#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม วันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอถวายความเคารพพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่เคารพอยู่สูง กราบขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูป มีท่านพระครูศรีพัฒนบัณฑิต, ดร. ท่านอาจารย์พระมหาไพโรจน์ กนโก พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ, ผศ.ดร. ตลอดจนกระทั่งพระเถระผู้เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมครั้งที่ ๒๑๗ นี้ทุก ๆ รูป และขอเจริญพรผู้บริหาร คณาจารย์และญาติโยม ที่เข้าร่วมรายการฝ่ายฆราวาสทุกท่าน
ก่อนอื่นขอแจ้งว่าตำแหน่ง ๑ ใน ๓๐ กว่าตำแหน่งที่เป็นอยู่ และเป็นตำแหน่งของทางคณะสงฆ์นั้น กระผม/อาตมภาพเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีครับ ทางด้านตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น พ้นตำแหน่งไปนานแล้วครับ แต่ว่าคนจะชินกับตำแหน่งนั้นมากกว่า ในส่วนของวัดท่าขนุนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น ต้องบอกว่าถ้าคนไม่เคยไปจะคิดว่าอยู่ใกล้ เพราะว่ามักจะคิดกันว่าแค่จังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้นเอง แต่ว่าบุคคลที่ไปแล้ว มักจะเข็ดหลาบไปตาม ๆ กันว่า ทำไมถึงเดินทางไกลขนาดนี้ ? ถ้าถามว่าไกลขนาดไหน ? จากวัดท่าขนุนลงมาแค่ตัวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระยะทาง ๑๔๐ กิโลเมตรเข้าไปแล้วครับ ถ้าท่านยังไม่แน่ใจว่า ๑๔๐ กิโลเมตรจะไกล ลองนึกถึงว่าจากกรุงเทพฯ ท่านจะวิ่งผ่านจังหวัดนครปฐม วิ่งผ่านอำเภอบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี จนกระทั่งเข้าถึงตัวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระยะทางแค่ ๑๒๖ กิโลเมตรเท่านั้นครับ แต่เมื่อความที่ว่าเมื่อเวลาทางด้านมหาวิทยาลัยมีงาน ไม่ว่าจะเป็นที่วังน้อยหรือว่าส่วนกลาง แม้กระทั่งที่มหาจุฬาอาศรมก็ตาม กระผม/อาตมภาพมักจะไปร่วมงานได้ด้วยเกือบทุกครั้ง จนกระทั่งคนคิดว่าอยู่ใกล้ ถ้าหากว่าจากวัดท่าขนุนวิ่งไปมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ ๕ ชั่วโมงครับ บางท่านก็นึกไม่ถึงว่าจะไกลขนาดนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 18:45 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แม้กระทั่งหลวงพ่อองค์อธิการบดียังบอกว่า "ท่านอาจารย์พระครูจัดเป็นบุคคล ๑ ใน ๑๐๐" ก็คือประมาณว่าสัก ๑๐๐ คนจะมีสักคนหนึ่งที่ทุ่มเทตนเองให้กับงานต่าง ๆ ได้ขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพได้เรียนถวายท่านกลับไปว่า "ผมใช้วิธีเดียวกับหลวงพ่อครับ ก็คืออยู่กับกรรมฐาน"
กรรมฐานก็คือการที่เราปฏิบัติสมาธิภาวนาบ้าง พิจารณาวิปัสสนาบ้าง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในจิตในใจของเรา โดยเฉพาะจะช่วยเสริมบารมีของเราให้เข้มข้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะสัจจบารมี คือความจริงจังจริงใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางโลก หรือว่าเรื่องทางธรรมก็ตาม และอธิษฐานบารมี คือกำลังใจที่ปักมั่นต่อเป้าหมายของเรา ถ้าหากว่าไม่ถึงเป้าหมาย จะไม่เลิกง่าย ๆ ตรงส่วนนี้ ถ้าทุกท่านที่เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมมาตั้งแต่ต้น พวกเราใช้เวลากับรายการนี้มาแล้ว ๒๑๗ อาทิตย์ด้วยกัน กระผม/อาตมภาพมีส่วนเข้าร่วมด้วย ๑๙๕ ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๑๙๖ ก็แปลว่าขาดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น นี่คือส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม ที่พวกเราทำไปแล้วกำลังใจของเราจะดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น บารมีของเราจะเข้มข้นขึ้น ทำให้รักในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น สัจจบารมีคือความจริงจัง จริงใจกับงานต่าง ๆ อธิษฐานบารมีคือความมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย และวิริยบารมีคือความพากเพียรที่จะทำให้สำเร็จ ก็จะมีพร้อมตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเถรานุเถระ น้องสามเณร หรือว่าคุณแม่ชี และญาติโยมทั้งหลาย ที่เข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมนี้ก็ตาม ขอให้ทุกท่านพิจารณาตนเองเลยว่า ในส่วนที่เราปฏิบัติธรรมมานั้นจะมีผลหรือไม่ ? ไม่ต้องดูคนอื่นคนไกลที่ไหน ไม่ต้องให้ใครมาทำนายให้กับเรา แต่ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้แหละ เป็นเครื่องวัดตัวตนของเราที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำแล้วมีความก้าวหน้า ก็วัดจากสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดไปเมื่อครู่นี้ก็จะรู้เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 18:46 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ในขณะเดียวกัน ความมุ่งมั่นของท่านทั้งหลายจะมีมากหรือว่ามีน้อย พูดง่าย ๆ ว่าบารมีจะเข้มข้นหรือว่ายังอ่อนอยู่ เรื่องเหล่านี้เราสามารถที่จะเร่งรัดได้ภายในชาตินี้เอง อย่าไปคิดถึงชาติอื่น ๆ ในส่วนนี้ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่า "ของท่านในชาติก่อนปฏิบัติมามาก ชาตินี้ท่านจึงมีอุปนิสัยที่มาทางด้านนี้"
อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมทั้งหลายว่า ตัวกระผม/อาตมภาพเอง สมัยก่อนนี้ก็เป็นบุคคลที่ไร้ศีลไร้ธรรมเช่นกัน อาจจะเพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอก ถึงเวลาก็ต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง เรื่องของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ล่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเมื่อเริ่มรู้ว่าศีลคืออะไร ก็เพียรพยายามรักษา ขาดบ้าง บกพร่องบ้าง แต่ว่าด้วยความที่ตนเองนั้นโชคดี มีครูบาอาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัติ ซึ่งสมัยก่อนนั้นเรียกกันว่า "พระธุดงค์" สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หรือที่เรียกว่า "สายวัดป่า" ท่านมาจำพรรษาอยู่แถวบริเวณใกล้บ้าน ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ก็ดี และครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนหนังสือหนังหาอยู่ ท่านก็เพียรพยายามที่จะสอนในการปฏิบัติธรรมก็ดี โดยที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นคงจะปฏิบัติธรรมจนเห็นผลแล้ว จึงได้บอกกับเด็ก ๆ อย่างพวกกระผม/อาตมภาพว่า "ถ้าอยากรู้ทุกวิชาโดยไม่ต้องเรียนมาก ให้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากว่าปฏิบัติได้จริง ๆ แล้ว การเรียนทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่าย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 18:48 |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|