กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-10-2025, 00:04
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,146
ได้ให้อนุโมทนา: 227,180
ได้รับอนุโมทนา 818,005 ครั้ง ใน 40,382 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม วันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม วันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-10-2025, 17:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอถวายความเคารพพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่เคารพอยู่สูง กราบขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูป มีท่านพระครูศรีพัฒนบัณฑิต, ดร. ท่านอาจารย์พระมหาไพโรจน์ กนโก พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ, ผศ.ดร. ตลอดจนกระทั่งพระเถระผู้เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมครั้งที่ ๒๑๗ นี้ทุก ๆ รูป และขอเจริญพรผู้บริหาร คณาจารย์และญาติโยม ที่เข้าร่วมรายการฝ่ายฆราวาสทุกท่าน

ก่อนอื่นขอแจ้งว่าตำแหน่ง ๑ ใน ๓๐ กว่าตำแหน่งที่เป็นอยู่ และเป็นตำแหน่งของทางคณะสงฆ์นั้น กระผม/อาตมภาพเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีครับ ทางด้านตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น พ้นตำแหน่งไปนานแล้วครับ แต่ว่าคนจะชินกับตำแหน่งนั้นมากกว่า

ในส่วนของวัดท่าขนุนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น ต้องบอกว่าถ้าคนไม่เคยไปจะคิดว่าอยู่ใกล้ เพราะว่ามักจะคิดกันว่าแค่จังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้นเอง แต่ว่าบุคคลที่ไปแล้ว มักจะเข็ดหลาบไปตาม ๆ กันว่า ทำไมถึงเดินทางไกลขนาดนี้ ?

ถ้าถามว่าไกลขนาดไหน ? จากวัดท่าขนุนลงมาแค่ตัวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระยะทาง ๑๔๐ กิโลเมตรเข้าไปแล้วครับ ถ้าท่านยังไม่แน่ใจว่า ๑๔๐ กิโลเมตรจะไกล ลองนึกถึงว่าจากกรุงเทพฯ ท่านจะวิ่งผ่านจังหวัดนครปฐม วิ่งผ่านอำเภอบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี จนกระทั่งเข้าถึงตัวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระยะทางแค่ ๑๒๖ กิโลเมตรเท่านั้นครับ

แต่เมื่อความที่ว่าเมื่อเวลาทางด้านมหาวิทยาลัยมีงาน ไม่ว่าจะเป็นที่วังน้อยหรือว่าส่วนกลาง แม้กระทั่งที่มหาจุฬาอาศรมก็ตาม กระผม/อาตมภาพมักจะไปร่วมงานได้ด้วยเกือบทุกครั้ง จนกระทั่งคนคิดว่าอยู่ใกล้ ถ้าหากว่าจากวัดท่าขนุนวิ่งไปมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ ๕ ชั่วโมงครับ บางท่านก็นึกไม่ถึงว่าจะไกลขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2025 เมื่อ 18:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-10-2025, 17:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งหลวงพ่อองค์อธิการบดียังบอกว่า "ท่านอาจารย์พระครูจัดเป็นบุคคล ๑ ใน ๑๐๐" ก็คือประมาณว่าสัก ๑๐๐ คนจะมีสักคนหนึ่งที่ทุ่มเทตนเองให้กับงานต่าง ๆ ได้ขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพได้เรียนถวายท่านกลับไปว่า "ผมใช้วิธีเดียวกับหลวงพ่อครับ ก็คืออยู่กับกรรมฐาน"

กรรมฐานก็คือการที่เราปฏิบัติสมาธิภาวนาบ้าง พิจารณาวิปัสสนาบ้าง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในจิตในใจของเรา โดยเฉพาะจะช่วยเสริมบารมีของเราให้เข้มข้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะสัจจบารมี คือความจริงจังจริงใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางโลก หรือว่าเรื่องทางธรรมก็ตาม และอธิษฐานบารมี คือกำลังใจที่ปักมั่นต่อเป้าหมายของเรา ถ้าหากว่าไม่ถึงเป้าหมาย จะไม่เลิกง่าย ๆ

ตรงส่วนนี้ ถ้าทุกท่านที่เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมมาตั้งแต่ต้น พวกเราใช้เวลากับรายการนี้มาแล้ว ๒๑๗ อาทิตย์ด้วยกัน กระผม/อาตมภาพมีส่วนเข้าร่วมด้วย ๑๙๕ ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๑๙๖ ก็แปลว่าขาดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น นี่คือส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม ที่พวกเราทำไปแล้วกำลังใจของเราจะดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น บารมีของเราจะเข้มข้นขึ้น ทำให้รักในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น สัจจบารมีคือความจริงจัง จริงใจกับงานต่าง ๆ อธิษฐานบารมีคือความมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย และวิริยบารมีคือความพากเพียรที่จะทำให้สำเร็จ ก็จะมีพร้อมตรงนี้

ไม่ว่าจะเป็นพระเถรานุเถระ น้องสามเณร หรือว่าคุณแม่ชี และญาติโยมทั้งหลาย ที่เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมนี้ก็ตาม ขอให้ทุกท่านพิจารณาตนเองเลยว่า ในส่วนที่เราปฏิบัติธรรมมานั้นจะมีผลหรือไม่ ? ไม่ต้องดูคนอื่นคนไกลที่ไหน ไม่ต้องให้ใครมาทำนายให้กับเรา แต่ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้แหละ เป็นเครื่องวัดตัวตนของเราที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำแล้วมีความก้าวหน้า ก็วัดจากสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดไปเมื่อครู่นี้ก็จะรู้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2025 เมื่อ 18:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-10-2025, 17:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในขณะเดียวกัน ความมุ่งมั่นของท่านทั้งหลายจะมีมากหรือว่ามีน้อย พูดง่าย ๆ ว่าบารมีจะเข้มข้นหรือว่ายังอ่อนอยู่ เรื่องเหล่านี้เราสามารถที่จะเร่งรัดได้ภายในชาตินี้เอง อย่าไปคิดถึงชาติอื่น ๆ ในส่วนนี้ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่า "ของท่านในชาติก่อนปฏิบัติมามาก ชาตินี้ท่านจึงมีอุปนิสัยที่มาทางด้านนี้"

อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมทั้งหลายว่า ตัวกระผม/อาตมภาพเอง สมัยก่อนนี้ก็เป็นบุคคลที่ไร้ศีลไร้ธรรมเช่นกัน อาจจะเพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอก ถึงเวลาก็ต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง เรื่องของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ล่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเมื่อเริ่มรู้ว่าศีลคืออะไร ก็เพียรพยายามรักษา ขาดบ้าง บกพร่องบ้าง

แต่ว่าด้วยความที่ตนเองนั้นโชคดี มีครูบาอาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัติ ซึ่งสมัยก่อนนั้นเรียกกันว่า "พระธุดงค์" สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หรือที่เรียกว่า "สายวัดป่า" ท่านมาจำพรรษาอยู่แถวบริเวณใกล้บ้าน ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ก็ดี และครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนหนังสือหนังหาอยู่ ท่านก็เพียรพยายามที่จะสอนในการปฏิบัติธรรมก็ดี โดยที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นคงจะปฏิบัติธรรมจนเห็นผลแล้ว จึงได้บอกกับเด็ก ๆ อย่างพวกกระผม/อาตมภาพว่า "ถ้าอยากรู้ทุกวิชาโดยไม่ต้องเรียนมาก ให้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากว่าปฏิบัติได้จริง ๆ แล้ว การเรียนทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่าย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2025 เมื่อ 18:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องขออภัยถ้าหากว่ามีการขัดจังหวะลงในช่วงนี้ ขออนุญาตแจ้งว่าฝนฟ้าทางทองผาภูมินี้ไม่ค่อยปกติ กระผม/อาตมภาพเองก็หวั่นเกรงว่า ทางด้านบริษัทเทเลคอมอาจจะทำการปิดสัญญาณโทรศัพท์เมื่อไรก็ได้ เพราะว่าถึงเวลา ถ้าฝนฟ้าคะนองเปรี้ยงปร้าง ท่านก็มักจะปิดการบริการเอาดื้อ ๆ กระผม/อาตมภาพอาจจะใช้เวลาไม่ครบถ้วน หรือถ้าหากว่าโชคดี ใช้เวลาได้ครบถ้วน ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของบุญพาวาสนาช่วยเลยทีเดียว..!

ขออนุญาตกล่าวต่อถึงในเรื่องของการรักษาศีลปฏิบัติธรรม ซึ่งเมื่อสักครู่ ท่านพระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ, ผศ.ดร. ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า การสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ซึ่งหลายต่อหลายแห่งบางทีท่านก็ไม่เอาเรื่องนี้เลย โดยใช้คำพูดประมาณว่า "ไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์" ก็มี เรื่องทั้งหลายเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า ท่านทั้งหลายจะเห็นประโยชน์หรือไม่ ?

ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ต้องบอกว่าได้ดีมาเพราะการสวดมนต์ เนื่องเพราะว่าทันทีที่รู้ภาษา น่าจะอายุราว ๆ ๒ ขวบ หรือ ๒ ขวบเศษเท่านั้น โยมพ่อก็จับนั่งสวดมนต์ด้วยทุกคืน หลับคอพับคออ่อนไปบ้าง หูได้ยินเสียงบ้าง เป็นแบบนี้ไปโดยตลอด แล้วสมัยนั้นการเรียนหนังสือก็ไม่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่มีเด็กประถมวัย ไม่มีอนุบาล หากแต่ว่าเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ ๑ เลย

การที่เราเข้าเรียนนั้น สมัยก่อนก็มักจะเป็นโรงเรียนวัด กระผม/อาตมภาพเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ และประถมปีที่ ๒ ถึงเทอมกลาง เหตุที่ใช้คำว่าเทอมกลาง เพราะว่าสมัยนั้นเรียนหนังสือกันถึง ๓ เทอม ก็คือเทอมต้น เทอมกลาง และเทอมปลาย และโรงเรียนก็มักจะเป็นศาลาวัด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #6  
เก่า วันนี้, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โรงเรียนที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ ถึงเวลาจะหยุดวันโกน - วันพระ ไม่ได้หยุดวันเสาร์ -- วันอาทิตย์เหมือนทุกวันนี้ จนกระทั่งเทอมกลางของชั้นประถมปีที่ ๒ ทางอำเภอถึงได้ประกาศให้หยุดวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้จักว่าวันเสาร์ - วันอาทิตย์คืออะไร ? เพราะว่ารู้จักแต่วันโกน - วันพระ รู้จักแต่วันขึ้นแรม หลายท่านอาจจะสงสัยว่ากระผม/อาตมภาพอายุเท่าไร ? ถึงได้อยู่ในสมัยดึกดำบรรพ์ดังที่เล่ามา ก็ขอบอกว่าปีนี้ย่างอายุ ๖๗ ปีแล้ว ต้องบอกว่าเกินเกษียณมาหลายปี ดังนั้น..ถ้า "เล่าความหลัง" อะไรบ้างก็ต้องขออภัยด้วย..!

ด้วยความที่คิดไม่ถึงว่าการร่วมสวดมนต์กับโยมพ่ออยู่ทุกวัน จะเป็นการสร้างสมาธิให้ตัวเองได้ขนาดนั้น ก็คือสมัยก่อนการเรียนนั้น มักจะมีการแข่งขันกันอยู่ในระหว่างบ้านต่อบ้าน ก็คือถ้าลูกบ้านไหนเรียนเก่ง ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่พี่น้องเชิดหน้าชูตาได้ โดยเฉพาะถ้าหากว่านั่งรถเมล์ไปแล้วผู้ใหญ่ถามว่า "ถึงไหนแล้วไอ้หนู ?" ถ้าเราสามารถอ่านป้ายแล้วบอกได้ว่าถึงตรงไหน ก็มักจะได้รับคำชมเชยจากผู้ใหญ่ว่า "ไอ้หนูบ้านนี้มันเก่งจริง อ่านหนังสือแตกเสียด้วย" ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เลยทำให้เด็ก ๆ มีการแข่งขันกัน ก็คือถึงเวลากลับจากโรงเรียนแล้ว ทำการบ้านเสร็จแล้วก็มาท่องหนังสือ

การท่องหนังสือนั้นก็คือการตะโกนอ่านนั่นเอง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วต่างจังหวัดก็จะมีที่ดินคนละหลาย ๆ ไร่ แต่ละบ้านก็มักจะอยู่ค่อนข้างจะห่างกัน ในเมื่ออยากจะอวดบ้านโน้นว่าลูกตัวเองเรียนหนังสือ ก็ต้องให้ลูกอ่านหนังสือเสียงดัง ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการตะโกนใส่อีกบ้านหนึ่ง แม้กระทั่งบ้านของกระผม/อาตมภาพ บรรดาพี่ ๆ ก็ตะโกนกลับไปเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #7  
เก่า วันนี้, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,273
ได้ให้อนุโมทนา: 160,516
ได้รับอนุโมทนา 4,511,751 ครั้ง ใน 36,889 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ผลดีของการสวดมนต์ก็ทำให้เรามีสมาธิดี แม้กระทั่งยังไม่ทันจะเข้าเรียนหนังสือก็ตาม กระผม/อาตมภาพจำตำราเรียนไปแล้ว ๒ เล่ม ก็คือ ปฐม ก.กา กับ แบบเรียนเร็วใหม่ ทำให้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าหากว่าคุณครูชี้ตัวแรกให้ว่าอ่านว่าอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพสามารถที่จะท่องต่อได้ทั้งเล่มเลย โดยที่ยังไม่ทันจะรู้ว่า ก.ไก่ ข.ไข่ หน้าตาเป็นอย่างไรเสียด้วยซ้ำไป..!

จนกระทั่งเมื่อครูบาอาจารย์ท่านสอนให้รู้จักพยัญชนะ รู้จักสระ รู้จักการประสมตัวอักษร การเรียนจึงเร็วเป็นติดปีกเลย ประกอบกับการที่ตนเองสวดมนต์ได้ คุณครูก็เลยตั้งให้เป็นหัวหน้าชั้น แล้วเป็นหัวหน้าชั้นที่ตัวเล็กมาก จนกระทั่งเพื่อนฝูงเรียก "ไอ้เล็ก" บ้าง "ไอ้จ่อย" บ้าง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า
การเรียนสมัยก่อนนั้น ถ้าหากว่าสอบไม่ผ่าน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ก็ต้องตกซ้ำชั้น กระผม/อาตมภาพมีเพื่อนร่วมห้องเรียนที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาว อายุ ๑๗ - ๑๘ ปีแล้ว ครึ่งค่อนห้องทีเดียว แต่ด้วยความที่เรียนหนังสือเก่ง จากบรรดาที่เขาเรียกในสมัยนั้นว่า "เจ้าพ่อโรงเรียน" บ้าง "เจ้าแม่โรงเรียน" บ้าง เพราะว่าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ยังสอบไม่ผ่านเสียที พอเด็กใหม่เข้าไปก็มักจะข่ม แล้วก็บีบให้อยู่ในอำนาจของตนเอง

แต่พอดีกระผม/อาตมภาพเรียนเก่ง ความจำดีจากพื้นฐานของการสวดมนต์ไหว้พระ จึงทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นไม่กล้าข่ม หากแต่ว่าทำตัวเป็น "องครักษ์พิทักษ์เจ้านาย" ก็คือถ้าเราช่วยเขาทำการบ้าน หรือว่าสอนการบ้านให้ เขาก็จะตอบแทนด้วยการดูแลไม่ให้คนอื่นมารังแกเราได้ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว