|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
|
| สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อที่จะกราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อพระพุทธชินสีห์ และหลวงพ่อพระศรีศาสดา พร้อมทั้งหลวงพ่อเหลือ หรือในนามเป็นทางการก็คือพระเสสันตปฏิมา ซึ่งเป็นโลหะที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อองค์ใหญ่ทั้ง ๓ องค์ แล้วทางช่างได้นำมาหล่อเป็นพระพุทธรูปองค์เล็ก หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้วอีก ๑ องค์ ซึ่งเป็นที่นิยมในการสักการะของประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะนามหลวงพ่อเหลือนั้น ถือว่าเป็นมงคลตรงที่ว่า "เหลือกินเหลือใช้"
กระผม/อาตมภาพทำการบูชาบายศรี ๑ คู่ เข้าไปกราบถวายสักการะหลวงพ่อพระพุทธชินราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หลังจากที่สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ เจริญพระกรรมฐานแล้ว ก็อุทิศส่วนกุศลถวายแด่เทพเจ้าที่รักษาประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นพระสยามเทวาธิราชทุกพระองค์ เทวดารักษาศาลหลักเมืองทุกแห่ง พร้อมทั้งบริวาร เทพเจ้าที่รักษาองค์ในหลวง สมเด็จพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนกระทั่งเทพเจ้าที่ปกปักรักษาตนเองและพระยายมราช เมื่ออุทิศส่วนกุศลเสร็จสรรพและขอให้ท่านทั้งหลายเป็นพยานแล้ว ก็ได้เวลาหาภัตตาหารเพื่อฉันเพล เนื่องเพราะว่าการเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกในระยะนี้ เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างจะลำบาก เพราะว่าหนทางโดนปิดซ่อมเป็นระยะ ๆ ไป คาดว่ากว่าจะเข้าสู่สภาพปกติก็น่าจะอีก ๒ ปีเป็นอย่างน้อย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วงบประมาณที่สร้างถนน ซ่อมถนนเหล่านี้ มักจะเป็นงบผูกพัน ที่อยู่ในปีงบประมาณนี้ แล้วต่อเนื่องปีงบประมาณต่อ ๆ ไป การที่มีการซ่อมการสร้างถนนทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นสาเหตุในการทุจริตได้ทั้งสิ้น แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ตึกเพิ่งจะถล่มไป กลายเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีการทำงานโปร่งใสที่สุด กระผม/อาตมภาพได้ยินประกาศแล้วยังออกอาการ "น้ำตาจิไหล"..! ในช่วงการเดินทางกลับ ได้ฉวยโอกาสแวะส่งคนป่วยหาหมอตามปกติ ปรากฏว่าคุณหมอเพิ่งกลับมาจากอินเดียเมื่อคืนนี้เอง ยังดีที่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ สามารถช่วยดูแลคนป่วยให้ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2025 เมื่อ 01:10 |
| สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
ส่วนที่จะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือ ในเรื่องของการเป็นเจ้าภาพสร้างหอพักหญิงนักเรียนบ้านไกล โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ที่กระผม/อาตมภาพกัดฟันขนเอาของรักของหวงออกมา ก็คือเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่ม ๒ รุ่น รุ่นแรกนั้นหายากที่สุด ก็คือรุ่นที่เลี่ยมเงิน เพราะว่าโดยปกติเบี้ยแก้รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ ซึ่งมีทั้งแบบเลี่ยมเงินและเลี่ยมทอง โดยที่ท่านไม่ให้ถักเชือกหุ้ม เพื่อที่จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่าหุ้มด้วยโลหะมีค่า
เบี้ยแก้หุ้มทองนั้น ส่วนใหญ่บรรดาเถ้าแก่ร้านทอง เถ้าแก่โรงสีเหมาไปหมด แล้วลูกหลานทั้งหลายก็เอาไปเลี่ยมทองหุ้มอีกทีหนึ่ง ติดตัวกันมาเป็นของประจำตระกูล ดังนั้น..ถือว่าเป็นรุ่นที่เหลือน้อยที่สุด และหายากที่สุด เนื่องจากทำในจำนวนที่ไม่มาก และราคาตอนนั้นก็ค่อนข้างจะแพง อีกรุ่นหนึ่งก็คือรุ่นที่เคลือบยางมะพลับ ไม่ใช่ชุบรักแบบรุ่นอื่น ๆ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองสะสมมาทั้งชีวิตก็มีประมาณเท่าที่เห็น และถ้าเป็นราคาท้องตลาด ก็สูงกว่าที่ออกในเว็บวัดท่าขนุนหลายเท่า แต่เหตุที่ลดราคาลงมาก็เพื่อว่าต้องการปัจจัยไปสร้างหอพักนี่เอง แม้กระทั่งเบี้ยแก้ยุคต้น (ชุบรักหนา) ของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วก็เช่นกัน ท่านที่ได้ไปแล้วมีความเคารพมาก ก็มักจะปิดทองถวาย ส่วนหลายท่านก็นำไปใช้จนกระทั่งรักลอกหายไปด้านหนึ่ง เพราะว่าแขวนติดตัวอยู่ประจำ แล้วก็ถูกับผ้าบ้าง ถูกับกระเป๋าบ้าง จนกระทั่งรักลอกเป็นแถบ ๆ ส่วนที่จะสมบูรณ์แบบที่กระผม/อาตมภาพคัดเลือกบูชาเอาไว้นั้นหายากสุด ๆ ขอบอกว่าราคานี้จะยืนอยู่แค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น หลังจากนั้นแล้วถ้าผู้ใดต้องการ จะคิดราคาเก่า ซึ่งลองไปดูในกระทู้บอกบุญเก่า ๆ ก็จะรู้ว่าราคาขนาดไหน ? แต่ขอโทษเถอะ..ราคาที่กระผม/อาตมภาพออกให้บูชานั้น ยังต่ำกว่าท้องตลาดเป็นเท่าตัว สิ่งพวกนี้ต้องบอกว่า บางเวลาประจวบกับบุญของท่านทั้งหลาย ก็จะได้มาเจอของดีราคาถูกแบบนี้ ประมาณ "โปรโมชั่นทัวร์ไฟไหม้" อย่างไรอย่างนั้น เพราะว่าต้องการรีบนำเงินไปเข้าบัญชีของทางโรงเรียน ให้เขาสามารถเปิดประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ แล้วหาผู้รับเหมามาสร้างหอพัก ให้เสร็จทันปีการศึกษา ๒๕๖๙ ที่จะมาถึง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2025 เมื่อ 01:12 |
| สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
โดยเฉพาะในส่วนของหอพักหญิงนั้น ปัจจุบันก็แออัดยัดเยียดจนแทบจะนอนซ้อนกันอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่ามีนักเรียนหญิงประจำอยู่ที่หอพักถึง ๘๑ คนด้วยกัน แล้วนักเรียนหญิงเหล่านี้แหละ ที่กระผม/อาตมภาพร่วมกับทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยานำมาอบรมเป็นมัคคุเทศก์น้อย ๘ ภาษา ซึ่งประกอบไปด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาพม่า ภาษามอญ ภาษาม้ง ภาษาเย้า ภาษาลาว ตลอดจนกระทั่งภาษาไทย เพื่อที่ให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น ได้มีโอกาสในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น ก็คือฝึกหัดเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ในการนำนักท่องเที่ยวไปชมสถานที่ในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นการฝึกหัดให้ออกงานไปในตัว
แล้วในขณะเดียวกัน ก็ฝึกความมีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือส่วนรวมด้วย โดยเฉพาะทำให้เขาทั้งหลายเกิดความภูมิใจในท้องถิ่นของตน เมื่อถึงเวลาจบการศึกษาแล้ว จะได้มาร่วมกันพัฒนาท้องถิ่นของเราสืบไป ซึ่งโครงการมัคคุเทศก์น้อย ๘ ภาษานี้ ถือว่าเป็นโครงการหนึ่งที่ประสบความสำเร็จของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา และชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน โดยเฉพาะบรรดานักเรียนรางวัลพระราชทานที่ผ่านมาของเรานั้น ได้แสดงความสามารถทางภาษาจนกระทั่งคณะกรรมการทึ่งไปตาม ๆ กัน ก็คือพูดภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาจีน แปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้คณะกรรมการซึ่งฟังภาษาอื่นไม่ออก ก็จะได้เข้าใจ ในส่วนนี้ ถือว่าเป็นการเพิ่มความสามารถและเพิ่มโลกทัศน์ให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย อีกส่วนหนึ่งก็มีการฝึกหัดวิชาชีพต่าง ๆ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซึ่งมีทั้งเรื่องของช่างไฟฟ้า ช่างกล ช่างเทคนิค เหล่านี้เป็นต้น รุ่นแรก ๆ ที่จบไป ก็สามารถที่จะทำมาหากินในท้องถิ่นของตนได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นรุ่นต่อ ๆ ไป ก็คงจะต้องทำงานในเมืองหรือว่าในกรุงเทพฯ เพราะว่ารุ่นพี่ ๆ ได้ยึดอาชีพตัดหน้าไปแล้ว แต่ก็ยังดีตรงที่ว่าเมื่อเรียนจบแล้ว นอกจากได้วุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ยังได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือที่เรียกว่า ปวช. อีกใบหนึ่งด้วย เพียงแต่ว่าเด็กของเรานั้นต้องขยันเป็นพิเศษ และจะต้องมีโอกาสในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น..ในส่วนนี้จึงทำให้เด็ก ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีหอพัก เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2025 เมื่อ 01:15 |
| สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
ในส่วนของนักเรียนชายนั้นถือว่ารอดตัวไป เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนำชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ไปร่วมกันสร้างหอพักให้จนเสร็จสรรพเรียบร้อย โดยที่ไม่มีผู้รับเหมาท่านใดกล้าประมูล เพราะว่าเงินที่มีอยู่นั้นจำนวนน้อยมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องคิดหาวิธีสร้างประเภทลดวัสดุ แต่ต้องได้รับความแข็งแรงอยู่ในระดับเดียวกับการใช้วัสดุเต็มที่ จึงทำให้เราท่านทั้งหลายต้องบริหารสมอง และบริหารงบประมาณเป็นการใหญ่
เมื่อทำขึ้นมาแล้ว พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ยังทึ่งว่างบประมาณแค่ ๘๐๐,๐๐๐ บาท หลวงพ่อสามารถที่จะสร้างหอพักชายสองชั้น จำนวนห้องพักซึ่งรับนักเรียนได้ถึง ๑๐๐ คนนั้น ทำให้ทุกคนไม่มีใครกล้าที่จะมาประมูล เพราะมั่นใจว่าขาดทุน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ยังดีที่ว่าการที่เราทำเองนั้น สามารถที่จะปรับลด ปรับเพิ่ม ในส่วนต่าง ๆ ที่จะพึงมีพึงได้ แล้วยังมีห้องคอมพิวเตอร์เหลือให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย ในส่วนของหอพักหญิงนั้น ทางโรงเรียนไปขอแบบมาจากทางเขตพื้นที่การศึกษา จึงต้องใช้ราคากลางของทางเขต แต่ถ้าไม่สามารถที่จะประมูลได้ ก็คงจะต้องกัดฟันทำกันเองอีกเช่นกัน ต้องขออนุญาตเจริญพรขอบคุณญาติโยมทั้งหลาย ไม่ว่าท่านที่ร่วมบูชาวัตถุมงคลก็ดี ท่านที่โอนปัจจัยร่วมบุญในครั้งนี้ก็ดี ถือว่าเป็นส่วนของวิหารทานเหมือนกัน และเป็นวิหารทานที่ประกอบไปด้วยธรรมทานอีกด้วย ก็คือนอกจากเป็นที่พักที่อาศัยแล้ว ยังเป็นที่พักเพื่อการศึกษาของเด็ก ๆ ทุกท่านต้องเข้าใจว่าสังฆทานนั้น เป็นทานที่ต้องถวายเฉพาะสงฆ์ อันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พระสงฆ์ที่รับนั้นถือว่าเป็นตัวแทนของสงฆ์ทั้งหมด แต่ว่าวิหารทานและธรรมทานนั้น การให้ที่อยู่ที่อาศัย หรือว่าอาคารบ้านเรือน ตลอดจนกระทั่งห้องน้ำห้องส้วมก็ดี และธรรมทานนั้นคือการให้ความรู้ในระดับต่าง ๆ มีคุณค่าสูงต่ำต่างกันไปตามสภาพของบุคคลผู้รับอย่างหนึ่ง เนื้อหาของความรู้ที่เราให้อีกอย่างหนึ่ง จึงเป็นการให้ทานที่ไม่โดนจำกัดเขต เนื่องเพราะว่าไม่จำเป็นจะต้องถวายต่อสงฆ์ก็ได้ จึงทำให้ท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญในครั้งนี้ ได้ทั้งธรรมทาน และได้ทั้งวิหารทานในเวลาเดียวกัน ขอกุศลผลบุญนี้จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ให้เป็นผู้มีที่อยู่อาศัยอันมั่นคง มีความรู้ความสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าหากว่าปรารถนาที่จะเข้าสู่พระนิพพาน ก็ขอให้อานิสงส์ธรรมทานหนุนส่ง เสริมให้ท่านมีปัญญาญาณอันแก่กล้า สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เข้าสู่พระนิพพานได้สมความปรารถนาของทุกท่านด้วยเทอญ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2025 เมื่อ 01:17 |
| สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|