เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ขอแสดงความห่วงใยและแสดงความเสียใจกับญาติโยมทางภาคใต้ โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ ที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินบ้าง ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมใหญ่บ้าง

กระผม/อาตมภาพได้ร่วมกับคณะสงฆ์หนใต้ ในการเปิดโรงทานเพื่อเลี้ยงผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ ขอบารมีพระท่านอนุเคราะห์สงเคราะห์ ถ้าหากว่าเป็นไปได้ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย ในส่วนของทรัพย์สินจะเสียหายอย่างไร ก็สามารถที่จะหาใหม่ได้อยู่แล้ว

อีกส่วนหนึ่งก็คือวันนี้กระผม/อาตมภาพได้โอนเงินของวัดท่าขนุน เพื่อร่วมสร้างหอพักนักเรียนหญิงบ้านไกล โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาให้กับทางโรงเรียนไปก่อน เพื่อที่จะได้ทำการเปิดประมูลก่อสร้างได้ทัน เนื่องเพราะว่าท่านองคมนตรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ขอให้ทำการวางศิลาฤกษ์ภายในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๘ นี้ จากจำนวนเงินที่โรงเรียนต้องใช้ก็คือ ๒,๔๐๖,๐๐๐ บาท

ต้องเจริญพรขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่าน ที่ร่วมกันบูชาวัตถุมงคลและโอนมาร่วมงานมาโดยไม่รับวัตถุมงคลในครั้งนี้ ในขณะที่คนของเราเดือดร้อน ในส่วนของบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ จะเก่าหรือใหม่ก็ตาม เราท่านทั้งหลายก็ได้สร้างในส่วนที่เป็นบุญเป็นกุศล ซึ่งจะส่งผลให้ท่านทั้งหลายประสบความสุขความเจริญต่อไปในภายหน้า ต้องขออนุโมทนากับทุกท่านเป็นอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้

อีกส่วนหนึ่งเป็นงานรับปริญญาของบรรดานิสิต ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิต มหาบัณฑิต หรือว่าดุษฎีบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งได้ขอการสนับสนุนมาทุกรูปแบบ ตอนนี้กระผม/อาตมภาพร่วมเป็นเจ้าภาพในงานเจริญพระพุทธมนต์ฉลองปริญญา และเป็นเจ้าภาพอาหารและน้ำให้กับคณะกรรมการฝ่ายดูแลการจราจร ซึ่งจะเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบงานหนักหน่วงที่สุด

เนื่องเพราะว่ารถยนต์เป็นหมื่นคัน จะต้องแห่กันไปชนิดข้ามวันข้ามคืน ต้องมีการแยกแยะว่าส่วนไหนควรที่จะจอดอยู่โซนไหน ก่อนหน้านี้ก็สับสนวุ่นวายมาก จนกระทั่งได้ท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ลงไปช่วยจัดระบบให้ โดยเฉพาะลงไปอำนวยการด้วยตนเองทุกครั้ง จึงทำให้ทุกอย่างสะดวกและคล่องตัวขึ้น

[เถรี]

แต่เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมคำโบราณที่ว่า "กองทัพเดินได้ด้วยท้อง" ดังนั้น..ฝ่ายการจราจรทำหน้าที่อย่างหนัก อดหลับอดนอนข้ามวันข้ามคืน กองหนุนอย่างกระผม/อาตมภาพก็ต้องสนับสนุนในเรื่องอาหาร น้ำดื่ม กาแฟ เหล่านั้นเป็นต้น

อีกไม่นานก็น่าจะมีหนังสือขอความอุปถัมภ์ในภาพรวม จากท่านอธิการบดี พระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาถึง เนื่องเพราะว่าการจัดงานในลักษณะนี้ แค่อาหารเลี้ยงคนก็ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาทอยู่แล้ว

ปีที่แล้วกระผม/อาตมภาพช่วยเลี้ยงพระเลี้ยงคนไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท ปีนี้กำลังรออยู่ว่าจะมีเงินเหลือเท่าไร เนื่องเพราะว่าทุกอย่างมาประดังลงตรงนี้พอดี เมื่อไอ้ตัวเล็กส่งเงินในกระทู้รักษ์ธรรมรักษ์ไทยมา ก็ต้องโอนกลับไปเข้าบัญชีวัดอีก ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างวุ่นวายและโดนกล่าวหาว่าทุจริตได้ง่ายที่สุด แต่ก็ต้องทำเพื่อความคล่องตัวของงาน

บรรดาเด็ก ๆ เมื่อรู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าขนุน สนับสนุนเงินส่วนที่ขาดอยู่ เพื่อให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีที่พักทันกับปีการศึกษาที่จะมาถึง แต่ละคนก็ดีอกดีใจ และแสดงเจตนารมณ์ในการที่จะขอเข้าพัก กระผม/อาตมภาพเองยังหนักใจ เนื่องเพราะว่าจากเดิมที่นักเรียนหญิงพักอยู่กับโรงเรียน ๘๐ คน ปัจจุบันนี้เพิ่มเป็น ๑๒๑ คนแล้ว..! ต้องบอกว่าแทบจะนอนซ้อนกันแล้ว แต่ก็ต้องยอมลำบากเพื่อความสบายต่อไปในคราวหน้า พูดง่าย ๆ ว่ามาเพื่อจองที่เอาไว้ก่อน ถึงเวลาอาคารหอพักใหม่เสร็จ จะได้รับการจัดสรรให้เข้าพักก่อนคนอื่นเขา

ถ้าทุกท่านได้เห็นห้องพัก บางทีก็ยังสงสัยว่าเด็ก ๆ เขาอยู่กันได้อย่างไร ? เพราะว่าห้องพักทั้งห้องวางฟูกเต็มไปหมด เท่ากับมีพื้นที่คนละแผ่นฟูกเดียวเท่านั้น..! แล้วจะว่างอยู่ช่องเดียวก็คือตรงประตูที่เปิด แปลว่าทุกตารางนิ้วได้รับการใช้งานอย่างคุ้มค่า

ต่อไปกระผม/อาตมภาพอาจจะต้องหาเงินให้เด็ก ๆ ซื้อเตียงสองชั้น สามชั้น เพื่อที่จะได้พักกันมากขึ้น แต่ถ้าอย่างนั้นภาระในเรื่องอาหารเลี้ยงเด็กก็จะหนักกว่าเดิม แล้วก็คงไม่แคล้ววัดท่าขนุนจะต้องเข้าไปดูแลสนับสนุนตรงนี้อีก แต่ก็เป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระทำ

[เถรี]

เนื่องเพราะว่าการให้โอกาสทางการศึกษา ก็คือการเปิดทางชีวิตให้กับผู้คน ถ้าท่านได้ยินสิ่งที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ฐานิสฺสรมหาเถระ ป.ธ. ๙ อดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร เคยให้โอวาทพวกกระผม/อาตมภาพอยู่บ่อย ๆ ว่า "นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้"

ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ ในเรื่องของการศึกษา เราท่านต้องพยายามศึกษาเรียนรู้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อถึงเวลาเขาต้องการคุณสมบัติใด ถ้าเรามีเกิน ก็ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้ามีไม่พอ เดี๋ยวก็ต้องมาเรียนตอนแก่แบบกระผม/อาตมภาพอีก..!

ในเรื่องของการช่วยเหลือคณะญาติโยมต่าง ๆ เป็นภาระหน้าที่ซึ่งพระสังฆาธิการต้องปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะว่าหน้าที่ซึ่งระบุไว้ชัด ตามกฎมหาเถรสมาคม และรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ ก็คือ

ด้านการปกครอง ได้แก่ การดูแลวัดวาอารามให้สะอาด สว่าง สงบ และดูแลพระภิกษุสามเณร ให้มีความเรียบร้อยดีงาม

ด้านการศาสนศึกษา นอกจากตนเองต้องศึกษาแล้ว ยังต้องช่วยเหลือการศึกษาของพระภิกษุสามเณรทั่วไปอีกด้วย ถ้าอย่างของวัดท่าขนุน พระภิกษุสามเณรในอำเภอทองผาภูมิต้องการจะศึกษา ขอให้เข้าเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ กระผม/อาตมภาพจะถวายค่ารถรูปละ ๓,๐๐๐ บาททุกเดือน พูดง่าย ๆ ก็คือ นอกจากพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนแล้ว ที่เหลือก็ส่งพระเณรเรียนทั้งอำเภอ..!

ด้านการเผยแผ่ ก็คือการที่เราศึกษาเล่าเรียนแล้ว นำเอาความรู้ในด้านธรรมะไปปฏิบัติจนเกิดผลแล้วนำไปสอนต่อ ซึ่งตรงนี้เป็นภาระอันใหญ่ยิ่ง เนื่องเพราะว่าถ้าจะปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาให้เกิดผลอย่างแท้จริง ก็ต้องบรรลุมรรคบรรลุผลกันไปเลย ในเมื่อพวกเรายังไม่บรรลุ วิธีที่ดีที่สุดก็คืออย่าสอนออกนอกแนวของพระไตรปิฎก สิ่งหนึ่งประการใด อย่าได้ใช้อัตโนมติในการตัดสินความและสั่งสอน เพราะว่าถ้าผิดพลาดไปจากพระไตรปิฎก เท่ากับเราทำคนให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งจะมีโทษหนักมาก เพราะว่าสิ่งที่ทำกลายเป็นคัดค้านคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..!

[เถรี]

ต่อไปก็คือ ด้านการสาธารณูปการ ต้องดูแลบูรณปฏิสังขรณ์ ทำความสะอาดวัดวาอาราม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย สวยงาม ญาติโยมเห็นแล้วอยากที่จะเข้าวัด

ด้านต่อไปคือ การศึกษาสงเคราะห์ อย่างที่วัดท่าขนุนทำก็คือให้ทุนการศึกษาทุกระดับ และทุกโรงเรียนในอำเภอทองผาภูมิ ไม่ว่าจะเป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งได้เปิดกระทู้ในเว็บไซต์วัดท่าขนุนให้ญาติโยมได้ร่วมบุญอยู่เสมอ เพราะว่าแต่ละปีใช้เงินหลายล้านบาท..!

ต่อไปก็คืองานด้านสาธารณสงเคราะห์ อย่างเรื่องของน้ำท่วม ไฟไหม้ ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้ป่วยติดเตียง เหล่านั้นเป็นต้น

ก็แปลว่างานของพระสังฆาธิการ ก็คือฝ่ายปกครองพระภิกษุสามเณร ตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาส ขึ้นไปจนถึงเจ้าคณะทุกระดับ เท่ากับว่ากฎระเบียบของทางพระบังคับเราให้ต้องทำอยู่แล้ว

แต่เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายทำแล้ว ก็ต้องไม่ลืมรักษากำลังใจตนเองด้วย ต้องมีสติคอยระมัดระวัง รู้ตัวอยู่เสมอ อย่าให้การงานตรงหน้าพาเราเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมา ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหว ให้รีบไปนั่งภาวนาให้ใจสงบก่อน ไม่เช่นนั้นถ้ากิเลสปะทุขึ้นมา เราจะเสียผล หรือกำลังใจเสียหายไปหลายวัน บางคนก็เสียหายไปเป็นเดือนเป็นปี..!

อย่างที่ทุกท่านก็เห็นอยู่ว่าครูบาอาจารย์ใหญ่ของอำเภอทองผาภูมิเรา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นที่อิดหนาระอาใจของพระสังฆาธิการทุกรูป จากอดีตพระสายวัดป่า ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไปเผลอปล่อยให้กิเลสตีกลับ เสียผู้เสียคนอย่างที่ทุกท่านเห็น ในเมื่อมีตัวอย่างแล้ว ก็ต้องรู้จักระมัดระวัง ดูตัวเองให้ออก บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เห็นตัวเองให้ชัด แล้วขัดเกลาแก้ไขไปให้เต็มกำลังความสามารถของเรา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)