#1
|
|||
|
|||
![]()
พระบรมสารีริกธาตุของวัดท่าซุง
เรื่องเดิม เพื่อนของผมท่านกวาดวัดอยู่ตามปกติ เมื่อกวาดไปถึงข้าง ๆ ตึกนวราช ท่านไปพบพระบรมสารีริกธาตุจำนวนมากอยู่ที่นั่น ก็รวบรวมเก็บไว้ในที่ ๆ สมควร แล้วรายงานให้หลวงพ่อฤๅษีท่านทราบ (ใช้จิตถึงจิตหรือมโนมยิทธิ) ท่านแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้ ๑. “ให้บันทึกไว้ว่าพบเมื่อไหร่ แต่ไม่ต้องบอกว่าที่บริเวณไหน แล้วนำไปบรรจุไว้ที่โบสถ์ใหม่ เป็นหลักฐานว่าวัดท่าซุงก็มีพระบรมสารีริกธาตุประจำวัดอยู่จริง ๆ ไม่ใช่เสด็จมาจากที่อื่น” (ผมจำได้ว่าตอนหลวงพ่อท่านยังทรงมีชีวิตอยู่มีคนนำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายให้หลวงพ่อจำนวนมาก ผมเห็นกับตาตนเองอย่างใกล้ชิด หากคิดเป็นลิตรก็คงจะประมาณกว่า ๑๐ ลิตร แม้ตัวผมเองก็นำมาถวายให้กับมือท่านหลายร้อยองค์ และในงานบรรจุของมีค่าใส่ในเจดีย์พุดตาน ผมอยู่กับหลวงพ่อเกือบตลอดเวลา ท่านแจกพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกคนที่ศรัทธาเข้ามาขอท่าน คนละ ๕-๖ องค์ รวมทั้งตัวผมด้วย ยิ่งแจกมากเท่าไหร่ ผมมีความรู้สึกว่าจำนวนของพระบรมธาตุมิได้ลดน้อยลงไปเลย เมื่อได้เวลาท่านปิดที่บรรจุ (ปิดผอบ) แล้วนำไปบรรจุในเจดีย์ฯ ทั้งหมด ขอเล่าย่อ ๆ ไว้แค่นี้) ๒. “ให้ไปปรึกษาหลวงพี่สุรจิตก่อน เรียนขอคำปรึกษาจากท่านในการสร้างเจดีย์เล็ก ๆ ไว้ในโบสถ์ใหม่ ควรจะทำอย่างไร ให้เหมาะสมและแข็งแรง” ๓. “ต่อไปจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก และควรรีบทำตามที่ท่านแนะนำ คุณจินตนา (อ้อย) หาดใหญ่ เป็นผู้ทำแผ่นป้ายทองเหลืองนำมาติดตรงฐานของเจดีย์ เธอมีพรรคพวกเป็นคณะใหญ่ ซึ่งมีศรัทธาหลวงพ่อและวัดท่าซุงเป็นอย่างมาก” ๔. “ส่วนดินซึ่งกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุ (ธาตุดิน) ในบริเวณนั้นให้รวบรวมเก็บไว้ต่างหาก เพราะต่อไปก็จะกลายเป็นพระบรมธาตุ " (ผมจำได้ว่าวันที่มีพิธีบรรจุดินจำนวนนี้เข้าไว้ใต้ฐานของสมเด็จองค์ปัจจุบัน ซึ่งมีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์ อยู่ข้างพระองค์เหนือพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งอยู่หน้าโบสถ์เก่านั้น ก่อนจะถึงพิธีประมาณ ๒ วัน ทรงให้ผมและเพื่อนผมร่อนดินนั้นก่อน ปรากฏว่าได้พระบรมธาตุเพิ่มมาอีกจำนวนหนึ่ง) ๕. “ท่านให้ปกปิดเรื่องสถานที่ ๆ พบไว้ เพราะจะมีบุคคลที่ยังมีความโลภเข้าไปวุ่นวายในบริเวณนั้น เพราะอยากได้พระบรมธาตุ” ๖. “คนทำบุญก็เพื่อตัดความโลภเป็นสำคัญ แต่ใหม่ ๆ ย่อมยังมีความโลภอยู่เป็นธรรมดา หากใช้อธิษฐานบารมีให้เกิดประโยชน์ ก็ช่วยตัดความโลภได้ คือทำบุญ-ทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานจุดเดียว จัดว่าเป็นการตัดอวิชชาได้ เพราะอธิษฐานแบบนี้ก็หมายความว่า ไม่ต้องการจะเกิดในมนุษยโลก-เทวโลกและพรหมโลก มุ่งเข้าพระนิพพานจุดเดียว พระท่านก็สงเคราะห์ทำให้อธิษฐานบารมีเกิดผล ความจริงก็คือกฎของกรรมนั้นเที่ยงเสมอ และให้ผลไม่ผิดตัวด้วย จิตเราอธิษฐานอย่างไรอันเป็นมโนกรรม จิตต้องการสิ่งใดหรือสร้างกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมตามนั้น คือทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว ตรงไปตรงมาตามกรรมที่ตนทำไว้เองทั้งสิ้น” ๗. “บุคคลใดตัดโลภได้มากเท่าไหร่ ลาภย่อมเกิดมากเท่านั้น ทุกอย่างอยู่ที่กำลังใจเต็มสักแค่ไหน อยู่ที่การปฏิบัติวิริยะ-ขันติ-สัจจะบารมี ซึ่งมีปัญญาบารมีควบคุม มิใช่ทำกันเล่น ๆ แค่สัญญา ใครทำเล่น ๆ กัน ผลก็ตัดไม่ได้จริงตามกรรมหรือการกระทำของตน ยิ่งบางคนอธิษฐานไว้ล่วงหน้าว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้พอได้ผลตามนั้นแล้ว ก็ลืมมิได้บริจาคให้ตามมโนกรรมที่ตั้งใจไว้ ต่อ ๆ ไปลาภอันเกิดจากแรงอธิษฐาน จักไม่เกิดแก่ผู้นั้นอีกต่อไป” ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2011 เมื่อ 20:17 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|