|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
| สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศก็ยังคงกระโดดไปกระโดดมา เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ช่วยดูแลสุขภาพกันตามอัธยาศัย อะไรที่ไม่ไหวก็รีบแจ้ง จะได้ส่งโรงพยาบาลช่วยดูแลให้อีกต่อหนึ่ง
ระยะนี้บ้านเราเมืองเราก็ดี ชาวโลกก็ตาม หันมามองประเทศไทยเป็นตาเดียว เนื่องเพราะว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ต้องบอกว่าเป็นยุทธศาสตร์เปลี่ยนเกมของมหาอำนาจโลกเลยทีเดียว..! เราลองนึกย้อนหลังไปถึงสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่บรรดามหาอำนาจทางยุโรป ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษหรือฝรั่งเศส ใช้วิธีบีบบังคับให้เราเซ็นสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจำนวนมาก แล้วก็เรียกร้องเอาดินแดนต่าง ๆ ของประเทศไทยไป จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงแก้เกมการเมืองโลก ด้วยการเสด็จไปเยือนยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย เมื่อมีพระบรมฉายาลักษณ์ฉายคู่กับสมเด็จพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ ๒ แห่งรัสเซียตีพิมพ์ในตะวันตก บรรดาประเทศมหาอำนาจที่กำลังบีบคั้นประเทศของเราก็ต้องถอยกันหมด เพราะไม่นึกว่าประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะคบหาสมาคมกับมหาอำนาจอย่างรัสเซียได้..! ในปัจจุบันนี้ ขณะที่บรรดาชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกาต้องการที่จะคานอำนาจกับประเทศจีน โดยเฉพาะอยากได้สถานที่ตั้งกองทัพในประเทศไทย หรือว่าในกลุ่มอาเซียนประเทศใดประเทศหนึ่ง แล้วมีการใช้ "ลูกมือ" ในการก่อกวนประเทศไทยให้เดือดร้อน เพื่อจะได้ยอมให้เขามาตั้งฐานทัพ พอในหลวงเสด็จประเทศจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงกล่าวแค่ประโยคเดียวว่า "ประเทศไทยเป็นเพื่อนที่ไว้วางใจได้มากที่สุดในอาเซียน" เท่านั้นเอง บรรดาลูกน้องอเมริกาก็กลับลำ ๑๘๐ องศาไปตาม ๆ กัน..! เรื่องประเภทนี้ต้องบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินี จำเป็นต้องเสด็จโดยพระองค์เอง เนื่องเพราะว่าต่อให้นายกรัฐมนตรีของไทย ยกคณะรัฐมนตรีไปทั้งคณะ ประเทศจีนก็ไม่ "ให้ราคา" แบบนี้..! โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่บรรดาผู้สื่อขาวทั่วโลก กล่าวถึงเหมือน ๆ กันก็คือ ความงามสง่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยเฉพาะความรู้กาลเทศและผสานวัฒนธรรมไทย - จีนเข้ากันเป็นอย่างยิ่ง ในการแต่งองค์ของสมเด็จฯ พระบรมราชินี ได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก ทำเอาคนรุ่นเก่า ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพไปนึกถึงคำว่า "ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น" ก็คือ การที่ต้องมีผู้ปกครองเป็นหลักชัย เป็นมิ่งขวัญของแต่ละประเทศชาตินั้น เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:55 |
| สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
กฤษฎากร (วันนี้), คนไกลบ้าน (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้), สุพรรณหงส์ (วันนี้)
| ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
อีกส่วนหนึ่งทำให้นึกถึงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยอ่านกันหรือไม่ ? ที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า "เมืองใดไม่มีทหารหาญ เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า" ก็คือต้องเป็นทาสคนอื่นเขา
ปัจจุบันนี้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า "ทหารมีไว้ทำอะไร ?" ส่วนไอ้พวกที่กล่าวว่า "ทหารมีไว้ทำอะไร ?" ก็พลิกลิ้นกันอุตลุด ลองคิดดูว่าประเทศไทยเราใหญ่กว่าประเทศเขมร ขนาดมีทหารอยู่ อีกฝ่ายซึ่งมีมหาอำนาจหนุนหลังยังไม่ให้ความเกรงใจ สนธิสัญญาทุกฉบับไม่มีประโยชน์ เซ็นก็เซ็นไป แต่กูจะทำอย่างนี้..! "เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน" ก็คือถ้าไม่มีสุดยอดผู้นำอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือว่านายกรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดีที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ช้าก็จะพาประเทศเดือดร้อนอย่างประเทศยูเครน..! "เมืองใดไม่มีพาณิชย์เลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน" ต้องบอกว่าประเทศไทยเราสร้างบุญเอาไว้ดีมาก คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์มาได้ตรงเวลา ภาษาเก่าเขาบอกว่า "ทันฟืนทันไฟ" มาก ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบีบคั้นทุกประเทศ โดยเฉพาะไทยเราทุกวิถีทาง โดยการขึ้นภาษีการค้า เพื่อหวังให้มีการต่อรองเจรจา แล้วตนเองจะได้ขอมาตั้งฐานทัพในประเทศไทย คุณศุภจีไม่สนใจ "มึงจะไม่ซื้อกูก็ไม่ว่า" ขายข้าวให้สิงคโปร์ ๑ แสนตัน ขายข้าวให้จีน ๕ แสนตัน เจรจาการค้ากับรัสเซีย เจรจาการค้ากับสวีเดน ทำเอาสหรัฐไปไม่เป็น เพราะว่าปกติมีแต่คนกลัว แล้วก็ยอมตั้งโต๊ะเจรจา คุณศุภจีไม่ได้กลัว ไม่ด่า ไม่โต้ตอบ "มึงปิดทางนี้ กูขายทางโน้น" ลองนึกดูว่าถ้าลำพังรัฐมนตรีของเราทั้งหมด ก็คงต้องไปกราบก้นโด่ง ยอมเจรจากับเขาแต่โดยดี..! "เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม" ดูเขมรก็รู้ ก็อปปี้ไทยทุกอย่าง แล้วดูสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์แต่ละชุด คนเขาฮือฮากันไปทั้งโลกว่า เป็นวัฒนธรรมที่ผสานไทยกับจีนอย่างลงตัวและสง่างามสุด ๆ..! "เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม" ก็คือถ้าหากว่าไม่มีนักเขียนที่มีความสามารถ ก็จะไม่มีรากฐานเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้รับการจดจารจารึกไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรอง อย่างที่ทางการจีนเขายกบรรดาสุภาษิตต่าง ๆ มาเจรจาความเมืองกัน แม้กระทั่งความว่า "หวงโฮ่ว" หรือที่คนไทยเรียกว่า "ฮองเฮา" คำเดียว ก็เท่ากับให้เกียรติและยกย่องสมเด็จฯ พระบรมราชินีอย่างถึงที่สุด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:59 |
| สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
กฤษฎากร (วันนี้), คนไกลบ้าน (วันนี้), เทิด (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้), สุพรรณหงส์ (วันนี้)
| ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
"เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นหมดความภูมิใจ" ลงตรงสมเด็จฯ พระบรมราชินีเป๊ะเลย สมัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวทุกประเทศยกให้เป็น "สมเด็จพระบรมราชินีที่งดงามที่สุด" ปัจจุบันตำแหน่งนี้น่าจะมาลงที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินีในรัชกาลปัจจุบัน..!
เรื่องพวกนี้เราต้องเข้าใจว่า หลายสิ่งหลายอย่าง บางทีคนที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จะไม่เห็นคุณค่า แต่ถ้าถึงเวลา สิ่งนั้นเปล่งคุณค่าออกมาเมื่อไร จะกลายเป็นที่ยอมรับไปโดยปริยาย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คนรุ่นหลัง ๆ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นว่า ความสำคัญของประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ก็ดี ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งอุปนิสัย ทำให้ประเทศของเรากลายเป็นประเทศที่คนต่างชาติกล่าวถึง และอยากมาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น..เราท่านทั้งหลายที่เห็นในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกับท่านก็คือ ความอดทนอดกลั้นตามหลักทศพิธราชธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ใครจะกล่าวร้าย ใครจะด่าว่าอย่างไร พระองค์ท่านไม่ได้สนใจ ทรงทำหน้าที่แบบ "ปิดทองหลังพระ" มาโดยตลอด แต่รู้สึกว่าการเสด็จประเทศจีนในครั้งนี้ ทองที่ปิดไว้หลังพระ จะเริ่มล้นออกมาหน้าพระให้คนเห็นแล้ว..! ดังนั้น..ในส่วนของบรรดารัฐมนตรีก็ดี ข้าราชการประจำก็ตาม ถ้าไม่ใช่ไร้สมองจริง ๆ ก็คงจะรู้แล้วว่าหลักชัยของประเทศไทยที่แท้จริงคืออะไร ? ย่อมเห็นแล้วว่าการวางตัวคนให้ตรงกับงานนั้นสำคัญอย่างไร ? ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ ฉวยโอกาส "ตีเหล็กที่กำลังร้อน" ถ้าหากว่าเราสามารถทำให้นานาอารยประเทศยอมรับได้ ต่อให้อายุของรัฐบาลสั้นแค่ไหนก็ตาม ก็ย่อมเป็นที่จดจำของบุคคลไปชั่วกาลนาน..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:03 |
| สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
กฤษฎากร (วันนี้), คนไกลบ้าน (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้), สุพรรณหงส์ (วันนี้)
| ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|