กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 621
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,330 ครั้ง ใน 1,109 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,679 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นก็ขอให้ทุกท่านอนุโมทนา กระผม/อาตมภาพนำคณะไปทอดผ้าป่าทั้งที่อินเดียและเนปาล ไล่ตั้งแต่วัดไทยพุทธคยา วัดไทยป่าฝ้าย วัดไทยสารนารถ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดสิทธารถราชมณเฑียร วัดไทยนวราชรัตนาราม วัดไทยนิโครธาราม ตลอดจนกระทั่งวัดไทยลุมพินี อาจจะมีการข้ามชื่อวัดไปบ้าง แล้วก็ไม่ได้เป็นไปตามเส้นทาง แต่ขอให้รู้ว่าการไปครั้งนี้ การทอดผ้าป่าถือว่าเป็นบุญที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะว่าพวกเรารักษาศีล สวดมนต์ ไหว้พระ เจริญภาวนาทุกที่ที่เราไป ซึ่งในส่วนของสมาธิและภาวนา เป็นส่วนที่มีอานิสงส์มากกว่าทานหลายเท่า

สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปฉันเช้าที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ในงานตรวจข้อสอบนักธรรมชั้นตรี ได้ถวายปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพงานครั้งนี้ไป ๓๐,๐๐๐ บาท ได้เรียนถวายพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รักษาการเจ้าคณะภาค ๑๔ ว่า พอดีไปทอดผ้าป่าทั้งอินเดียและเนปาล แล้วกลับมาก็เลยเหลือเงินติดกระเป๋าอยู่หน่อยเดียว พอดีว่าวันก่อนไปปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีสถาปนาพระพิชัยสงคราม ทางด้านหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ และคณะศิษย์ ถวายปัจจัยมา ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท กระผม/อาตมภาพจึงเติมให้เต็ม ๓๐,๐๐๐ บาท มาถวายในงานครั้งนี้

ขณะที่กำลังอยู่ในพิธีเปิด ทางด้านคุณอาลัย พรหมชนะ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ปัจจุบันทำหน้าที่ อสส. ก็คือ อาสาสมัครส่วนกลางโครงการทุนการศึกษา ของท่านองคมนตรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา โทรมาบอกว่า "ท่านองคมนตรีบ่นถึงหลวงพ่อ เนื่องจากว่านอกจากช่วยสร้างหอพักชายโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาไปแล้ว ยังสร้างหอพักหญิงอีก ท่านจึงอยากจะพบเพื่อกล่าวคำขอบคุณ" กระผม/อาตมภาพจึงต้องวิ่งออกจากงานมา ซึ่งกำหนดการของท่านก็คือบ่ายโมงครึ่ง ทำให้มีเวลาเดินทางมากหน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมาไม่ทันก็ได้..!

เมื่อมาถึง ท่านก็นำเดินดูสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในวิทยาลัยการอาชีพทองผาภูมิ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตามที่ท่านกล่าวในพิธีก็คือ นอกจากงบประมาณจากทางด้านกรมอาชีวศึกษาแล้ว ท่านก็ยังควักย่ามพระมาเติมอีก ท่านก็เลยนิมนต์กระผม/อาตมภาพกับหลวงพ่อพระครูวรกาญโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรังกาสี ไปทำหน้าที่ประธานในการกดเปิดป้ายวิทยาลัยการอาชีพทองผาภูมิแทนท่าน ก็เป็นอะไรที่ตลกดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ทองคำเปลว (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,679 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าในส่วนที่ท่านกล่าวมีหลายอย่างที่ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ก็คือที่ท่านปรารภว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าง ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานบ้าง หรือแม้กระทั่งอธิบดีกรมวิชาการ แต่ละคนเหมือนอย่างกับมาว่ากินตำแหน่งเพื่อให้ผ่านงานเท่านั้น ๖ เดือน ๑ ปีก็ชิงย้ายกันหมดแล้ว..!

โดยเฉพาะในส่วนของอำเภอทองผาภูมิ ท่านบอกว่า "แล้วอย่างนี้งานของผมจะต่อเนื่องได้อย่างไร ? ในเมื่อคนใหม่มาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย" ก็เป็นเรื่องจริงของท่าน แล้วขณะเดียวกัน การของบประมาณ ทางด้านกรมอาชีวศึกษาก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบ เนื่องเพราะว่าอาคารแต่ละอย่างเขาจะมีแบบที่แน่นอนตายตัว จะมีราคากลางว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไรในการก่อสร้าง แต่ท่านบอกว่า "พวกคุณไม่ได้ดูเลยว่าพื้นที่นี้คือที่ไหน ?!"

ตัวแทนของท่านอธิบดีกรมอาชีวะศึกษาก็ยังงง ๆ อยู่ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องเรียนท่านไปว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ตอนนั้นถ้าจะขนวัสดุก่อสร้างขึ้นสังขละบุรี ทรายหยาบคันละ ๓,๐๐๐ บาท แต่ค่าบรรทุกคันละ ๗,๐๐๐ บาท..! เนื่องเพราะว่าถนนหนทางไปยากมาก ต้องเป็นรถใหญ่สองเพลาเท่านั้น ถึงจะขึ้นสังขละบุรีได้

ทองผาภูมิในยุคนั้นก็ไม่ต่างกัน เพราะอย่างทางเข้าสหกรณ์นิคมตรงไปสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี มีแต่ปลักควายตั้งแต่ปากทางเข้าไปยันโน่น...พื้นที่ของเหมืองสองท่อ..! เนื่องเพราะว่าทางเหมืองมีงบประมาณมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาระเบิดหินอยู่ตลอดเวลา เขาก็เลยเอาหินมาถม จนกระทั่งรถแร่หนักเท่าไรวิ่งก็ไม่ทรุดไม่ยุบ แต่พอพ้นเขตออกมาก็เป็นปลักควายไปตลอดทาง..!

กระผม/อาตมภาพสั่งวัสดุก่อสร้าง ๑ คันรถ เขาคิดค่าขนส่ง ๖,๐๐๐ บาท ในยุคนั้นทองคำบาทละ ๔,๒๕๐ บาท ค่าบรรทุกวัสดุเที่ยวละ ๖,๐๐๐ บาท..! กระผม/อาตมภาพจึงต้องรอรวมวัสดุให้ได้ใกล้เคียง ๑๘ ตัน แล้วถึงจะสั่งทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่คุ้มกับค่ารถค่าขนส่ง

ท่านองคมนตรีบ่นว่า "พวกคุณให้งบประมาณเท่ากับสร้างในกรุงเทพฯ ในนนทบุรี แล้วรู้ไหมว่าที่นี่ค่าขนส่งเท่าไร ? ผมไปสร้างหอพักให้โรงเรียนบ้านห้วยเสือ ค่าขนส่งแพงกว่าค่าวัสดุไปเท่าครึ่ง..!" ท่านบอกทางโรงเรียนบ้านห้วยเสือไปว่า "ถ้าเชื่อผมก็ทำไป เดี๋ยวผมจะหาเงินมาให้" แล้วการประชุมครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ท่านก็ปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "คงต้องขอเงินหลวงพ่อเล็กเพิ่มอีกแล้ว..!" ก็เลยเรียนท่านไปบอกว่า "อ๋อ..ยุคนี้เขาไม่ให้พระมีเงิน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,679 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้พวกเราจะเห็นความย้อนแย้งกันในสังคมไทยของเรา โดยเฉพาะต่างจังหวัดไกล ๆ ทุกอย่างต้องพึ่งพาวัดวาอารามทั้งหมด แต่ความคิดของคนในกรุงเทพฯ ที่ประเภทกินแล้วไม่มีอะไรจะทำ ก็คือ "พระรวย" ก็เลยทำให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมาเยอะแยะมากมาย โดยที่ไม่ได้ดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร? และที่แน่ ๆ ก็คือไม่ได้แยกตัวบุคคลออกจากคณะสงฆ์ หรือว่าไม่ได้แยกตัวบุคคลออกจากพระพุทธศาสนา เป็นการเหมาโหลรวมกันหมด จะดีจะชั่ว ถือว่าเป็นปลาข้องเดียวกัน เน่าตัวหนึ่งก็เหม็นหมดทั้งข้อง..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในส่วนนี้ก็คงเหลือแต่ฝากความหวังไว้กับมหาเถรสมาคม และคณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าจะทำอะไรที่เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาบ้าง ยกเว้นอย่างเดียว ที่ล่าสุดตอกย้ำมติมหาเถรสมาคมปี ๒๕๖๒ ห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งการเมืองอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็คงจะห้ามได้แบบเท่ ๆ เท่านั้น ท่านที่ยุ่งก็ยังคงยุ่งต่อไป จึงเป็นอะไรที่เราท่านทั้งหลาย
ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง มีคำสั่งผู้บังคับบัญชาเราก็ทำไป หน้าที่ของเรามีอะไรก็รับผิดชอบไป แต่ว่าในส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือหน้าที่ในการชำระจิตใจของเราให้เบาบางจากกิเลส

หลายท่านเห็นกระผม/อาตมภาพใช้เงินแบบไม่คิด มีเท่าไรใช้แค่หมด คนส่วนใหญ่จะนึกว่ากระผม/อาตมภาพรวย ก็คือมีเท่าไรก็ให้เขาได้ แต่ความจริงนั่นเป็นวิธีการหนึ่งในการ ลด ละ เลิก กิเลสของตัวเราเอง ถ้าเรายังมีความห่วง มีความหวงในปัจจัยไทยธรรมต่าง ๆ อยู่ ก็แปลว่าเราท่านทั้งหลายยังเอาตัวไม่รอด..!

สมัยก่อนมาวัดท่าขนุน สังฆทานเน่าคาห้องไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร..! ก็เพราะไอ้ความหวงความห่วงไม่เข้าท่านั่นแหละ..! ทำเหมือนอย่างกับรักษาของสงฆ์ แต่ความจริงก็คือทำให้ของสงฆ์ฉิบหาย
บรรลัยหมด..! มาปัจจุบันนี้ค่อยดีหน่อย เพราะว่ามีการแจกจ่ายออกไปสารพัดรอบทิศรอบทาง ทางด้านแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน ก็มีการนำไปถวายเป็นกฐินหรือผ้าป่าให้กับวัดต่าง ๆ ในที่กันดารทุกปี

ส่วนพวกเราก็ช่วยเหลือสาธารณภัยต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งมอบให้กับหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ก็คือหลังจากที่พวกเราเรียกว่า "ออกร้านเซเว่น" ในแต่ละเดือนแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือพร้อมแจก ไม่อย่างนั้นแล้วก็อาจจะมีการเน่าคาห้องอีกเหมือนเดิม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ทองคำเปลว (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,679 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีหลวงพ่อรูปหนึ่ง ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นบุคคลที่เก็บสังฆทานทุกชิ้นยัดไว้ในห้อง ท้ายที่สุดก็ไม่มีที่ให้นอน..! ต้องออกมานอนเลี้ยงยุงนอกห้อง จะสมน้ำหน้าท่านก็ใช่ที่ ก็ในเมื่อท่านหวง ไม่ยอมแบ่งไม่ยอมปันใครเลย ก็ปล่อยให้ท่านนอนเลี้ยงยุงของท่านไปก็แล้วกัน..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้เป็นการฝึกตนของเราอย่างหนึ่ง ว่าสามารถตัด รัก โลภ โกรธ หลง อย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่อวดร่ำอวดรวย มีเท่าไรให้เขาได้ แต่ทุกครั้งที่ให้ก็คือต้องสังเกตใจของเราว่า มีความตระหนี่ถี่เหนียวหรือไม่ ? ให้ด้วยเมตตากรุณาแล้ว ถึงเวลาวางอุเบกขาได้หรือไม่ ? ไม่ใช่ให้แล้วก็ยังตามไปดู ตามไปจับ ตามไปจ้อง ว่าเขาใช้ของเราหรือเปล่า ?

กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมากแล้ว ถึงเวลาถามว่า "ถวายข้าวของชนิดนั้นไป หลวงพ่อยังใช้อยู่หรือเปล่า ?" "อ๋อ..ไม่ทันได้ใช้ ให้เขาไปแล้ว..!" คุณจะไม่ศรัทธา เลิกถวาย กระผม/อาตมภาพก็ดีใจ กูจะได้ไม่ต้องรับมาให้รกกุฏิ..!

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายที่พูดมาในวันนี้ก็คือ พระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ของเรา ต้องจัดการกับกิเลสในใจของตนเอง ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยเฉพาะพยายามเคร่งครัดในส่วนของวินัย ก็คือศีลพระเอาไว้ เนื่องเพราะว่าในเบื้องต้น เราจะเป็นพระภิกษุสามเณรหรือไม่ก็อยู่ที่ศีลเท่านั้น ศีลบกพร่อง ความเป็นพระภิกษุสามเณรก็ลดน้อยถอยลง ถ้าไปเจออาบัติหนักเข้า ก็อาจจะขาดความเป็นพระภิกษุสามเณรไปเลย..!

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอครูบาอาจารย์ พระพี่เลี้ยง หรือว่าเพื่อนฝูงมาจ้ำจี้จ้ำไชคอยบอกคอยกล่าวให้ คนรักที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะต้องไม่เบื่อไม่หน่ายในการขัดเกลาตัวเองด้วยประการทั้งปวง ไม่อย่างนั้นแล้วอยู่ไปก็ขาดทุนไปตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ไปทำอะไร ?!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ทองคำเปลว (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน )
ภาณุวัฒน์ สิทธิกูล

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว