กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-10-2025, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครู และเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๘

พอรับยันต์เกราะเพชรเสร็จ รีบเผ่นให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วก็อย่าเพิ่งอาบน้ำ ไปรออาบกลางทางได้ เทวดาท่านช่วยอาบให้ฟรี..!

ญาติโยมจะเห็นว่า
ในเรื่องของพุทธานุภาพ หรือว่าเรื่องของเทวานุภาพ ถ้าท่านรับปากแล้วเป็นไปได้ทุกเรื่อง ที่นี่ฝนตกต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนมาเป็นอาทิตย์แล้ว แม้แต่เมื่อคืนนี้ก็ยังกระหน่ำกันจนโรงทานไม่รู้ว่าจะตั้งได้หรือเปล่า ? พอหลังเที่ยงคืนมาฝนก็หาย แต่ขออภัย..อาตมภาพขอไว้ไม่เกินบ่าย ๒ โมง เพราะฉะนั้น..เสร็จพิธีแล้วโปรดไปจากวัดให้เร็วที่สุด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-10-2025, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ชาวบ้านแถวนี้เขา "รู้แกว" กันแล้ว หลังจากที่อยู่กันมาหลายสิบปี เขาเริ่มพูดกันแล้วว่า "งานวัดท่าขนุนเสร็จเมื่อไร หนีกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเปียกแน่..!" ปีนี้ต่อให้คนทองผาภูมิก็ไม่เชื่อว่าฝนจะหยุด เพราะว่าตกมาไม่หยุดเลย อาตมภาพออกบิณฑบาตก็ได้ซักผ้าทุกวัน ไม่ซักก็ไม่ได้ เพราะว่าเปียกโชกไปแล้ว..!

ญาติโยมเขารู้ว่าพระวัดท่าขนุนทนแดดทนฝน แดดร้อนก็ไม่ละลาย ฝนตกก็ไม่ละลาย ออกบิณฑบาตตามปกติทุกวัน แม้แต่วันนี้ญาติโยมก็เห็น งานใหญ่ขนาดนี้เราก็แบ่งพระไปบิณฑบาตที่ตลาดริมแควตามปกติ

อะไรซึ่งเป็นกิจวัตรที่ญาติโยมเขาเคยชินแล้ว ถ้าไม่ใช่เหตุจำเป็นถึงแก่ชีวิต..อย่าได้ขาด เพราะว่านอกจากเขาจะเห็นพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติแล้ว ยังมีโอกาสสร้างทานบารมีด้วยการใส่บาตรพระ ซึ่งสายตลาดนี้ พระวัดท่าขนุนก็จะไปประมาณ ๒๐ รูป ก็คือราว ๆ ครึ่งวัด เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าบิณฑบาตหลายสาย มีทั้งสายวังท่าขนุน ที่เขาเรียกว่าบ้านบน สายวังใหญ่ แล้วก็สายบ้านเสาหงษ์ที่เขาเรียกกันว่าสายปอมเป ต้องแบ่งสรรปันส่วนให้พระไปสายโน้นบ้าง สายนี้บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-10-2025, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะต้องมีเวรยาม เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ตั้งใจทำความเลวก็มีปัญญา เขามักจะรอจังหวะ อย่างเช่นช่วงที่พระเจริญกรรมฐานหรือทำวัตร จะมารวมกันในศาลาที่เดียว เขาก็ไปงัดแงะกุฏิกัน หรือว่าพระออกบิณฑบาต เขาก็ฉวยโอกาสนั้นไปงัดกุฏิ จึงต้องจัดเวรยามไว้คอยต้อนรับ

โดยที่อาตมภาพกำหนดกติกาไว้ว่า "อย่าให้ถึงตาย ถ้าโดนคดีความอะไรจะช่วยไปประกันและสู้ความให้" พูดง่าย ๆ ก็คือ "เอาให้พิการก็พอ" เพราะว่าถ้าพระเราทำให้คนตายโดยเจตนา จะต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปเลย..!

สมัยอยู่ที่วัดท่าซุง อาตมภาพต้องออกไปตบตีกับพวกหาปลาหน้าวัด บางวันทนรำคาญมันไม่ไหว ก็ยืมปืนทหารมาสาดไปเป็นห่าฝนเลย เล่นเอาเพื่อนพระร้องกันลั่น กลัวว่าจะโดนมันตาย..! กระผม/อาตมภาพกับท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ก็นั่งหัวเราะกันชักดิ้นชักงอ เนื่องเพราะว่าไอ้สองพี่น้องฝึก "วิชากระสุนคด" กันมา สั่งให้ลงตรงไหนก็ลงตรงนั้น..!

เจ้าคุณหลวงตาบอกว่า "เฮ้ย..ถ้าเป็นกูนะ จะอธิษฐานให้ไปตรงหน้าผากมัน ก่อนจะกระทบหน้าผากแล้วค่อยแฉลบออกด้านข้าง..!" ว่าอย่างนั้น ก็เลยบอกว่า "นิมนต์พี่ทำไปรูปเดียวเถอะ ถ้าวันไหนสมาธิไม่ดี พลาดขึ้นมาก็ปาราชิกกันพอดี..!" หนอยแน่ะ..กำหนดตรงไหนไม่กำหนด ไปกำหนดให้วิ่งถึงหน้าผากแล้วค่อยเลี้ยวหลบ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-10-2025, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า ที่ตั้งใจสงเคราะห์ต่อญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งต้องใช้คำว่า "เป็นผู้มีพุทธานุสติ" คือการระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ยันต์เกราะเพชรนั้นก็คือบทสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าบท อิติปิ โสฯ ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ที่เป็นธงนำทัพในสมัยสุโขทัยของพระร่วง

อานุภาพที่ระบุไว้ในตำราก็คือ ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งกองทัพ สมัยก่อนเขามีวิชา "แต่งคน แต่งทัพ" คำว่า "แต่งคน" ก็คือคนปกติหนังไม่เหนียว ก็ทำให้เหนียวได้ "การแต่งทัพ"ก็คือคนน้อยทำให้เป็นคนมากได้ คนมากทำให้น้อยได้ มีความสามารถคุ้มครองทหารทั้งกองทัพได้ เหล่านี้เป็นต้น

ระยะหลังครูบาอาจารย์ที่เรียนวิชาพวกนี้ ก็มีหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท ท่านทำเป็นตะกรุด เรียกว่า "ตะกรุดแม่ทัพ" ก็คือถ้านายทัพออกไป มีลูกน้องไปกี่คนป้องกันอันตรายได้หมดทุกคน

หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จังหวัดจันทบุรี ท่านทำขึ้นมาเรียกว่า "ตะกรุดมหาโจร" ก็คือถึงเวลาทหารต้องปลอมเป็นโจรไปปล้นค่ายฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น..หัวหน้าโจรก็ต้องคุ้มครองลูกน้องได้ทั้งหน่วยเช่นกัน วิชาการบางอย่างมีผลแบบเดียวกัน เพียงแต่เรียกไปคนละอย่างเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2025 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-10-2025, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธงมหาพิชัยสงครามนั้นคุ้มครองได้ทั้งกองทัพ บริเวณคอธงก็คือบทสรรเสริญพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า อิติปิ โส ฯ ๕๖ คาถา โบราณาจารย์ท่านเอามาเรียงใหม่ ลงมาเป็น ๘ แถว ๆ ละ ๗ คำ อ่านตามขวางว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา, ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น แล้วชักสูตรสำเร็จรูปออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร บางตำราก็มีกรอบ แต่ว่าที่กระผม/อาตมภาพศึกษามา ไม่ต้องมีกรอบ เพราะว่าปกติเป็นคนนอกกรอบอยู่แล้ว..!

อานุภาพของยันต์เกราะเพชรโดยคร่าว ๆ ก็คือ ผู้ที่รักษาได้จะไม่ตายโหง จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพ ตั้งใจสงเคราะห์ทหารตำรวจชายแดนโดยตรง

ข้อที่ ๒ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ

ข้อที่ ๓ ก็คือใครทำไสยศาสตร์มาจะโดนอานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนคืนไปทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่ควรจะมีไว้เพื่อป้องกันตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2025 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-10-2025, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ยันต์เกราะเพชรนั้นมีข้อห้ามก็คือ ผู้ที่รับยันต์ไป หรือว่าใช้ผ้ายันต์ ใช้แผ่นยันต์ ห้ามลักขโมยกับห้ามกินเหล้าเมายา ถ้าใครละเมิด ยันต์เกราะเพชรจะไม่คุ้มครองบุคคลนั้น เป็นเรื่องของการไม่คุ้มครองชั่วคราว ถ้ารู้สำนึก ตั้งใจปฏิบัติตนให้ดี รักษาศีลให้เคร่งครัดใหม่ ก็คุ้มครองใหม่

คราวนี้ด้วยความที่ว่าถ้ายันต์เกราะเพชรอยู่กับตัว เราเผลอไปกินเหล้าหรืออาหารที่มีส่วนผสมของเหล้า ยันต์ก็จะเสื่อมไปเลย แต่ถ้าหากว่าเป็นยันต์เกราะเพชรที่เป็นวัตถุมงคล จะไม่เสื่อม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าเป็นไปได้ก็คือรับยันต์ไปแล้ว พกวัตถุมงคลที่มียันต์เกราะเพชรอยู่ด้วย ภาวนาบทพระคาถาสรรเสริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทุกวัน แล้วตั้งใจกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรก็จะคุ้มครองท่านได้ทั้งวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2025 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การเป่ายันต์เกราะเพชร หรือรับยันต์เกราะเพชรนั้น เป็นการเป่าทีละทั้งศาลา หรือถ้าจะคุยให้เว่อร์วังอลังการหน่อยก็คือเป่าทีเดียวทั้งโลก..! อาตมภาพสอนวิธีการให้กับพระและญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนเป็นปกติ แต่ไม่ได้บอกว่านั่นเป็นหนึ่งในส่วนของวิธีการในการเป่ายันต์เกราะเพชร ก็คือการแผ่เมตตาคลุมไปทั้งโลก ถึงเวลาเป่ายันต์เกราะเพชร เราก็อาราธนาบารมีพระในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น..จึงไม่ใช่เป่าใส่หัวทีละคน แต่จะอยู่กี่ร้อยกี่พันคน ก็ตั้งใจรับยันต์พร้อมกันได้

เครื่องมือในการรับยันต์ก็คือธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ถ้าหากว่าสาวคนไหนมีลูกในท้องก็จัดเผื่อลูกในท้องด้วยชุดหนึ่ง ถ้าเป็นลูกคนแรก แล้วคลอดออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาด้วย ยันต์ที่ติดตัวมาไม่ใช่หน้าตาเป็นยันต์แบบที่เราเขียนขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจุด เป็นขีด เป็นแต้ม เหมือนกับปานบ้าง เหมือนกับสีที่เขาขีดไว้บ้าง แต่ว่าภายใน ๗ วัน ก็จะหายไปหมด เพราะว่าซึมไปอยู่ในกระดูกแทน

แต่ถ้าหากว่าเป็นผู้ใหญ่ หรือลูกที่คลอดออกมาถึงเป็นคนแรกแต่เป็นผู้หญิง ก็ไม่ปรากฏให้เห็น เพราะว่าจะเข้าไปอยู่ในกระดูกเอง ต้องรอจนกว่าจะตายแล้วเผา ก็จะเห็นมีอักขระเลขยันต์ติดอยู่ที่กระดูก โดยเฉพาะส่วนของกะโหลกศีรษะ โปรดพิจารณาให้ดี ๆ ไม่ใช่รอยต่อกะโหลก แต่อยู่บนชิ้นกะโหลก ใครไม่เคยเห็นกะโหลกผีไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร หรือถ้าไม่แน่ใจ เป่ายันต์แล้วก็ไปหางูเห่ามาสักตัวหนึ่งให้ลองกัดดู แล้วไม่ต้องไปหาหมอ ถ้าไม่ตายก็แปลว่ายันต์อยู่กับเราแน่นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ทายก (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (เมื่อวานนี้), สุธรรม (เมื่อวานนี้)
  #8  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เรารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ระลึกถึงอยู่เป็นปกติ ก็คือพุทธานุสติ การระลึกถึงพระพุทธเจ้าในรูปแบบหนึ่ง นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ก็เป็นสังฆานุสติ ถ้าหากว่ามีการภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฎิปันโนฯ อยู่ด้วย ก็จะได้บุญของภาวนามัยในลักษณะการปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าทำควบลมหายใจเข้าออกก็เป็นอานาปานสติ อานะ กับ อาปานะ คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก พอเอามาสนธิเข้าหากันก็เลยกลายเป็นอานาปานะ ฟังแล้วเกือบบ้า ไม่รู้บาลีก็ฟังเลย ๆ หูไปแล้วกัน

ดังนั้น..
เท่ากับว่าเป็นการที่โบราณาจารย์ท่านใช้วิชาการที่เหมือนกับไสยศาสตร์ มาทำให้เราประพฤติปฏิบัติในกองกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าท่านสอนทางอ้อม ก็คือให้ไปภาวนาตรง ๆ ก็ไม่เอา จึงต้องหาวิชาการที่บังคับให้เราภาวนาทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

ส่วนใหญ่แล้วคนสมัยนี้รู้มาก แต่ว่ารู้ไม่จริง จึงมีการบอกกล่าวอย่างเช่นว่า เป็นพิธีกรรมรวมคนโง่ โบราณเขาถึงได้บอกว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" มีโคลงโลกนิติกล่าวไว้ชัดเจนว่า

ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร ก็คือสายบัวมันจะขึ้นยาวเท่าระดับน้ำ ดังนั้น สายบัวจะบอกได้ว่าน้ำตรงนั้นลึกตื้นแค่ไหน

มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ ความมีมารยาท หรือไม่มีมารยาท รู้กาลเทศะหรือไม่รู้กาลเทศะ บ่งบอกให้รู้ว่าเราได้รับการอบรมมาหรือเปล่า ?

โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ โง่หรือฉลาด พูดออกไปคนเขาก็รู้ทันที ดังนั้น..บุคคลที่ไม่รู้ในสิ่งที่คนโบราณแฝงเอาไว้ให้เราทำความดี แล้วไปตำหนิว่าเป็นแหล่งรวมคนโง่ จึงบอกอย่างชัดเจนว่าไอ้คนพูดมันโง่กว่าหลายเท่า..!

หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน ถ้าตรงไหนหญ้าไม่ขึ้นแปลว่าดินไม่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ทายก (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (เมื่อวานนี้), สุธรรม (เมื่อวานนี้)
  #9  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้แต่กระผม/อาตมภาพตอนฝึกฝนวิชาเหล่านี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็บอกอย่างชัดเจนว่า "สิ่งที่ข้าสอนพวกแกไป คนพวกหนึ่งเขาบอกว่าเป็นไสยศาสตร์ แต่ถ้าหากว่าแกภาวนาจนชินแล้ว แค่หันมาจับภาพพระหรือภาวนาพุทโธ ก็กลายเป็นพุทธานุสติแล้ว" เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..โบราณาจารย์ที่ต้องการให้พวกเรามีหลักยึด มอบคาถาอาคมต่าง ๆ ให้ไปฝึกฝนท่องบ่น ความจริงแล้วก็เป็นการวางรากฐาน เพื่อให้ตอนท้ายเราหันกลับมาเจริญพระกรรมฐานนั่นเอง

แม้กระทั่งบรรดานายกองขุนศึกต่าง ๆ ที่ออกรบฆ่าคนมาเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันประเทศชาติและประชาชนก็ดี ท้ายที่สุด ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็สละอาวุธคู่มือเป็นพุทธบูชา หันมาเจริญพระกรรมฐานเพื่อความมั่นคงของใจ ท้ายที่สุด ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นพรหม รอเวลาลงมาเกิดใหม่ เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติต่อไป

ถ้าไม่มีการกระทำแบบนี้ ก็มักจะลงทุคติ คือตกนรกกันเป็นส่วนใหญ่ อยากดูหลักฐานให้ไปดูที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์ ที่นั่นมีพระแสงดาบที่ถวายเป็นราวเทียนอยู่ เพียงแต่ว่าต้องดูให้ออก ไม่อย่างนั้นก็คิดว่าเป็นราวเทียนรูปเรือหงส์ หน้าตาเกือบจะเหมือนกัน เพียงแต่แบน ๆ เท่านั้น

เรื่องที่พวกเราทำอยู่ ถ้าใครเขากล่าวหาในด้านที่ไม่ดี อย่าเสียเวลาไปถกเถียงกับเขา เพราะว่านอกจากเราไม่เข้าใจ อธิบายได้ไม่ชัดเจนแล้ว ยังอาจจะเกิดโทสะกลายเป็นโทษแก่ตนเอง เพราะว่าโกรธมาก ๆ เส้นเลือดในสมองแตก ตายตอนนั้นลงนรกแน่นอน..! เพราะว่าตายในขณะที่มีโทสะอยู่ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจสมาทานศีลเพื่อความบริสุทธิ์เฉพาะตน ต่อด้วยสมาทานพระกรรมฐาน เพื่อรับยันต์เกราะเพชรกันต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ทายก (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (เมื่อวานนี้), สุธรรม (เมื่อวานนี้)
  #10  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พุทโธ พุทโธ พุทโธ

ทุกคนค่อย ๆ ลืมตา ส่วนใหญ่รับยันต์กันไปแล้วรอบหนึ่ง ให้ทุกคนเดินทางกลับโดยสะดวกปลอดภัย

ท่านใดที่รู้สึกร้อนหู ร้อนหน้า หนักหัว หนักไหล่ หรือคันตามร่างกายเหมือนมีอะไรไต่ก็ดี รู้สึกขนลุกน้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลงก็ตาม ขอให้ทราบว่ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวท่านในตอนนั้น โดยเฉพาะบางคนกลับไปอาจจะเป็นไข้ไป ๒ วัน ๓ วัน เนื่องเพราะว่าของใหม่เหมือนกับน้ำสะอาด เข้าไปไล่ของเก่าที่ไม่ดีในร่างกายของเรา ก็อาจจะมีการต่อต้านกันขึ้นมา แล้วทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ทนได้ก็นอนภาวนาไป ถ้าหากว่าทนไม่ได้ก็หาหมอหายา แต่ให้รู้ว่าเป็นเรื่องปกติ

อาตมภาพรับยันต์ครั้งแรกก็ป่วยไป ๓ วันเหมือนกัน กราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านบอกว่า "บารมีพระจะเข้า แต่แกมันดื้อ ไปต่อต้าน ก็เลยยันกันอยู่แค่นั้น" ความจริงก็ไม่ได้ดื้อ เพียงแต่ว่าไม่แน่ใจว่าอะไรก็ป้องกันตัวไว้ก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), เด็กใต้ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ทายก (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้), มารวย๙ (เมื่อวานนี้), สุธรรม (เมื่อวานนี้)
  #11  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,286 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังมีเวลาหนีฝนอีกประมาณครึ่งชั่วโมง หนีให้ทันก็แล้วกัน ขอไว้แค่บ่ายสอง ท่านให้เกินก็ไม่ว่า แต่ขอให้ทุกท่านดูแล้วพิจารณาเอาว่า ฝนที่ตกทั้งวันทั้งคืนนั้นหายไปไหน เหมือนอย่างกับโดนปิดก๊อกไปเฉย ๆ เรื่องพวกนี้พอมีประสบการณ์ไปมาก ๆ เข้า ก็จะเกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจ กลายเป็นกำลังใจส่วนหนึ่งของเรา ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ ท่านจะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จง่ายขึ้น เพราะว่ากำลังใจเข้มแข็งและมั่นคง

ขอเจริญพรขอบคุณทุกท่านที่อำนวยความสะดวกให้กับงานในครั้งนี้ กุศลบารมีความดีใดที่จะพึงมีพึงเกิด ขอให้ทุกท่านมีส่วนร่วมในกองบุญการกุศลนั้น ๆ ด้วย


ขอเจริญพรขอบคุณ อส. และ อปพร. ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในงานนี้

ทีมงานของบริษัทมุลเลอร์กรุ๊ป จำกัด ที่ตั้งใจมากิน เอ๊ย..ไม่ใช่..มาช่วยงาน

ขอบพระคุณทีมงานบายศรีของหลวงพ่อเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ) สามารถที่จะรื้อเก็บได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน
ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว