้รูปพุทธนิมิตอันพระยามาราธิราชแสดง หรือสุดยอดมโนมยิทธิอย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ถูกมารหลอกมาแล้ว ท่านสรุปว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่คือ ครูที่ดีที่สุด ๓.ภาระใหญ่ที่สมเด็จพ่อฯ ฝากไว้ คือ การปฏิบัติให้ได้มรรคได้ผล จนสามารถเป็นทนายแก้ต่างแทนพระพุทธศาสนา ลบล้างคำปรามาสของบุคคลที่ไม่นับถือได้ พุทธบริษัท ๔ ไม่ใช่มีแต่ภิกษุ ภิกษุณี ยังมีอุบาสก อุบาสิกา ด้วย ดังนั้น จึงไม่ใช่หน้าที่ของท่านและคณะเท่านั้น (อันนี้ ฟังแล้ว ได้คติเตือนใจมากว่า การที่เราจะกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพ่อฯ ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเราอย่างยิ่งนั้น คือ การเร่งความเพียรในการปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล นั่นเอง) มีเรื่องหนึ่งประทับใจผมมาก คือ ได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกับท่านพระอาจารย์ โดยผมได้ยืนชิดองค์ท่านเลย แต่ก่อนจะได้ภาพที่ภาคภูมิใจนี้ก็ต้องโดนดุก่อน เพราะผมไม่กล้ายืน ด้วยคิดว่าจะปรามาสท่าน ท่านว่า "ให้ยืน" เราก็ยังนั่งลง ท่านจึงว่า "บอกให้ยืน..นี่พูดเป็นภาษาไทยชัด ๆ แล้วนะ" จึงได้คติว่า ถ้าครูบาอาจารย์สั่งอะไร ให้ทำอย่างนั้น เพราะท่านได้พิจารณาว่าเหมาะสมแล้ว 
				__________________ "เห็นรอยเท้าพ่อ...ก้มลงดู" "เห็นรอยเท้าครู...ก้มลงกราบ" แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2011 เมื่อ 02:42 | 
| สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วายุภัทร ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#10  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			สำหรับท่านใดที่มีประสบการณ์จากการบวชเนกขัมมะเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕ กรุณาเล่าสู่กันฟังด้วยจ้ะ
		 | 
| สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มัคคนายก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#11  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|    งานนี้ขอยืนยันด้วยภาพ ก่อนขึ้น "วี้ดว้าย...สู้ตายค่ะ !" ขาลง (สงบเสงี่ยม เจียมตัว ไม่พูดและสุงสิงกับใคร มีบันไดเป็นที่พึ่ง และหน้าซีด ๆ ชอบกล) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2012 เมื่อ 10:26 | 
| สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#12  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			รุ่น ๑/๒๕๕๕ ยืนยันว่า "ลิ้นห้อย" (ส่งท้ายปีเก่าด้วยการเดินจงกรมขึ้นเขา) ตามด้วย "อดนอน" ข้ามปี (สวดมนต์ข้ามปี) และ ปิดท้ายรับปีใหม่ด้วยการ "แสดงพลังอึด" (จงกรมรอบวัด) สรุปว่า รุ่นนี้จัดหนัก "สะใจดี" คนถ่ายภาพอย่างคุณหนุ่มชินเชาวน์ลิ้นห้อย ทราบมาว่า "ขึ้นไม่ถึงยอดเขา" ๕๕๕ 
				__________________ ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 03-01-2012 เมื่อ 12:20 | 
| สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#13  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|    การได้ปฏิบัติกรรมฐานเดินขึ้นเขาดีมาก แต่ความกว้างและความสูงของบันไดทางขึ้นไม่เอื้อต่อการยกหนอเหยียบหนอเอาเสียเลย  การเดินรอบวัดจึงน่าจะดีกว่าหากจะก้าวกันยาวกว่าที่ผ่านมา หรือจะปล่อยให้แต่ละคนปฏิบัติกันเอง หามุมเดิน มุมนั่งกันเองในบริเวณลานธรรมก็น่าจะดีเช่นกัน   
				__________________ เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐ ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย     | 
| สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#14  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   อ้างอิง: 
 หมายเหตุ การเดินทางแบบนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ก็ไม่แนะนำให้เลียนแบบสำหรับคนที่ชอบการเดินทางแบบสบาย ๆ หรือนุ่มนวล เพราะลูกบ้าพี่มันเยอะ พอเจอคนขับรถที่บ้าพอกันก็เลยลุยกันไปได้ทุกทิศแบบค้านสายตาคนดู ฮิ ฮิ ฮิ   
				__________________ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง นอกจากบาปและบุญ | 
| สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ณญาดา ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#15  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   
			
			ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกในการบวชเนกขัม รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕ ในปี ๒๕๕๔ เมตตาคนอื่นมากไป ทำให้จิตกังวลในเรื่องการถ่ายภาพ รวมทั้งกังวลเรื่องคนที่มาบวชเนกขัมมะ ครั้งแรก แต่การจัดทริปปี ๒๕๕๕ ให้ความสำคัญกับ "จิตของตัวเองมากขึ้น" โดย "เมตตาตัวเองมากขึ้น" และมองว่า คนที่มาร่วมทริป คือ คนร่วมจ่ายค่ารถมาบวชร่วมกัน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องดูแลความรู้สึกของผู้ร่วมทริปมากนัก กล่าวคือ ทุกคนควร "ดูแลใจตัวเอง" และเรียนรู้ว่า คนหมู่มากกำลังทำอะไรอยู่ แต่ได้กำชับผู้ร่วมทริป ๒ เรื่อง คือ "เรื่องเสียงมือถือ" และ "เรื่องการตรงต่อเวลา" สำหรับความรู้สึกส่วนตัวในการบวชรอบนี้ ๑. รู้สึกว่า ตัวเอง "วาง" ในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ เรื่องถ่ายรูป ผมถ่ายบ้างนิดหน่อย เพื่อเอาไปโพสต์ในคนโมทนาในเว็บพลังจิต เป็นต้น แต่รอบนี้ "หมอเสือ" ดันเบี้ยวผม ๕๕๕ ๒. บวชรอบนี้ รู้สึกว่า "นั่งสมาธิได้ลึกขึ้น นิ่งขึ้น" แม้จะยังไม่ถึงขั้นที่ใช้งานได้ก็ตาม แต่รู้สึกว่า "จิตไม่ต้องแบก" โดยได้กลับมาทบทวนพื้นฐานของการนั่งกรรมฐานที่พระอาจารย์เคยสอนไว้ คือ "จับภาพพระ และจับลมหายใจเข้าออก" ๓. เริ่มวางกำลังใจแบบที่พระอาจารย์สอนไว้ ใจความโดยสรุป คือ "ต้องให้กำลังใจตัวเองในการปฏิบัติ" เช่น เราต้องการไปเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราอยู่กาญจนบุรี ถ้าเรามองว่า ระยะทางอีกไกล เราจะหมดกำลังใจ แต่ถ้าเรามองไปยังคนที่อยู่นราธิวาส เราจะเห็นว่า เราอยู่กลางทางแล้ว เราอยู่ใกล้เชียงใหม่มากกว่าคนที่อยู่นราธิวาส" ๔. ผมรู้สึกและเชื่อว่าได้รับการสงเคราะห์จาก "พระ" ไม่ว่าจะเป็น "เสียงตามสายของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง" "การเทศน์สอนของพระอาจารย์เล็กในการบวชเนกขัมมะ" และ "เสียงของท่านจิตโต ซึ่งผมนำมาฟังด้วย" "หลาย ๆ คำถามในใจ" มีคำตอบออกมาครับ ถือว่า "คุ้มค่ามาก" ที่ได้ไปบวชเนกขัมมะตลอดปี ๒๕๕๔ ต่อเนื่องมาถึงปี ๒๕๕๕ 
				__________________ ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง | 
| สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#16  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			ได้รับความประทับใจจากการบวชรุ่นหนึ่งปีนี้หลายประการครับ ๑. ได้ฝึกใจให้ห่างรัก โลภ โกรธ หลง ได้นานที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในชีวิต....เมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่จับลมหายใจเข้าออกยากมาก แค่ห้านาทีก็ยังรากเลือดเลย แต่ทริปนี้ทำได้เกินสิบนาที....ต้องขอบพระคุณที่พระอาจารย์ท่านจัดหลักสูตรให้มีการเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ อีกทั้งมีการสวดมนต์ทำวัตรเข้ามาช่วยประคองการสะสมกำลังสติ ทำให้ทุกอย่างเกื้อกูลให้การนั่งสมาธิของผมทำได้สงบขึ้น ได้ระยะเวลานานขึ้นมากเลย ๒. ประทับใจที่สุดกับการสวดมนต์ข้ามปีที่วัดท่าขนุน....ปีที่แล้วผมเบี้ยวกิจกรรมนี้ไป ปีนี้เลยฮึดว่าเอาอย่างไรเอากัน ผลของการไม่ตามใจกิเลสก็คือได้รู้ว่า การสวดมนต์นาน ๆ สามารถสร้างความสุขสงบใจได้อย่างน่าอัศจรรย์...และประทับใจกับพรอันประเสริฐที่พระอาจารย์ได้ให้เราในช่วงท้ายด้วย...สรุปว่าปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเราแน่นอน ๓. ประทับใจที่สุดของที่สุดกับการที่ได้จุดเทียนสืบชะตาและอธิษฐานขอพร ทำถวายแด่องค์ในหลวงและคุณพ่อคุณแม่ของผม ในช่วงเช้าของวันปีใหม่...ปีที่แล้วก็จุดครับ แต่จุดขอพรให้ตัวเอง เลยไม่ประทับใจมากเท่าปีนี้ ๔. ได้เลขที่วุฒิบัตรที่เชื่อว่าจะนำโชคให้ผมในระยะเวลาอีกไม่กี่งวดนี้...ปีที่แล้วก็บวชได้เลขที่วุุฒิบัตรมา แต่ด้วยการขาดวิริยบารมี ทำให้ไม่หมั่นเพียรนำเลขไปใช้ให้ต่อเนื่อง ผลคือเลขดังกล่าวได้สร้างความรํ่ารวย (ให้คนอื่น) ในอีกไม่กี่งวดหลังจากผมเลิกตาม...ที่สุดจึงเชื่อที่พระอาจารย์ท่านเคยบอกอย่างสนิทใจว่า พวกเราขาดวิริยบารมีกัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2012 เมื่อ 13:03 | 
| สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กอนุบาล ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#17  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			พระอาจารย์ ท่านสอนในช่วงทำวัตร ประมาณว่า... (๑) ถ้าเห็นคนอื่นที่เขาปฏิบัติได้แล้ว ทำตัวตามสบาย ก็อย่าไปคิดเลียนแบบเขา...เพราะถ้าเรายังทำไม่ถึง ใจเราก็ไม่ได้สบายเหมือนเขา (ท่านเคยปรารภว่า เรื่องของสมบัติเศรษฐี ใครอยากได้ ก็ต้องทำเอง) (๒) เรื่องกิเลส ต้องทน ต้องฝืน เพื่อให้มีสติ พร้อมรับมือกับแรงกดดัน และการกระทบกระทั่งทุกชนิด...เหมือนกับทหาร ที่ถูกฝึกให้ผจญความกดดันและความลำบากทุกอย่าง เพื่อให้สามารถควบคุมสติได้ยามมีภัย (ท่านเล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหารให้ฟัง–ต้องฝึกทั้งร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่กลัวความตาย) *ขอสาธุ...กับความตั้งใจของทุกท่านด้วยครับ* แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-01-2012 เมื่อ 17:16 | 
| สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โยคียุ้ย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#18  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|   อ้างอิง: 
   ยกกรุมาเลยคุณน้อง ได้ข่าวว่าเก็บไว้เยอะนี่ 
				__________________ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง นอกจากบาปและบุญ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-03-2013 เมื่อ 15:18 | 
| สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ณญาดา ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#19  
			
			
			
			
			
		 | |||
| 
 | |||
|   
			
			ดีใจที่ได้เจอที่พักพิงทางใจเพื่อเพิ่มพลังในการไปสู้ทางโลก ขอบคุณคุณคมน์และพี่หญิงที่มีการจัดรถตู้เพื่อให้คนที่จะไปวัดเดินทางไปกลับได้โดยสะดวกค่ะ หลังจาก ๑ ปีที่ผ่านมาได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนกับพระอาจารย์ ถึงจะไม่ได้ไปทุกครั้งที่ท่านจัด แต่ก็พยายามไปให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวยให้ค่ะ ทำให้เราได้มีสติขึ้น ปีนี้ก็ตั้งใจเช่นเดิมว่าขอให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2012 เมื่อ 05:11 | 
| สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กล้วยไม้ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
			 
			#20  
			
			
			
			
			
		 | ||||
| 
 | ||||
|  ทดแทนทุกความรู้สึกที่ได้รับของตัวเอง 
				__________________ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง นอกจากบาปและบุญ | 
| สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ณญาดา ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|  | 
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| 
 | 
 |