|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
| สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ สถานการณ์น้ำท่วมปักษ์ใต้ แม้ว่ายังหนักหนาสาหัสอยู่ แต่ว่าในส่วนของตัวเมืองหาดใหญ่เริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว คราวนี้ "ถ้าน้ำลด ตอก็ย่อมผุด" เป็นธรรมดา พวกเราแค่ฟังเอาไว้เท่านั้นก็พอ อย่าได้ไปใส่อารมณ์ตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เช่นนั้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะกินใจของเราเอง ขาดทุนเสียเปล่า ๆ..!
ส่วนที่ต้องชื่นชมก็คือการประสานงานของคณะสงฆ์ภาค ๑๖ ภาค ๑๗ และภาค ๑๘ ซึ่งดูแลทางปักษ์ใต้ การติดต่อประสานงานที่ดี ทำให้สามารถกระจายความช่วยเหลือไปได้หลายจังหวัด ไม่ใช่ไปประดังอยู่ในที่เดียว อย่างเช่นว่าของคณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสงคราม ก็ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยที่จังหวัดพังงา ของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยที่จังหวัดสตูล เหล่านี้เป็นต้น ถ้าหากว่าไม่มีการประสานงานที่ดีแบบนี้ บางทีความช่วยเหลืออาจจะไปกระจุกตัวอยู่ในสถานที่เดียว ส่วนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือก็จะมีอีกมาก ส่วนที่ได้รับการช่วยเหลือกลายเป็นว่าข้าวของมากจนเกินต้องการ ดีไม่ดีก็เสียหาย หรือไม่ก็ต้องทิ้งเสียเปล่า ๆ..! ต้องขอชมเชยมา ณ ที่นี้ว่า คณะสงฆ์หนใต้ทำการประสานงานได้ยอดเยี่ยมมาก ที่กระผม/อาตมภาพรู้ข่าวพวกนี้ ก็เพราะว่าช่วยเหลือเขาไปทุกกลุ่ม ใครก็ตามเริ่มขยับตัว ก็เข้าไปมีส่วนช่วย โอนเงินไปให้บ้าง ส่งของไปให้บ้าง ส่งกำลังใจไปให้บ้าง เรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น ต้องนึกถึงพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า "คนที่เดือดร้อนนั้นรอไม่ได้" ไม่ใช่คุณจะประชุมอีกสองวันแล้วค่อยไปช่วยเหลือ หากแต่ต้องลงมือตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย ถึงจะบรรเทาความเดือดร้อนของเขาได้อย่างแท้จริง หลักการเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วบรรดาข้าราชการของเรามักจะแกล้งโง่ เพราะว่าถ้าหากทำไปตั้งแต่ต้น บุคคลจะได้รับความเดือดร้อนน้อย ไม่มีใครออกมาเอะอะโวยวาย ก็จะเบิกงบฯ ฉุกเฉินได้น้อย เพราะว่าไม่มีข้ออ้าง ไม่มีหลักฐานให้เบิกได้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2025 เมื่อ 01:45 |
| สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
ต้องบอกว่าประเทศของเราสามารถที่จะคอรัปชั่นได้ในทุกสถานการณ์ ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษ..! แต่ขณะเดียวกัน บ้านเราก็อุดมสมบูรณ์เหลือเฟือ มอดปลวกรุมกันแทะมากมายขนาดนั้น ก็ยังอุตส่าห์เจริญขึ้นมาใกล้เคียงเพื่อนบ้านได้ ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"
เพียงแต่ว่าจะก่อนสถานการณ์ หรือว่าหลังสถานการณ์ก็ตาม ถ้าเรามีความเตรียมพร้อม ก็จะเดือดร้อนน้อยกว่าคนอื่น หรือเดือดร้อนช้ากว่าคนอื่น อย่างเช่นว่าถ้าเรามีการเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคเอาไว้ ต่อให้ความช่วยเหลือมาถึงช้าแค่ไหนก็ตาม เราเองก็สามารถที่จะดูแลตัวเองไปได้ในระยะหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพเคยปรึกษาหารือกับพรรคพวกเพื่อนฝูงว่า ถ้าเราจะเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ควรที่จะมีอะไรบ้าง ? ทุกคนออกมาในแนวเดียวกันก็คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แต่มีอยู่รายหนึ่งบอกว่า "อาวุธและกระสุน" ถามว่าทำไมต้องอาวุธและกระสุน ? เขาบอกว่าถ้าถึงตอนนั้น คนอื่นเดือดร้อนกันหมด แล้วเราสบายอยู่คนเดียว โปรดระวังด้วย..เขาไม่มีเสบียงอาหาร แล้วเห็นว่าเรามี เขาก็จะปล้นเอา..! ตรงนี้ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล" อีกเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าความจริงเป็นเช่นนั้น อย่าลืมว่ามนุษย์เราก็คือสัตว์ประเภทหนึ่ง ในหมู่สัตว์นั้น ผู้ที่แข็งแรงเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ทำให้นึกถึงบาลีที่ว่า อาหาระนิททัง ภะยะเมถุนัญจะ สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง อาหาร คือ การกิน นิททัง คือ การนอน ภะยะ คือ ความกลัวภัย เมถุนะ คือ การเสพกาม สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง ก็คือ เป็นสิ่งที่เสมอกันทั้งคนและสัตว์ทั้งหลาย ธัมโมหิ เตสัง อะธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นที่ทำให้เกิดความแตกต่างกันไป ธัมเมนะ วีณา ปะสุภิสสะมานา ดังนั้น..ธรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกคนและสัตว์ทั้งหลายออกจากกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2025 เมื่อ 01:48 |
| สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
ก็แปลว่ามนุษย์เราถ้าไม่มีศีลไม่มีธรรม ก็เหมือนกับสัตว์ดี ๆ นี่เอง กิน ถ่าย นอน สืบพันธุ์ แล้วก็แย่งชิงทรัพยกรกัน รบราฆ่าฟันจนตายกันไปนับไม่ถ้วนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่มีผู้รู้เขาสรุปเอาไว้ว่า "แย่งอาหารกิน แย่งถิ่นที่อยู่ แย่งคู่สวาท แย่งอำนาจปกครอง"
ในเรื่องของการแย่งอาหาร หรือสถานที่อุดมสมบูรณ์ พอที่จะหล่อเลี้ยงคณะของตนได้ เราต้องดูบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าทางประเทศจีนหรือมองโกเลีย ที่ต้องอพยพหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์อยู่ทุกปี คราวนี้ถ้าจะสร้างจะเสริมเองก็เป็นเรื่องที่ยาก ต้องอาศัยเวลานาน ก็เลยไปฉกชิงจากเผ่าอื่นที่อ่อนแอกว่า..! แย่งถิ่นที่อยู่ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน ตัวอย่างที่ชัด ๆ ก็คือพวกอเมริกันแย่งที่อยู่ของอินเดียนแดง จนกระทั่งปัจจุบันนี้เจ้าของที่แทบจะไม่เหลือเผ่าพันธุ์เอาไว้แล้ว ส่วนคนไปแย่งที่อยู่เขา ทุกวันนี้ก็อ้างสิทธิมนุษยชนทุกอย่าง แต่ก็ก่อสงครามไปทุกที่เหมือนกัน..! แย่งคู่สวาท บางทีก็เข่นฆ่ากันล้มตายเป็นร้อยเป็นพัน หรือแม้กระทั่งในครอบครัว พ่อลูกก็ฆ่ากันเอง ตัวอย่างโบราณ ๆ หน่อยก็ "เฮเลนแห่งทรอย" ศึกกรุงทรอยที่รบกันแทบเป็นแทบตาย เกิดจากผู้หญิงคนเดียว จนกระทั่งมี "ม้าโทรจัน" ซึ่งทำให้สามารถตีกรุงทรอยแตกได้ หรือไม่ก็มายุคสมัยต่อมาอย่าง "หยางกุ้ยเฟย" เป็นภรรยาของพ่อแล้วต้องไปเป็นภรรยาของลูก แทบจะรบราฆ่าฟันกันเองในครอบครัวก็เพื่อผู้หญิงคนเดียว..! ข้อสุดท้าย แย่งอำนาจปกครอง ดูบ้านเราก็รู้เรื่อง โดยเฉพาะนักการเมือง เขาถือว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เนื่องเพราะว่าเพื่อให้ได้อำนาจมา สามารถที่จะผสมพันธุ์กับทุกพรรคได้ ไม่ต้องไปสนใจว่าแนวทางหรือนโยบายพรรคจะไปกันได้หรือไม่ ? สนใจอยู่อย่างเดียวว่าจะได้ประโยชน์เท่าไร ? หรือว่า จะรักษาอำนาจไว้ได้หรือไม่ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2025 เมื่อ 01:50 |
| สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย หากว่าเห็นภัยในวัฏสงสาร ไม่ว่าจะเรื่องความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติของพี่น้องทุกภาค หรือว่าทั่วโลกก็ตาม หรือกระทั่งตนเองที่ทุกวันนี้ก็ยังทุกข์ยากลำบากอยู่ ลองถามตัวเองว่า "อยากที่จะหลีกหนีจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้หรือไม่ ?"
เคยมีสักชั่วขณะจิตหรือไม่ ? ที่คิดอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ว่า "หลักธรรมซึ่งเป็นเหตุให้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีอยู่ หลักธรรมที่ทำให้ ไม่เกิด ไม่ตาย ก็ต้องมีอยู่ด้วย" แล้วพระองค์ท่านก็เสด็จออกบรรพชา แสวงหาหลักธรรมด้วยความทุกข์ทรมานอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ จึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เราท่านทั้งหลายที่เป็นพุทธบริษัท ได้เดินตามแนวทางแห่งศีล สมาธิ ปัญญา ที่พระองค์ท่านชี้ทางให้หรือไม่ ? หรือว่าอยู่หายใจทิ้งไปวัน ๆ ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่พูดได้ บอกได้ แต่การตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่ อยู่ที่ตัวท่านทั้งหลายจะตัดสินใจและกระทำด้วยตนเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2025 เมื่อ 01:52 |
| สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|