กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า วันนี้, 19:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 621
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,326 ครั้ง ใน 1,109 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 22:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,662 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นก็ขอให้ทุกท่านอนุโมทนา กระผม/อาตมภาพนำคณะไปทอดผ้าป่าทั้งที่อินเดียและเนปาล ไล่ตั้งแต่วัดไทยพุทธคยา วัดไทยป่าฝ้าย วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดไทยนิโครธาราม วัดสิทธารถราชมณเฑียร ตลอดจนกระทั่งวัดไทยลุมพินี อาจจะมีการข้ามชื่อวัดไปบ้าง แล้วก็ไม่ได้เป็นไปตามเส้นทาง แต่ขอให้รู้ว่าการไปครั้งนี้ การทอดผ้าป่าถือว่าเป็นบุญที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะว่าพวกเรารักษาศีล สวดมนต์ ไหว้พระ เจริญภาวนาทุกที่ที่เราไป ซึ่งในส่วนของสมาธิและภาวนา เป็นส่วนที่มีอานิสงส์มากกว่าทานหลายเท่า

สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปฉันเช้าที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ในงานตรวจข้อสอบนักธรรมชั้นตรี ได้ถวายปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพงานครั้งนี้ไป ๓๐,๐๐๐ บาท ได้เรียนถวายพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รักษาการเจ้าคณะภาค ๑๔ ว่าพอดีไปทอดผ้าป่าทั้งอินเดียและเนปาล แล้วกลับมาก็เลยเหลือเงินติดกระเป๋าอยู่หน่อยเดียว พอดีวันก่อนไปปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีสถาปนาพระพิชัยสงคราม ทางด้านหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ และคณะศิษย์ ถวายปัจจัยมา ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท กระผม/อาตมภาพจึงเติมให้เต็ม ๓๐,๐๐๐ บาท มาถวายในงานครั้งนี้

ขณะที่กำลังอยู่ในพิธีเปิด ทางด้านคุณอาลัย พรหมชนะ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ปัจจุบันทำหน้าที่อสส. ก็คืออาสาสมัครส่วนกลางโครงการทุนการศึกษา ของท่านองคมนตรีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา โทรมาบอกว่าท่านองคมนตรีบ่นถึงหลวงพ่อ เนื่องจากว่านอกจากช่วยสร้างหอพักชายโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาไปแล้ว ยังสร้างหอพักหญิงอีก ท่านก็อยากจะขอบคุณ กระผม/อาตมภาพจึงต้องวิ่งออกจากงานมา ซึ่งกำหนดงานของท่านก็คือบ่ายโมงครึ่ง ทำให้มีเวลาเดินทางมากหน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมาไม่ทันก็ได้

เมื่อมาถึง ท่านก็นำเดินดูสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในวิทยาลัยการอาชีพทองผาภูมิ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตามที่ท่านกล่าวในพิธีก็คือ นอกจากงบประมาณจากทางด้านกรมอาชีวะศึกษาแล้ว ท่านก็ยังควักย่ามพระมาเติมอีก ท่านก็เลยนิมนต์กระผม/อาตมภาพกับหลวงพ่อพระครูวรกาญโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรังกาสี ไปทำหน้าที่ประธานในการกดเปิดป้ายวิทยาลัยการอาชีพทองผาภูมิแทนท่าน ก็เป็นอะไรที่ตลกดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เด็กใต้ (วันนี้), ทองคำเปลว (วันนี้), ปราโมทย์ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้)
  #3  
เก่า วันนี้, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,662 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าในส่วนที่ท่านกล่าวมีหลายอย่างที่ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ก็คือที่ท่านปรารภว่าผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าง ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานบ้าง หรือแม้กระทั่งอธิบดีกรมวิชาการ แต่ละคนเหมือนอย่างกับมาว่ากินตำแหน่งเพื่อให้ผ่านงานเท่านั้น ๖ เดือน ๑ ปีก็ชิงย้ายกันหมดแล้ว

โดยเฉพาะในส่วนของอำเภอทองผาภูมิ ท่านบอกว่า "แล้วอย่างนี้งานของผมจะต่อเนื่องได้อย่างไร ในเมื่อคนใหม่มาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย" ก็เป็นเรื่องจริงของท่าน แล้วขณะเดียวกัน การของบประมาณ ทางด้านกรมอาชีวะศึกษาก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบ เนื่องเพราะว่าอาคารแต่ละอย่างเขาจะมีแบบที่แน่นอนตายตัวอยู่ ก็จะมีราคากลางว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไรในการก่อสร้าง แต่ท่านบอกว่าพวกคุณไม่ได้ดูว่าพื้นที่นี้คือที่ไหน

ตัวแทนของท่านอธิบดีกรมอาชีวะศึกษาก็ยังงง ๆ อยู่ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องเรียนท่านไปว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ตอนนั้นถ้าวัสดุก่อสร้างขึ้นสังขละบุรี ทรายหยาบคันละ ๓,๐๐๐ บาท แต่ค่าบรรทุกคันละ ๗,๐๐๐ บาท เนื่องเพราะว่าถนนหนทางไปยากมาก ต้องเป็นรถใหญ่สองเพลาเท่านั้น ถึงจะขึ้นสังขละบุรีได้

ทองผาภูมิในยุคนั้นก็ไม่ต่างกัน เพราะอย่างทางเข้าสหกรณ์นิคมตรงไปสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี มีแต่ปลักควายตั้งแต่ปากทางเข้าไปยันโน่น...พื้นที่ของเหมืองสองท่อ เนื่องเพราะว่าทางเหมืองมีงบประมาณมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาระเบิดหินอยู่ตลอดเวลา เขาก็เลยเอาหินมาถม จนกระทั่งรถแร่หนักเท่าไรวิ่งก็ไม่ทรุดไม่ยุบ แต่พอพ้นเขตออกมาก็เป็นปลักควายตลอดทาง

กระผม/อาตมภาพสั่งวัสดุก่อสร้าง ๑ คันรถ เขาคิดค่าบรรทุก ๖,๐๐๐ บาท ในยุคนั้นทองคำบาทละ ๔,๒๕๐ บาท ค่าบรรทุกวัสดุเที่ยวละ ๖,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพจึงต้องรอรวมวัสดุให้ได้ใกล้เคียง ๑๘ ตัน แล้วถึงจะสั่งทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่คุ้มกับค่ารถค่าขนส่ง

ท่านองคมนตรีบ่นว่าพวกคุณให้งบประมาณเท่ากับสร้างในกรุงเทพฯ ในนนทบุรี แล้วรู้ไหมว่าที่นี่ค่าขนส่งมันเท่าไร ? ผมเองไปสร้างหอพักให้โรงเรียนห้วยเสือ ค่าขนส่งแพงกว่าค่าวัสดุไปเท่าครึ่ง ท่านก็บอกทางโรงเรียนห้วยเสือว่า "ถ้าเชื่อผมก็ทำไป เดี๋ยวผมจะหาเงินมาให้" แล้วการประชุมครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ท่านก็ปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "คงต้องขอเงินหลวงพ่อเล็กเพิ่มอีกแล้ว" ก็เลยเรียนท่านไปบอกว่า "อ๋อ ยุคนี้เขาไม่ให้พระมีเงิน...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เด็กใต้ (วันนี้), ปราโมทย์ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้)
  #4  
เก่า วันนี้, 22:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,662 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้พวกเราจะเห็นความย้อนแย้งกันในสังคมไทยของเรา โดยเฉพาะต่างจังหวัดไกล ๆ ทุกอย่างต้องพึ่งพาวัดวาอารามทั้งหมด แต่ความคิดของคนในกรุงเทพฯ ที่ประเภทกินแล้วไม่มีอะไรจะทำ ก็คือพระรวยก็เลยทำให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมาเยอะแยะมากมาย โดยที่ไม่ได้ดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร และที่แน่ ๆ ก็คือไม่ได้แยกตัวบุคคลออกจากคณะสงฆ์ หรือว่าไม่ได้แยกตัวบุคคลออกจากพระพุทธศาสนา เป็นการเหมาโหลรวมกันหมด จะดีจะชั่ว ถือว่าเป็นปลาข้องเดียวกัน เน่าตัวหนึ่งก็เหม็นหมดทั้งข้อง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในส่วนนี้ก็คงเหลือแต่ฝากความหวังไว้กับมหาเถรสมาคม และคณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าจะทำอะไรที่เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาบ้าง ยกเว้นอย่างเดียว ล่าสุดตอกย้ำมติมหาเถรสมาคมปี ๒๕๖๒ ห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งการเมืองอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็คงจะห้ามได้แบบเท่ ๆ เท่านั้น ท่านที่ยุ่งก็ยังคงยุ่งต่อไป จึงเป็นอะไรที่เราท่านทั้งหลาย ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง คำสั่งผู้บังคับบัญชาเราก็ทำไป หน้าที่ของเรามีอะไรก็รับผิดชอบไป แต่ว่าในส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือหน้าที่ในการชำระจิตใจของเราให้เบาบางจากกิเลส

หลายท่านเห็นกระผม/อาตมภาพใช้เงินแบบไม่คิด มีเท่าไรใช้แค่หมด คนส่วนใหญ่จะนึกว่ากระผม/อาตมภาพรวย ก็คือมีเท่าไรก็ให้เขาได้ แต่ความจริงนั่นเป็นวิธีการหนึ่งในการลด ละ เลิก กิเลสของตัวเราเอง ถ้าเรายังมีความห่วง มีความหวงในปัจจัยไทยธรรมต่าง ๆ อยู่ ก็แปลว่าเราท่านทั้งหลายยังเอาตัวไม่รอด

สมัยก่อนมาวัดท่าขนุน สังฆทานเน่าคาห้องไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ก็เพราะไอ้ความหวงความห่วงไม่เข้าท่านั่นแหละ เหมือนอย่างกับรักษาของสงฆ์ แต่ความจริงก็คือทำให้ของสงฆ์บรรลัยฉิบหายหมด มาปัจจุบันนี้ค่อยดีหน่อย เพราะว่ามีการแจกจ่ายออกไปสารพัดรอบทิศรอบทาง ทางด้านแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน ก็มีการนำไปถวายเป็นกฐินหรือผ้าป่าให้กับวัดต่าง ๆ ในที่กันดารทุกปี

พวกเราก็ช่วยเหลือสาธารณภัยต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งมอบให้กับหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ก็คือหลังจากที่พวกเราเรียกว่า "ออกร้านเซเว่น" ในแต่ละเดือนแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือพร้อมแจก ไม่อย่างนั้นแล้วก็อาจจะมีการเน่าคาห้องอีกเหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เด็กใต้ (วันนี้), ทองคำเปลว (วันนี้), ปราโมทย์ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้)
  #5  
เก่า วันนี้, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,614
ได้ให้อนุโมทนา: 160,906
ได้รับอนุโมทนา 4,523,662 ครั้ง ใน 37,230 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีหลวงพ่อรูปหนึ่งเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ท่านเป็นบุคคลที่เก็บสังฆทานทุกชิ้นยัดไว้ในห้อง ท้ายที่สุดก็ไม่มีที่นอน ต้องออกมานอนเลี้ยงยุงนอกห้อง จะสมน้ำหน้าท่านก็ใช่ที่ ก็ในเมื่อท่านหวง ไม่ยอมแบ่งไม่ยอมปันใครเลย ก็ปล่อยให้ท่านนอนเลี้ยงยุงของท่านไปก็แล้วกัน

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้เป็นการฝึกตนของเราอย่างหนึ่ง ว่าสามารถตัดรัก โลภ โกรธ หลง อย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่อวดร่ำอวดรวย มีเท่าไรให้เขาได้ แต่ทุกครั้งที่ให้ก็คือต้องสังเกตใจของเราว่ามีความตระหนี่ถี่เหนียวหรือไม่ ให้ด้วยเมตตากรุณาแล้ว ถึงเวลาวางอุเบกขาได้หรือไม่ ไม่ใช่ให้แล้วก็ยังตามไปดู ตามไปจับ ตามไปจ้อง ว่าเขาใช้ของเราหรือเปล่า

กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมากแล้ว ถึงเวลาถามว่า "ถวายข้าวของชนิดนั้นไป หลวงพ่อยังใช้อยู่หรือเปล่า ?" "อ๋อ..ไม่ทันได้ใช้ ให้เขาไปแล้ว" คุณจะไม่ศรัทธา เลิกถวาย กระผม/อาตมภาพก็ดีใจ กูจะได้ไม่ต้องรับมาให้รกกุฏิ

ดังนั้น เรื่องทั้งหลายที่พูดมาในวันนี้ก็คือพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ของเรา ต้องจัดการกับกิเลสในใจของตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยเฉพาะพยายามเคร่งครัดในส่วนของวินัย ก็คือศีลพระเอาไว้ เนื่องเพราะว่าในเบื้องต้น เราจะเป็นพระภิกษุสามเณรหรือไม่อยู่ที่ศีลเท่านั้น ศีลบกพร่อง ความเป็นพระภิกษุสามเณรก็ลดน้อยถอยลง ถ้าไปเจออาบัติหนักเข้า ก็อาจจะขาดความเป็นพระภิกษุสามเณรไปเลย

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอครูบาอาจารย์ พระพี่เลี้ยง หรือว่าเพื่อนฝูงมาจ้ำจี้จ้ำไชให้ คนรักที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะต้องไม่เบื่อไม่หน่ายในการขัดเกลาตัวเองด้วยประการทั้งปวง ไม่อย่างนั้นแล้วอยู่ไปก็ขาดทุนไปตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ไปทำอะไร

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เด็กใต้ (วันนี้), ทองคำเปลว (วันนี้), ปราโมทย์ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว