เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๘

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่เช้า มาวัดนี้ทีไรก็จะเห็นความก้าวหน้าในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน จุดสำคัญที่เห็นก็คือซุ้มประตูวัดด้านเข้าลานจอดรถ ใหญ่โตมโหฬารรออยู่แต่ไกล

เมื่อเดินทางเข้าไปถึงภายใน ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มารออยู่แล้ว เมื่อกราบพระและกราบท่านเจ้าคุณหลวงตาแล้วก็นั่งคุยกัน สักครู่หนึ่งพระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) ก็มากราบพวกกระผม/อาตมภาพทั้งสองรูป

ท่านเจ้าคุณหลวงตาชื่นชมมากว่า พระปลัดเอกลัษณ์ท่านสามารถก่อสร้างวัดได้สวยสดงดงาม ต้องใช้คำว่า "ประหนึ่งสวรรค์" แล้วก็ปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "สมัยที่พวกเราใจกล้าหน้าด้านออกจากวัดท่าซุงมา ทำโน่นทำนี่ไปก็คิดว่าตนเองทำได้ยิ่งใหญ่มากมายแล้ว แต่พอมาเจอของพระปลัดเอกลักษณ์ท่านเข้า ถึงได้รู้ว่าของจริงของแท้เป็นอย่างไร"

เพียงแต่ว่าพวกเราก็เป็นห่วงตรงที่ว่า ในระยะนี้มีการเพ่งเล็งทางพระสงฆ์ของเรา โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน ไม่ทราบเหมือนกันว่าในเรื่องของเงินสงฆ์ที่มาจากจิตศรัทธาของญาติโยม ไปขวางหูขวางตาท่านผู้มีอำนาจในแผ่นดินอย่างไร ถึงได้พยายามที่จะเข้ามาจัดการกันนัก..!

โดยเฉพาะในส่วนของบุคคลที่ทำผิดทำพลาดนั้น ต้องบอกว่าเปรียบเหมือนปลาตายตัวเดียว แต่ท่านจะเหมาเอาว่า ปลาทั้งหมดในข้องเน่าเหมือนกันหมด ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำโง่ หาความลำบากให้กับพระภิกษุสามเณรของเรา ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะสร้างบุญสร้างกุศลให้มั่นคงเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วโอกาสที่ท่านจะได้ลงสู่อบายภูมิจะมีสูงมาก..!

[เถรี]

ท่านเจ้าคุณหลวงตาเมตตาตักเตือนพระปลัดเอกลักษณ์ท่านในเรื่องของบัญชี ซึ่งท่านก็ยืนยันว่าพยายามที่จะทำอยู่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปโดนสอบสวน แม้ว่ารายชื่อจะขึ้นอยู่ในบัญชีของเขาแล้วก็ตาม ท่านเจ้าคุณหลวงตาหันมาชี้กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ยกเว้นรายนี้ สอบให้ตายก็คงไม่ได้อะไร เพราะว่าทำแม้กระทั่งบัญชีเงินส่วนตัว..!"

กระผม/อาตมภาพจึงเล่าเรื่องที่ออกไปสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีเป็นเวลา ๘ เดือน แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็มาแบบภาษาวัยรุ่นว่า "ตัวเป็น ๆ" ท่านถามว่ากระผม/อาตมภาพว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบด้วยความภูมิใจว่า "ไม่มีครับ เพราะว่าผมผลักลงในเงินสงฆ์จนหมด" ท่านก็ถามต่อว่า "แกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ"

"แกใช้เพื่อส่วนตัวไปเท่าไร ?" ตอบว่า "ไม่ทราบครับ" เท่านั้นเอง ไม้เท้าก็ลงหัวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..! ท่านบอกว่า "ไปรื้อบัญชีทำใหม่เดี๋ยวนี้ ทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร จ่ายไปในเรื่องอะไร ถ้ามีคนสอบถามต้องตอบเขาได้..!" กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำบัญชีมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๓๖ มาจนถึงป่านนี้ก็เป็นเวลา ๓๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว..!

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของครูบาอาจารย์ที่ท่านเกรงปัญหาจากเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ แล้วก็มั่นใจว่าครูบาอาจารย์ท่านรักและเป็นห่วงลูกศิษย์ลูกหาทุกคน เพียงแต่ว่าเมื่อท่านรักท่านห่วงแล้วไปหา กลับไม่มีใครสามารถที่จะรับรู้ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน ?!

ในส่วนของพระปลัดเอกลักษณ์นั้น ท่านยังอายุน้อย เรี่ยวแรงดี มีกำลังก็ทำไป แต่ส่วนหนึ่งที่ควรจะทำก็คือต้องหากองทุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอาไว้ด้วย พระปลัดเอกลักษณ์ท่านยังเป็นพระหนุ่ม เรี่ยวแรงดี มีคนศรัทธา เพราะว่าศึกษาความรู้มาหลากหลาย โดยเฉพาะด้านหมอดู จึงมีคนขึ้นด้วยเป็นจำนวนมาก ต้องพยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเผลอเมื่อไร เรื่องใหญ่ก็จะมาถึงตัวได้..!

เพราะว่าสมัยนี้พระของเราถ้าเด่นถ้าดังขึ้นมาเมื่อไรก็กลายเป็นไม้ใหญ่ต้องลมแรง โดยเฉพาะในส่วนของวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) แห่งนี้ รับกฐินแต่ละปีเป็นร้อยล้านบาท แต่ท่านก็ไม่ได้ไปดูว่าเขาสร้างไปกี่ร้อยล้านถึงพันล้านแล้วหรือยัง ? ดูอยู่อย่างเดียวว่ารายรับมาก แล้วก็จ้องจะเล่นงาน เหล่านี้เป็นต้น

[เถรี]

เมื่อคุยกันเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าสู่หน้ามณฑลพิธี กระผม/อาตมภาพกราบพระประธาน กราบรูปหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงแล้ว ก็ไปกราบเท้าท่านพ่อมนัส มนฺตชาโต เจ้าสำนักสงฆ์ฟื้นฟูจิตเขาแหลม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งท่านมารออยู่ก่อนแล้ว

เมื่อกราบลงก็เป็นอันรู้กันว่า "เล็กทำเรื่องอื่นทุกเรื่องไป ถ้าเรื่องของการตั้งธาตุ เดินธาตุ ปลุกธาตุจะเป็นหน้าที่ของผมเอง" เนื่องเพราะว่า "ท่านพ่อมนัส" ตามภาษาคนภาคตะวันออกนั้น ท่านมีความชำนาญในเรื่องนี้มาก ถ้าใครจะศึกษาเรื่องของการตั้งธาตุ เดินธาตุ ปลุกธาตุ เพื่อความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล ต้องรีบไปศึกษากับท่านโดยไว เนื่องเพราะว่าท่านก็อายุกาลผ่านวัยมากแล้ว แก่กว่าท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยของกระผม/อาตมภาพเสียอีก..!

เมื่อเข้าที่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็รับหน้าที่บวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย กราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเป็นที่สุด ตลอดจนครูบาอาจารย์สายจังหวัดฉะเชิงเทราและภาคตะวันออกทั้งหมด ได้โปรดเมตตาปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ตลอดจนอานุภาพแห่งครูบาอาจารย์ให้เต็มที่เต็มทาง เหมือนสมัยที่ท่านทั้งหลายยังอยู่ยงดำรงขันธ์อยู่ด้วย แล้วก็เข้าที่ภาวนาไป

วันนี้ต้องบอกว่าเป็นการเสกที่ไม่หนักแรง เนื่องเพราะว่ามีพระวิสุทธิเทพกายแก้ว มีรูปท่านปู่พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นต้นสายของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเอง มีตะกรุดสาลิกา มีตะกรุดหัวใจพระสีวลี ซึ่งครูบาอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพหลายท่านมีความชำนาญ โดยเฉพาะหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท เรื่องหัวใจพระสีวลีต้องยกให้เป็นหน้าที่ของท่าน

[เถรี]

เมื่อเห็นทุกท่านดำเนินการตามพิธีจนเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ทำน้ำมนต์พรมรอบพิธี ครั้นรับไทยธรรมแล้ว พระปลัดเอกลักษณ์ท่านก็ยังขอให้กล่าวสัมโมทนียกถา เพื่อกำลังใจของญาติโยมทั้งหลายด้วย ก็ได้แต่ย้ำให้ทุกท่านเข้าใจว่า "เราต้องยึดในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่ยึดในตัวบุคคล เราต้องเข้าใจว่า ทาน ศีล ภาวนา ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเรากระทำสืบ ๆ กันมานั้น เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

การที่เรายึดวัตถุมงคลก็เป็นพุทธานุสติ เป็นสังฆานุสติ ใครที่โง่บอกว่า "เป็นเรื่องของคนโง่" ก็ปล่อยเขาไป เพราะว่าความโง่ความฉลาดนั้นเป็นเรื่องที่ว่ากล่าวกันไม่ได้ แล้วท่านใดจะทำบุญก็ขอให้ใส่ในบาตรพระที่เขาวางไว้ตรงหน้าเลย กระผม/อาตมภาพขอตัวเดินทางกลับ ถวายภาระหน้าที่ส่วนที่เหลือให้ท่านพ่อมนัสกับท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยต่อไป

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ก็ปรากฏว่าเอกสารการเดินทางไปอินเดียได้รับการส่งมาแล้ว งานนี้ทางเอ็นซีทัวร์ ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม จะจัดขบวนไปสักการะสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล กระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ไปฟรี แถมยังได้พักห้องเดี่ยวอีกด้วย กำหนดไปในวันที่ ๑๔ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ นี้

ถ้าญาติโยมท่านใดจะร่วมเดินทางด้วย ต้องพยายามชวนพรรคพวกให้ได้อย่างน้อย ๒๕ คน ก็จะได้ราคาที่ ๔๔,๕๕๕ บาท/ท่าน ถ้าหากว่าใครจะพักห้องเดี่ยวเหมือนที่กระผม/อาตมภาพได้รับความเมตตาจากทางเอ็นซีทัวร์ ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ ๘,๙๐๐ บาท..!

การไปครั้งนี้นั้น กระผม/อาตมภาพซึ่งหลีกเลี่ยงจากการไปสังเวชนียสถานมาตลอดเวลา ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตเห็นการเดินทางไปอินเดียหลายต่อหลายครั้ง จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพไม่เฉียดกรายเข้าไปใกล้ทั้ง ๔ แห่งนั้นเลย ตรงนี้เป็นความลับส่วนตัวที่ขอเก็บเอาไว้ก่อน แต่ว่าตอนนี้สามารถที่จะร่วมทริปกับทางเอ็นซีทัวร์ได้แล้ว

[เถรี]

โดยเฉพาะการไปครั้งนี้ เราได้สุดยอดพระวิทยากรของทางประเทศอินเดียก็คือท่านเจ้าคุณพระวิเทศวัชราจารย์ท่านหนึ่ง ท่านพระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. อีกท่านหนึ่ง

ท่านเจ้าคุณพระวิเทศวัชราจารย์ และท่านพระครูธรรมธรวรัญญูนั้น มีความสนิทสนมกับกระผม/อาตมภาพเป็นส่วนตัวมานาน ท่านเจ้าคุณนั้นต่อให้ติดภารกิจขนาดไหนก็ตาม ถ้าช่วงเข้าพรรษาท่านจะต้องเดินทางจากอินเดีย มาถวายสักการะกระผม/อาตมภาพที่ท่านถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ทุกปี ส่วนท่านพระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. เป็นเพื่อนร่วมเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน ถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของรุ่นท่านหนึ่ง โดยเฉพาะวิทยานิพนธ์ของท่าน ทำได้โอ่อ่าอลังการน่าชื่นใจมาก

ตอนนี้ทั้งท่านเจ้าคุณและพระครูธรรมธรวรัญญูนั้น ถือว่าเป็นมือวางอันดับต้น ๆ ของพระวิทยากรสายอินเดีย - เนปาล เลยทีเดียว เราได้ทั้งสองท่านมาช่วยบริการคนละครึ่งทัวร์ ก็คือท่านเจ้าคุณจะรับในช่วงต้น หลังจากนั้นแล้ว มีภารกิจที่ต้องไปต้อนรับคณะพระสงฆ์ไทยจากทั่วประเทศที่เดินทางไปประเทศอินเดีย มอบภาระช่วงท้ายให้พระครูธรรมธรวรัญญูรับดำเนินการต่อไป

ท่านใดต้องการร่วมทริปเดินทาง ก็รีบติดต่อทางเอ็นซีทัวร์ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรมโดยด่วน รับไม่เกิน ๒๕ คนเท่านั้น แล้วเราก็จะได้ร่วมเดินทางไปสักการะสถานที่สำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนด้วยกัน พูดง่าย ๆ ว่าถ้า "ฟ้าไม่เปิด" กระผม/อาตมภาพก็ไปไม่ได้ ตอนนี้เมื่อ "ฟ้าเปิด" แล้ว ก็ต้องไปให้สมกับที่ไม่ได้ไปมานาน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)