|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
| สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ไม่ทราบเหมือนกันว่าการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้นั้น จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ? เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพต้องควักกระเป๋า ๓๖,๙๐๐ บาท ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่..!
เหตุก็เพราะว่าตอนที่อยู่ในประเทศภูฏานนั้น อยู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็มีเส้นสีเขียวปรากฏขึ้นมา ๑ เส้น พยายามฝืนทนใช้มา เพราะได้ยินว่าเป็นเรื่องปกติของโทรศัพท์ยี่ห้อนี้ ที่ในลักษณะหลัง ๆ จะอยู่ในลักษณะที่เรียกกันว่า "หน้าจอไหม้" แต่ปรากฏว่าใช้มาจนถึงวันนี้ เส้นสีเขียวที่เป็นรอยไหม้นั้นเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้ก็เป็น ๔ เส้นแล้ว บรรดาลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดบอกว่า "ถ้าหลวงพ่อไม่รีบเปลี่ยนเครื่องใหม่ อาจจะเสียหายจนไม่สามารถโยกย้ายข้อมูลได้..!" กระผม/อาตมภาพที่เป็นนักอนุรักษ์นิยมจนลือชื่อ ก็คือถ้าของเก่าไม่พังคามือ ก็ไม่เปลี่ยนของใหม่ โดนลูกศิษย์ขู่จนขวัญหนีดีฝ่อ จึงต้องควักกระเป๋าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ แล้วก็ให้บรรดาลูกศิษย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ทำการถ่ายโอนข้อมูลต่าง ๆ ข้ามมาเครื่องใหม่ ไม่นึกเหมือนกันว่าจะใช้เวลาเนิ่นนานขนาดนั้น เนื่องเพราะว่าทุกครั้ง กระผม/อาตมภาพก็มีหน้าที่ใช้อย่างเดียว แต่วันนี้ต้องมานั่งดูเขาทำการโยกย้ายข้อมูล แล้วก็ยังคิดว่า ถ้าให้กระผม/อาตมภาพทำเองก็มีหวังโยนเครื่องทิ้งไปเลย..! เนื่องเพราะว่าเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก ไม่ว่าระบบการใช้งานของอะไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็จะพยายามค้นหาช่องทางการใช้ที่ง่ายดายที่สุด หรือแม้กระทั่งการเรียนการศึกษา ก็พยายามที่จะใช้แนวคิด หรือว่าคำพูดที่ง่ายที่สุดในการบอกกล่าวต่อผู้อื่น แม้กระทั่งตอนที่เรียนปริญญาเอกอยู่ มีวิชาหนึ่งซึ่งครูบาอาจารย์จะสอนให้เราคิด มีสารพัดวิธีการคิด ก็คือการคิดชั้นเดียว การคิดสองชั้น การคิดสามชั้น การคิดแบบตรรกะ การคิดแบบนอกกรอบ สารพัด ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองนั้นไม่สามารถที่จะทำคะแนนเต็ม ๕ ได้เลยสักชั่วโมงเดียว เนื่องเพราะว่าจะหาวิธีที่ง่ายที่สุดในการคิดเสมอ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:40 |
| สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
จนครูบาอาจารย์บอกว่า ทำไมท่านไม่รู้จักโยนความคิดอนุรักษ์เก่า ๆ ทิ้งไป แล้วมาใช้วิธีใหม่ ? ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เถียงกลับไปว่า "วิธีใหม่ของท่านอาจารย์เสียเวลามาก แล้วก็ไม่ได้อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม" เนื่องเพราะว่าคำตอบก็ออกมาเป็นคำตอบเดียวกันกับของกระผม/อาตมภาพ..!
พูดง่าย ๆ ก็คือถ้ากระผม/อาตมภาพใช้เวลา ๑ นาทีในการหาคำตอบ วิธีการของท่านอาจารย์จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๑๕ นาที กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเสียเวลาไปทำอะไร ? แต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านถือว่าเมื่อเรียนปริญญาเอกแล้ว คุณต้องรู้จักทำของง่ายให้ยาก แต่กระผม/อาตมภาพถนัดในการทำของยากให้ง่าย กลายเป็นสวนทางกับความต้องการของครูบาอาจารย์ ท่านยอมปล่อยผ่านให้จบมาได้ ก็ถือว่าเป็นความเมตตาอย่างสูงแล้ว..! วันนี้กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมงานวันบูรพาจารย์วัดน้อย ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น เขาจะจัดงานเป็นสองช่วง ก็คือช่วงการทอดกฐินงานหนึ่ง การจัดงานทำบุญอุทิศถวายบูรพาจารย์ของวัดอีกงานหนึ่ง เมื่อท่านพระครูสามารถ - พระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) มาเป็นเจ้าอาวาส ก็ทำการรวบสองงานเข้ามาเป็นงานเดียว แต่ก็ยังจัดเป็นสองวันอยู่ดี ก็คือวันแรกเป็นการทอดกฐินประจำปีนั้น วันที่สองจัดงานถวายบูรพาจารย์ของปีนั้น พูดง่าย ๆ ว่าท่านพระครูสามารถพยายามที่จะทำเรื่องยากให้ง่าย เหมือนกันดังที่กระผม/อาตมภาพได้ทำเอาที่วัดท่าขนุน ก็คือในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ในช่วงเช้า วัดท่าขนุนจะทำการตักบาตรเทโว ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นการทอดกฐินสามัคคีประจำปี เหตุที่วัดท่าขนุนทำเช่นนั้นก็เพราะว่า การที่ญาติโยมทั้งหลายซึ่งมีจิตศรัทธา จะเดินทางไปหลายรอบนั้นเป็นเรื่องยาก ในเมื่อออกพรรษาและตักบาตรเทโวแล้ว สามารถทอดกฐินได้ ก็ทอดไปในวันเดียวกันเลย กระผม/อาตมภาพพอที่จะฝืนสังขารรับงานสองงานต่อเนื่องกันได้ แม้ว่าหลังงานแล้ว อาจจะต้องฉันยาบ้าง หาหมอบ้าง ก็ไม่เป็นไร ขอให้ญาติโยมได้รับความสะดวกสบายก็แล้วกัน..! ประกอบกับทางวัดก็ได้ทุ่มเทสรรพกำลัง ลงไปช่วยกันดำเนินงานให้เสร็จภายในวันเดียว ไม่ต้องเสียเวลาจัดงาน ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การทำเรื่องยากให้ง่าย ต้องบอกว่าแทบจะฝังอยู่ในดีเอ็นเอของกระผม/อาตมภาพแล้ว ของท่านพระครูสามารถก็ทำแบบนี้เช่นกัน แต่กระผม/อาตมภาพเองไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมงานได้โดยตลอด เนื่องเพราะว่ายังมีภารกิจอื่นอีก ก็คือต้องไปสวดพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ร่วมกับที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ จัดเอาไว้ที่วัดเวฬุวัน ซึ่งบางทีชาวทองผาภูมิก็เรียกว่า "วัดหลวงพ่อสาคร" ก็คือเป็นวัดของหลวงพ่อสาคร ธมฺมาวุโธ (พระครูภาวนาสุทธาจารย์)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:43 |
| สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
เพียงแต่ว่าเมื่อมาเจอโทรศัพท์ทรยศเข้า ทำเอาต้องเสียเวลาในการจัดการกว่าที่จะเสร็จสรรพเรียบร้อย ขืนให้ตนเองกลับไปแล้วทำเอง ก็อาจจะขว้างทิ้งไปในเวลาไม่กี่นาที จึงทำให้ไม่สามารถที่จะไปร่วมงานได้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองนั้นอาวุโสสมณศักดิ์สูงสุดในเขตอำเภอทองผาภูมิ เนื่องเพราะว่าเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ซึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ถัดจากเจ้าคุณก็ถือว่าเป็นพระครูที่นั่งสูงสุดแล้ว..!
เนื่องเพราะว่าผู้ที่จะนั่งเหนือขึ้นไปได้ก็ต้องเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก หรือว่าเป็นพระครูรองเจ้าคณะจังหวัด และพระครูเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งบรรดาพระครูที่ว่ามานี้ ในจังหวัดกาญจนบุรีก็ไม่มี มีแต่บรรดาพระราชาคณะที่เรียกว่า "เจ้าคุณ" แต่กลายเป็นว่าผู้เป็นพระครูอาวุโสสูงสุดของจังหวัด กลับไม่สามารถที่จะไปร่วมงานได้ ต้องมอบหมายให้ผู้อื่นไปทำหน้าที่แทน แล้วตนเองก็มาดูลูกศิษย์ "ปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง" ในการโอนย้ายข้อมูล เมื่อทดสอบดูแล้วว่าการบันทึกเสียงสามารถใช้งานได้ก็โล่งใจ แต่ว่าลูกศิษย์ผู้ชำนาญในเรื่องไอทีก็ยังกำชับว่า "หลวงพ่ออย่าเพิ่งเชื่อใจเครื่องมือนะครับ ส่วนใหญ่แล้วต่อหน้าหมอมักจะอาการดี ลับหลังหมอเมื่อไร อาจจะถึงขนาดส่งไอซียู..!" กระผม/อาตมภาพจึงบันทึกเสียงไป พร้อมกับภาวนาไปด้วย ประมาณว่าจะเสียก็ขอให้เสียในระบบอื่น อย่ามาเสียในระบบบันทึกเสียงเลย..! อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวแก่ญาติโยมก็คือว่า การไปประเทศอินเดียในวันที่ ๑๔ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ของบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งนิมนต์กระผม/อาตมภาพเป็นแขก VIP เดินทางฟรี พักห้องเดี่ยวอีกต่างหาก ตอนนี้ปรากฏว่ามีญาติโยมติดตามไปสองรถบัสแล้ว ซึ่งแต่ละรถบัสนั้นจะรับได้ประมาณ ๒๕ คน ตอนนี้รถบัสคันที่สองเหลือเพียง ๕ ที่นั่งเท่านั้น และกระผม/อาตมภาพก็ตั้งใจว่าจะรับเพียงแค่สองรถบัสเท่านั้น เหตุเพราะว่าสังเวชนียสถาน ๔ ตำบลนั้น แต่ละแห่งเราต้องนั่งรถกันเป็นวัน ๆ แล้วอากาศของประเทศอินเดียก็ไม่เหมาะที่จะนั่งรถยาวนานขนาดนั้น ถนนหนทางก็ไม่ได้ดีเหมือนกับบ้านเรา ขืนญาติโยมตามกันไปมาก ๆ เกิดเป็นอะไรกันขึ้นมาสักคนหนึ่ง ก็จะพางานกร่อยไปทั้งงาน จึงขออนุญาตปิดการรับญาติโยมแค่สองคันรถเท่านั้น ท่านใดที่คิดจะไป พยายามหาคณะของตนเองให้ได้จำนวนที่น่าพอใจ แล้วแจ้งกับทางเอ็นซีทัวร์ขอไปต่างหากก็ได้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:46 |
| สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| เผือกน้อย |
|
|