กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:47
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 612
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,068 ครั้ง ใน 1,101 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนั่งรถบริการสาธารณะ (Grab) จากแอพพลิเคชั่น พร้อมกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) และลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ออกจากที่พักวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ตี ๕ เนื่องเพราะว่าทางเอ็นซีทัวร์นัดที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองตอน ๖ โมงเช้า แต่ด้วยความที่เป็นวันอาทิตย์ และเช้ามืดรถไม่ติด จึงใช้เวลาวิ่งไม่ถึง ๒๐ นาที

เมื่อมาถึงก็เจอน้องการ์ตูน (นางสาวศรันย์พร บุรินทรโกษฐ์) ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะประจำรถคันที่ ๑ รออยู่ก่อนแล้ว พวกเราส่งกระเป๋าให้ไปจัดการติดป้ายแล้วก็รับเอกสาร ตลอดจนกระทั่งวีซ่า และใบผ่านเข้าประเทศอินเดีย เมื่อมานั่งรอเวลาอยู่พักหนึ่ง ญาติโยมทั้งหลายก็ทยอยกันมา โดยเฉพาะมีพระจำนวนมากต่อมากด้วยกัน และที่อัศจรรย์ก็คือ ถ้าไม่ใช่พรรคพวกเพื่อนฝูง ก็เป็นลูกศิษย์ของกระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งต่างก็จะไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียกันทั้งนั้น

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพเข้าใจว่าไปช่วงเดือนธันวาคม เป็นหน้าหนาว น่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่มาก แต่ปรากฏว่ามีผู้รู้บอกว่าเป็นช่วง "ไฮซีซั่น" ก็คือฤดูกาลนักท่องเที่ยวมากของเขาพอดี ถือว่าเฮงไป ทักทายพรรคพวกเพื่อนฝูงและให้ลูกศิษย์ถ่ายรูปแล้ว ก็มานั่งรับปัจจัยจากญาติโยมทั้งหลาย ที่ควักกระเป๋าร่วมทำบุญไปอินเดียในครั้งนี้ จนกระทั่งกระเป๋าชักจะโป่งมากขึ้นทุกที..!

ยังไม่ทันจะ ๖ โมงเช้าดี ทางช่องเช็คอินก็เปิดให้พวกเราทำการเข้าไปทำการตรวจตั๋ว เพื่อที่จะออกหมายเลขขึ้นเครื่องให้แล้ว กระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งมีกระเป๋าถือหนัก ๕.๑ กิโลกรัม เนื่องเพราะว่างวดนี้ขนเอาเครื่องกันหนาวไปอย่างเต็มที่ ต้องสละน้ำหนักทั้งหมดให้กับทางเอ็นซีทัวร์ ซึ่งขนเสบียงและเครื่องสำหรับถวายผ้าป่าไปหลายต่อหลายกล่องด้วยกัน

สักครู่หนึ่ง คุณเอ (นายฉัตตริน เพียรธรรม) กรรมการผู้จัดการของบริษัทเอ็นซีทัวร์ก็มาถึง บอกว่า "มาส่งและมาฝากคุณแม่ด้วยครับ" คำว่าคุณแม่ในที่นี้ก็คือคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ เจ้าของชื่อ เอ็นซี (NC) นวลจันทร์นั่นเอง

เมื่อคุณนวลจันทร์มาถึงก็ถามว่า ทำไมพวกเรามากันเร็วอย่างนี้ ? แต่ทำท่าไม่ค่อยที่จะสงสัยแล้ว เพราะว่าไปกับคณะของเรามาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้คุณนวลจันทร์มาในฐานะลูกทัวร์ ไม่ใช่ผู้เป็นหัวหน้าคณะหรือว่าเป็นมัคคุเทศก์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เข้าไปข้างใน โดยมีทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) เกาะติดก้นไปด้วย เนื่องเพราะว่าตอนเดินผ่านเครื่องจะได้ไม่มีเสียงดัง..!

เมื่อผ่านเข้าไป ถึงไม่มีเสียงดัง เจ้าหน้าที่ก็ขอตรวจตัวก่อน กระผม/อาตมภาพก็แจ้งว่ามีพระเครื่องอยู่ ๔ องค์ เจ้าหน้าที่ตรวจเสร็จเรียบร้อยก็ให้ไปรับกระเป๋าและข้าวของต่าง ๆ เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก็เดินตรงไปหาที่นั่งบริเวณประตูขึ้นเครื่องหมายเลข ๖ เนื่องจากว่าทำอะไรเร็ว ก็เลยต้องไปเป็นพนักงานนั่งเฝ้ากระเป๋า ให้บรรดาญาติโยมทั้งหลายได้ไปรับประทานอาหารเช้ากัน ส่วนกระผม/อาตมภาพฉันขนมรองท้องมาตั้งแต่ตอนขึ้นรถบริการสาธารณะแล้ว จึงไม่ได้ออกไปหาอาหารรับประทานแบบคนอื่นเขา

สักครู่หนึ่ง ท่านปิง (พระมหากวีศิลป์ วิสุทฺธิกุโล) ก็มาถึง ท่านถวายผ้าคลุมไหล่พัชมีนาอย่างดีมา ๑ ผืน กระผม/อาตมภาพเองปกติเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะใช้ผ้ากาสีจากประเทศอินเดียเป็นผ้าคลุมไหล่ แต่ว่าครั้งนี้ "มหามาตา" ท่านบอกว่าไม่ต้องเอาไป จะมีคนถวายเอง เมื่อมาถึงตอนนี้ ทุกคนก็เพิ่งจะรู้ว่าบุคคลที่ถวายก็คือใคร ?!

พวกเราต้องนั่งรอกันนานมาก เนื่องเพราะว่าเครื่องเสียเวลาไปอย่างน้อย ๓๐ นาที แล้วยังต้องมารอคนช้าอีก เนื่องจากว่าคณะของเราเป็นคณะใหญ่ถึง ๕๐ กว่าคน เมื่อขึ้นไปบนเครื่อง อาศัยที่ว่าการจองตั๋วอย่างรอบคอบของเอ็นซีทัวร์ กระผม/อาตมภาพจึงอยู่แถวแรก ซึ่งสามารถเหยียดเท้าได้สุด และได้ขึ้นเครื่องก่อนใคร ครั้นขึ้นไปแล้วก็ต้องนั่งรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ กว่าที่จะทุกอย่างจะครบครันและเครื่องขึ้นได้ ก็เสียเวลาไป ๓๐ กว่านาที

เมื่อเครื่องตั้งลำได้ก็เป็นเวลา ๑๐ โมงเศษ ทางด้านพนักงานบนเครื่องทำการเสิร์ฟอาหารตามที่สั่งจองเอาไว้ รสชาติเหมือนกับข้าวผัดกะเพราไก่ แต่ขอโทษเถอะ...หน้าตาผัดกะเพราของเขาดูแปลกพิลึก..! เพียงแต่ฉันกันตายไปอย่างนั้นเอง แล้วก็นั่งภาวนา โดยที่ทิดเฟิร์สบอกว่า "งวดนี้ขอพ่วงด้วยนะครับ อยากรู้ว่าอารมณ์นิ่งจริง ๆ ของหลวงพ่อเป็นอย่างไร ขอตลอด ๘ วันที่อยู่อินเดียเลย" กระผม/อาตมภาพเองก็ยังเกรงใจว่า งูคิดจะกลืนช้างนี่เป็นเรื่องที่ยากสุด ๆ น่าจะเครียดจนเครื่องไหม้เสียมากกว่า..!

ครั้นเมื่อภาวนาไปจนกระทั่งครบตามชุดที่ตนเองจัดเอาไว้ แล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ กลับมานั่งที่สักครู่หนึ่ง เครื่องก็เริ่มลดระดับลง มาถึงสนามบิน GAYA เวลา ๑๑.๒๐ น. ของทางประเทศอินเดีย ต้องบวกไป ๑ ชั่วโมงครึ่งถึงจะเป็นเวลาของประเทศไทย ด้วยความที่พวกเราคล่องตัวมาก ลงจากเครื่องได้ก็ปราดไปยังส่วนตรวจคนเข้าเมืองของเขา

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ เห็นพวกเราทะเล่อทะล่าเข้าไป ก็ยังตีหน้างง ๆ ว่ามาจากไหนกันวะ ? ครั้นพอรู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวก็เข้าประจำที่ เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา เครื่องยังไม่ทันจะได้อุ่นเครื่องเลย กระผม/อาตมภาพแปะนิ้วให้ ๒ ครั้ง ๓ จึงไม่ผ่าน แถมยังขอบอร์ดดิ้งพาส หรือว่าบัตรขึ้นเครื่องเพื่อไปดูอีกว่ามาเครื่องเที่ยวไหน ? กว่าที่จะผ่านได้ก็ทุลักทุเล โดยเฉพาะบุคคลที่พกทองคำมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับแบบไหนก็ตาม ถ้าชิ้นใหญ่หน่อย จะโดนล็อคคอไปสัมภาษณ์พิเศษทันที..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วอีกสักครู่หนึ่ง น่าจะเป็นเจ้านายของเขามาตรวจงาน ทุกอย่างก็เลยเข้มงวดขึ้นมาก กระผม/อาตมภาพกับท่านปิงที่ข้ามไปแล้ว ก็ได้แต่ยืนตาปริบ ๆ ดูบรรดาพระภิกษุของคณะอื่นที่แทบจะโดนถอดจีวรค้น..! ซึ่งจะว่าไปแล้วเขาก็ทำเคร่งครัดไปตามแบบของเขาต่อหน้าเจ้านายนั่นเอง กว่าที่พวกเราจะข้ามกันมาได้ครบครัน ก็แทบจะผ่านไปเป็นชั่วโมง ๆ ทีเดียว ดังนั้น..พวกเราส่วนหนึ่งจึงไปขึ้นรถบัส เพื่อที่จะเตรียมรอคณะที่มาครบแล้ว จะได้เดินทางไปทันที

เมื่อขึ้นรถบัสครบครันแล้ว ทางด้าน "นายวิชาญ" มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัดเจน ก็ได้มอบประคำไม้ให้คนละ ๑ เส้น เป็นของที่ระลึก หรือว่าของขวัญรับหน้า พวกเราวิ่งออกจากสนามบินมา ถึงโรงแรมที่เราจะพักกันคืนนี้ เป็นเวลา ๒๐ นาทีก็ถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ต้อนรับพูดภาษาไทยชัดมาก ไม่ว่าจะเป็น "สวัสดีครับ" "ยินดีต้อนรับครับ" "ห้องน้ำอยู่ทางนี้ครับ" "ห้องอาหารอยู่ข้างล่างครับ"

กระผม/อาตมภาพเองไปถึง เขาจัดอาหารเตรียมไว้ให้โต๊พระเรียบร้อยแล้ว จึงทำการโกยอาหารลงจานใหญ่ชนิดอย่างละครึ่งหนึ่ง พูดง่าย ๆ ว่าเข้าโครงการหารสองกับท่านปิง ฉันแล้วพอดีน้องการ์ตูนเอาคีย์การ์ดเข้าห้องพักมา จึงได้ขึ้นห้องพักไป เพื่อที่จะพักผ่อนสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะลงไปเพื่อที่จะเดินทางไปตามโปรแกรมของเรา

พวกเราออกจากโรงแรมที่พัก ชื่อไพเราะมากคือ DHAMMA GRAND HOTEL & RESORT ตรงไปยังบ้านนางสุชาดา ที่ระยะทางก็ไม่ได้ไกล แต่ว่าถนนหนทางคับแคบมาก ทำให้รถบัสของเราทั้งสองคันนั้นไปได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเมื่อไปถึง ก็ยังต้องรอรถอื่นเขาขยับหลีกแล้วหลีกอีก ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในกัน

ท่านเจ้าคุณกอล์ฟ หรือที่คนส่วนมากรู้จักในนาม "พระครูอินเดีย" แต่ปัจจุบันนี้เป็นท่านเจ้าคุณพระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล ท่านได้เมตตาบรรยายให้พวกเราฟังในพื้นที่จริง ด้วยการชี้ให้ดูภูเขาดงคสิริ ซึ่งเห็นลิบ ๆ อยู่ด้านหน้า พร้อมกับบอกว่า นั่นเป็นสถานที่ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำทุกรกิริยาอยู่ถึง ๖ ปี หลังจากนั้นก็เสด็จลงไปยังบริเวณอัชชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางสุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาส โดยที่เราจะเห็นเจดีย์บริเวณวัดบ้านของนางสุชาดาตั้งอยู่ไม่ไกล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่พระมหาโพธิสัตว์เสวยข้าวมธุปายาสแล้ว ก็บำเพ็ญเพียรจนกระทั่งบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทางด้านนางสุชาดาเองก็ไม่ได้ทราบว่าทานที่ตนเองถวายนั้น เป็น ๑ ใน ๒ ทานที่มีอานิสงส์สูงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าพระโพธิสัตว์เสวยแล้วก็ได้ตรัสรู้ และมีพระกำลังสามารถดำรงอยู่ได้ถึง ๔๙ วัน..!

พระเจ้าอโศกมหาราชจึงเสด็จมา แล้วก็ได้สร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในบริเวณบ้านนางสุชาดา ซึ่งถ้าดูแล้ว เสนิยเศรษฐีซึ่งเป็นพ่อของนางสุชาดานั้น ต้องบอกว่ารวยสุด ๆ เพราะว่าสถานที่กว้างขวางใหญ่โตมาก แล้วยังมีวัดประจำตระกูลของตนเองอีกด้วย..!

เมื่อพวกเราสวดมนต์ถวาย ถ่ายรูปหมู่ และเวียนประทักษิณแล้ว ก็กลับขึ้นรถ เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังอัชชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นสถานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับข้าวมธุปายาส ตลอดจนกระทั่งชนะธิดาพญามารทั้งสาม และเสด็จมาเพื่อเสวยวิมุตติสุขอยู่ในสัปดาห์ที่ ๕ ในสถานที่แห่งนี้ ปัจจุบันพวกฮินดูเขาดูแลอยู่ มีคนพูดไทยได้เป็นส่วนมาก พวกเราเบียดเบียนเยียดยัดไปบนถนนแคบ ๆ กว่าจะไปถึงก็รู้สึกว่าช้าเอาการทีเดียว

เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน บรรดาแขกทั้งหลายพูดไทยใส่กันไฟแล่บ ต่างคนต่างก็ขอให้บริจาคทำโน่นทำนี่ แต่ว่าพวกเราขึ้นไปก็ตามธรรมเนียม คือกราบสักการะสถานที่ ฟังบรรยาย สวดมนต์ถวาย ถ่ายรูปหมู่ แล้วกระผม/อาตมภาพก็รับพวงมาลัยพวงใหญ่ จากทางด้านท่านเจ้าคุณกอล์ฟ นำไปถวายที่รูปปั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับข้าวมธุปายาส

เมื่อกลับมาขึ้นรถ ปรากฏว่ามีหนุ่มล่ำสามพันตึง ๔ นาย ขอตามมากราบถึงบนรถ บอกว่าเป็นตำรวจอยู่ที่นครมุมไบ เห็นกระผม/อาตมภาพแล้วศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง จึงขอตามมากราบเท้า โดยที่กราบแล้วยังเอาฝ่ามือแตะเท้า แล้วก็ไปแตะศีรษะตนเองด้วย กระผม/อาตมภาพว่า "ท่านเจ้าคุณกอล์ฟหล่อกว่าหลายเท่า ทำไมไม่ไปกราบทางนั้น ?" เล่นเอาท่านเจ้าคุณบอกว่า "เขาน่าจะตาถึง สามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นมากกว่าครับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า วันนี้, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วพวกเราก็ฝ่ารถติดออกมา สองข้างทางนั้นนอกจากมีบ้านเรือนแล้ว ก็ยังมีสวนผักจำนวนมากมาย ท่านเจ้าคุณกอล์ฟบอกว่าทางด้านรัฐพิหารนี้เป็นแหล่งพืชผลการเกษตรที่สำคัญที่สุดของอินเดีย จึงมีการเพาะปลูกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ในที่อื่นก็ไม่เห็นมีแบบนี้

พวกเราฝ่ารถติดมาจนกระทั่งถึงวัดไทยพุทธคยา ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณวีรยุทธ - พระพรหมวชิรโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ ,ดร.) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ยังอยู่ที่เมืองไทย พรุ่งนี้จึงจะเดินทางมาถึง พวกเรามาอาศัยเข้าห้องน้ำในระหว่างทาง แล้วกระผม/อาตมภาพและพรรคพวกอีก ๔ - ๕ คน ที่มีความคล่องตัวมากกว่า ก็เข้าไปกราบพระพุทธชินราชจำลองในโบสถ์ ถ่ายรูปหมู่กันแล้วค่อยกลับมาขึ้นรถ มุ่งตรงไปยังพระศรีมหาโพธิ์ หรือพระเจดีย์พุทธคยา

ในบริเวณนั้นทั้งหมดเขาห้ามนำเครื่องอิเล็คโทรนิคอื่นเข้า ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ พาวเวอร์แบงค์ หรือแม้กระทั่งแก็ดเจ็ตต่าง ๆ แม้กระทั่งบุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ให้นำเข้า จะนำเข้าได้อย่างเดียวก็คือกล้องถ่ายรูปใหญ่ ซึ่งยุคนี้สมัยนี้แทบจะไม่มีใครใช้กันแล้ว เพียงแต่ว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ ๑๐๐ รูปีเสียก่อน

พวกเราเดินเข้าไป ผู้ชายเข้าช่องซ้าย ผู้หญิงเข้าช่องขวา ให้เขาตรวจร่างกายอยู่ถึง ๒ รอบ ๓ รอบ แล้วก็ไปรออยู่บริเวณ "มุมมหาชน" ก็คือมุมที่ใคร ๆ มาก็ต้องถ่ายรูปกับพระเจดีย์พุทธคยา แต่ปรากฏว่ากว่าพวกเราจะรวมพลได้ครบก็ช้า แถมเวลาถ่ายรูป บุคคลอื่นก็ยังเดินตัดหน้ากล้องแบบไม่เกรงใจ ต้องถ่ายซ่อมกันแล้วซ่อมกันอีก หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปทางด้านข้าง ไปถอดรองเท้าออก แล้วก็ใส่ถุงพลาสติก ที่ทางเอ็นซีทัวร์มีแจกให้ทุกคน เดินลัดเข้าไปจนถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์

กระผม/อาตมภาพถวายพวงมาลัยที่ทางด้านคณะท่านเจ้าคุณกอล์ฟจัดให้แล้ว ระหว่างที่อธิษฐานถวายอยู่นั้น "มหามาตา" ท่านก็ชี้ให้ดูว่า ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไปทางด้านขวามือ คือกระผม/อาตมภาพหันเข้าหาต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยมีแท่นวัชรอาสน์อยู่ขวามือ ทางด้านขวาก็คือพระเจดีย์พุทธคยานั่นเอง มหามาตาบอกว่าประมาณ ๗ วาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ เป็นสถานที่ซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นจริง ได้บังเกิดขึ้นพร้อมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้เป็นต้นที่ ๔ แล้ว ซึ่งเกิดจากรากของต้นแม่นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า วันนี้, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,567
ได้ให้อนุโมทนา: 160,828
ได้รับอนุโมทนา 4,522,267 ครั้ง ใน 37,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อบอกให้กับท่านเจ้าคุณกอล์ฟและบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงได้ทราบ ท่านเจ้าคุณกอล์ฟบอกว่า "หลวงพ่อพูดเหมือนหลวงพ่อบ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์เลย" ทำเอาทิดเฟิร์สบอกว่า "เขาไม่ได้นัดแนะกันนะครับ ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างพูด" กระผม/อาตมภาพเองฟังบรรยายไป ท่ามกลางฝูงยุงมากมายมหาศาล จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าสมาธิ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะทนยุงกัดไม่ได้..!

เมื่อฟังพระพุทธเจ้าชนะมารตรัสรู้แล้ว พวกเราก็ได้สวดมนต์ถวาย แล้วนั่งสมาธิอีก ๑๕ นาที จากนั้นก็เดินประทักษิณรอบพระศรีมหาโพธิ์ และองค์พระเจดีย์พุทธคยา สวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง รอบพระเจดีย์พุทธคยา ๓ รอบ ก่อนที่จะไปเข้าคิวเพื่อที่จะกราบหลวงพ่อพระพุทธเมตตา แต่ปรากฏว่ามีคณะสงฆ์เข้าไปสวดมนต์อยู่ในนั้น ทั้งคณะสงฆ์ทิเบต และคณะสงฆ์อินเดีย พวกเราจึงเข้าไปแล้วสามารถที่จะไหว้ได้ไกล ๆ เท่านั้น

เมื่อย้อนออกมาแล้ว พวกเราก็มาหามุมถ่ายรูปบริเวณเสาอโศก ซึ่งเป็นมุมที่สามารถเห็นได้ทั้งพระเจดีย์พุทธคยาและเสาอโศกพร้อมกัน จากนั้นท่านเจ้าคุณกอล์ฟก็พาพวกเราลุยเข้าไปใหม่อีกรอบ บอกว่ากิจกรรมถวายผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธเมตตาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ พวกเราต้องไปเข้าแถวรออยู่เป็นเวลานานมาก กว่าที่จะสามารถเข้าไปถึงด้านใน

กระผม/อาตมภาพเอาผ้าขะตะที่น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ส่งมาให้ ถวายหลวงพ่อพระพุทธเมตตา พร้อมกับรับพานดอกไม้มาจากคณะท่านเจ้าคุณกอล์ฟ อธิษฐานแล้วถวายไป เป็นอันว่าจบภารกิจสำหรับวันนี้ เดินออกมาทางด้านนอก ใส่รองเท้าแล้ว ต้องมารอพวกเรา เพราะว่าทางเดินออกนั้นเป็นคนละทางกัน ถ้าขืนไม่รอ มีหวังพลัดหลงกันแน่..!

ครั้นออกมาถึงข้างนอก ก็ต้องรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ เพราะว่าบุคคลที่ช้าก็มีอยู่ บรรดาสารพัดแขกก็พยายามมาเสนอขายของ แต่ละคนล้วนแล้วแต่พูดไทยได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าพูดประโยคยาว ๆ รู้เรื่องหรือเปล่า ? นอกจากชวนให้ซื้อของอย่างเดียว จนกระทั่งรถบัสของพวกเรามาถึง กระผม/อาตมภาพขึ้นรถบัสแล้วก็ควานหาโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเข้ารายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมไว้ก่อน และแจ้งในช่องแช็ตไว้แล้วว่า "อยู่ที่ประเทศอินเดีย ขออนุญาตปิดหน้าจอ" ปรากฏว่าได้เวลาทำแบบประเมินพอดี เนื่องเพราะว่าตรงกับเวลา ๓ ทุ่มของเมืองไทย เมื่อทำประเมินเสร็จ เป็นอันว่ารอดตัวไป สามารถที่จะได้ประกาศนียบัตรการร่วมปฏิบัติธรรม ๓ ชั่วโมงของครั้งนี้มาอย่างเต็มภาคภูมิ..!

พวกเราฝ่ารถติดกลับมาจนกระทั่งถึงโรงแรม DHAMMA GRAND HOTEL & RESORT เป็นเวลา ๓ ทุ่มครึ่งเมืองไทยแล้ว เข้าถึงที่พักก็ยังต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน แถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นตี ๕ ฉันเช้า ๖ โมง และออกเดินทางตอน ๗ โมงของประเทศอินเดียอีก จึงต้องรีบบันทึกเสียงเอาไว้ก่อนที่จะเข้านอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
หาญชัย

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว