กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-10-2025, 19:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,341
ได้ให้อนุโมทนา: 227,167
ได้รับอนุโมทนา 817,954 ครั้ง ใน 40,380 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-10-2025, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,265
ได้ให้อนุโมทนา: 160,501
ได้รับอนุโมทนา 4,511,504 ครั้ง ใน 36,881 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ บรรดาพระใหม่และน้องสามเณรของเราก็สอบนักธรรมชั้นตรี (สนามหลวง) เสร็จสิ้นไปแล้ว เพียงแต่ว่าบางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมกระผม/อาตมภาพเมื่ออ่านแนวข้อสอบให้ทุกท่านไปถึงข้อสุดท้าย จึงออกอาการช็อตไปเฉย ๆ ก็คืออยู่ ๆ ก็นึกไม่ออกว่า "วิวาทาธิกรณ์" และ "อนุวิวาทาธิกรณ์" นั้นต่างกันอย่างไร ?

วิวาทาธิกรณ์คือการที่เถียงกันว่าสิ่งนี้เป็นอาบัติ สิ่งนี้ไม่ใช่อาบัติ ซึ่งการถกเถียงนั้นบางทีก็ก่อให้เกิดความแตกร้าว จนกระทั่งบานปลายใหญ่โต จึงต้องมีการระงับอธิกรณ์ คือเรื่องที่เกิดขึ้นให้สงบระงับลง แต่กระผม/อาตมภาพกลับนึกไม่ออกว่า อนุวิวาทาธิกรณ์ก็คือการปรับอาบัติแก่ผู้ที่ล่วงละเมิดสิกขาบท หนักเบาเป็นไปตามอาบัติที่ตนได้ล่วงละเมิดนั้น ๆ

ลักษณะอาการอย่างนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องปกติ แล้วท่านทั้งหลายก็เห็นว่า จากที่ทองผาภูมิของเราแล้งมา ๕ - ๖ วัน อยู่ ๆ ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก นี่คือสภาพอาการเปลี่ยนแปลง ที่มีผลต่อร่างกายคนเป็นอย่างมาก ดังที่กระผม/อาตมภาพได้ตักเตือนทุกท่านไปแล้วว่า
ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเปลี่ยนรุนแรง บ้านไหนมีคนแก่ มีคนป่วย ต้องดูแลให้ดี เพราะว่าถ้าร่างกายของท่านทนอากาศที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงไม่ได้ ก็จะเสียชีวิตไปเลย..!

คราวนี้ด้วยความที่ตัวกระผม/อาตมภาพมีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกาย จึงไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศมากเป็นพิเศษ เมื่อรู้ว่าอากาศเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็เกิดสภาพอย่างที่เห็น ก็คือถ้าไม่ใช่มาลาเรียกำเริบจนกระทั่งแทบจะลงไปคลานกับพื้น ก็จะออกอาการเอ๋อ ๆ มึน ๆ อย่างที่เห็น ทั้ง ๆ ที่ตอนอ่านปัญหานั่นก็คือประมาณบ่ายโมง แล้วฝนก็มาตกเอาเกือบ ๕ โมงเย็น ระยะเวลาก็หลายชั่วโมงอยู่ แต่ร่างกายประท้วงล่วงหน้าไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2025 เมื่อ 12:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-10-2025, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,265
ได้ให้อนุโมทนา: 160,501
ได้รับอนุโมทนา 4,511,504 ครั้ง ใน 36,881 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเช้านี้ ตอนบิณฑบาตก็ยังได้คุยกับทิดเอ (นายปารมี ภูผาธนโชติ)ที่ตามไปเก็บกับข้าวว่า เรื่องพวกนี้หมอเขาไม่เชื่อเรา ทิดเอก็ยืนยันว่า "ใช่ครับ ผมบอกเมื่อไร หมอเขาก็หาว่าเป็นอุปาทานบ้าง เพี้ยนบ้าง คิดเอาเองบ้าง"

อย่างที่กระผม/อาตมภาพไปอาการกำเริบหนักที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้วญาติโยมทนดูไม่ได้ ก็พาเข้าโรงพยาบาล มอ. (โรงพยาบาลสงขลานครินทร์) ปรากฏว่าหมอตรวจทุกอย่างแล้ว สภาพร่างกายดีกว่าคนทั่ว ๆ ไปอีก ทั้ง ๆ ที่ความดันขึ้นจนหูตาแดงไปหมด แต่วัดแล้ว ความดันก็คือ ๑๑๐/๗๐ แข็งแรงโคตร..! แล้วพอวัดอุณหภูมิร่างกาย คนที่ไข้ขึ้นจนหน้าแดงไปหมดขนาดนั้น ปรากฏว่าอุณหภูมิก็คือ ๓๖.๕ องศาเซลเซียส..!

คราวนี้คุณหมอถามประโยคหนึ่งซึ่งกระผม/อาตมภาพรับไม่ได้ ก็คือ "ท่านเป็นโรคอุปาทานหรือเปล่า ?" กระผม/อาตมภาพแม้รู้ว่าสภาพร่างกายของตนเองย่ำแย่ขนาดไหน แต่ต้องการให้หมอรู้ จึงได้คลายกำลังใจออก ปรากฏว่าความดันตกฮวบเหลือแค่ ๖๐ มิลลิปรอท..! พยาบาลที่กำลังพยายามวัดใหม่ กรี๊ดเสียจนขี้หูลั่น..! ตะโกนว่า "คนไข้ช็อก..!" ทำเอาแพทย์เวร ๔ นายวิ่งมาดูกันหมดเลย..!

กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกว่า "หมอ..บุคคลบางประเภทกำลังของใจเขาควบคุมร่างกายได้ ถ้าหมอตรวจหาไม่เจอ ท่านบอกว่าป่วยเป็นโรคอะไร ก็จ่ายยาตามนั้นไปเถอะ" หมอท่านบอกว่า "โดยจรรยาแพทย์แล้ว ถ้าตรวจหาอาการไม่เจอ ผมไม่สามารถที่จะจ่ายยาได้" กระผม/อาตมภาพก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ขอกลับ" หมอถามว่า "ช็อกอยู่ขนาดนี้แล้วจะกลับอย่างไร ?" กระผม/อาตมภาพถามคืนไปว่า "แล้วหมอเห็นคนไข้ช็อกคุยกับหมอแบบนี้มาบ้างหรือยัง ?"

ท้ายสุดก็ขอเวลาหมอ ๒ นาที รวบรวมกำลังใจใหม่แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถ โดยที่โยมซึ่งเป็นคนไปส่งพยายามบอกว่า "แอ็ดมิทดีกว่าหลวงพ่อ หน้าหลวงพ่อซีดยิ่งกว่าศพอีก ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ไข้ขึ้น หน้าแดงไปหมด" ก็บอกเขาว่า "หมอรักษาไม่ได้ เราก็กลับ เพราะว่าของบางอย่างกรรมบังไว้ บุคคลเดียวที่รักษาด้วยแล้วสบายใจที่สุดก็คือ พันเอกพิเศษ นายแพทย์ นพพร กลั่นสุภา เนื่องเพราะถึงเวลาตรวจหาไม่เจอ คุณหมอในฐานะลูกศิษย์วัดท่าซุงก็บอกว่า "หลวงพี่เป็นอะไรบอกมาเลยครับ เดี๋ยวผมจ่ายยาให้เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2025 เมื่อ 01:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-10-2025, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,265
ได้ให้อนุโมทนา: 160,501
ได้รับอนุโมทนา 4,511,504 ครั้ง ใน 36,881 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่มาเล่าให้ทุกท่านฟังก็เพราะว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพจะต้องเข้ากรรมฐาน ๓ วัน ก่อนที่จะออกมารับบาตรเทโวและรับกฐินจากญาติโยมทั้งหลาย ในส่วนนี้เท่ากับว่าได้พัก ทุกท่านอาจจะคิดว่าไปอดข้าวอดน้ำอยู่อย่างนั้นแล้วได้พักอย่างไร ? ขอยืนยันว่าได้พัก เพราะว่าเวลาเข้าสมาธิสูง ๆ แล้ว สภาพร่างกายเหมือนกับคนตาย ก็คืออวัยวะต่าง ๆ หยุดทำงาน เท่ากับว่าได้พักไปในตัว สภาพอาการแบบนั้นแหละที่สมัยแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน กับพรรคพวกช่วยกันยำกระผม/อาตมภาพเสียเละ..!

เนื่องเพราะว่าเมื่อร่างกายมีเวทนามาก เราก็ไม่อยู่ด้วย แต่อาการแบบนั้น ถ้าคนทั่วไปมาเจอเข้าเขาก็คิดว่าคนตาย ซึ่งความจริงกระผม/อาตมภาพก็ล็อกประตูกุฏิแล้ว แต่ว่าทุกคนมีกุญแจห้องหลวงพ่อกันหมด รู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรีมาก ที่ช่วยกันปั๊มกุญแจห้องหลวงพ่อแจกจ่ายกันเอาไว้ ในเมื่อสภาพร่างกายอยู่ในลักษณะอวัยวะไม่ได้ทำงาน จึงเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด

แล้วถามว่าสภาพแบบนั้นอยู่ได้อย่างไร ? อยู่ได้ เพราะว่ามีปราณ คือพลังชีวิตควบคุมอยู่ โดยเฉพาะส่วนของปราณที่เป็นลมหายใจละเอียด ลักษณะเหมือนอย่างกับเส้นเอ็นเล็ก ๆ ใส ๆ วิ่งอยู่ระหว่างจมูกกับใต้สะดือ ตราบใดที่เส้นเอ็นสายนี้ไม่ขาด ตราบนั้นไม่ตายแน่นอน เพียงแต่ว่าสภาพภายนอก ถ้าให้หมอตรวจก็คือคนตาย เพราะว่าแม้แต่ลมหายใจก็ไม่มีให้วัด..!

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายลองพยายามทำดู ถ้าเข้าถึงได้ก็ไม่ต้องเสียเวลามาอธิบายกันมาก เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าจะทำ ก็กรุณาล็อกห้องให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนใครหามไปเผาก็ได้..! เพราะว่าไม่มีความสามารถในการกำหนดเข้าออกได้อย่างที่ตนเองต้องการ ดูอย่างท่านอาจารย์เตชะ (พระเส่งวิน เตชะพละ) เป็นต้น พอถึงเวลาก็นั่งเป็นตอไม้ไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2025 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-10-2025, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,265
ได้ให้อนุโมทนา: 160,501
ได้รับอนุโมทนา 4,511,504 ครั้ง ใน 36,881 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ถ้าเรานิ่งอยู่ในสมาธินาน ๆ คนไม่รู้ก็เหมาว่าเราตายแล้ว เพราะว่าร่างกายเย็นเฉียบไปหมด สัญญาณชีพอะไรก็ไม่เหลือ จนกว่าเราจะรู้สึกว่าพอแล้วตามที่ตั้งเวลาเอาไว้ เมื่อค่อย ๆ คลายสมาธิออกมา สภาพจิตที่ดูเหมือนโดนบีบจนเหลือจุดเล็ก ๆ นิดเดียว ก็จะค่อย ๆ ขยายความรู้สึกออกไป จนกระทั่งถึงปลายมือปลายเท้า เมื่อประสาททำงานปกติ ใจของเราก็จะสั่งร่างกาย อย่างเช่นว่า ลืมตา พลิกตัว ลุกนั่ง ตั้งสติให้ดี แล้วค่อยเดิน ลักษณะพวกนี้เป็นขั้น ๆ ไปจนกระทั่งเรารู้สึกว่าช้ามาก แต่ถ้าคนภายนอกเห็นก็คือพลิกตัวปุ๊บก็ลุกนั่งเลย..!

ดังนั้น..ในส่วนนี้จำเป็นต้องการการซักซ้อมเป็นอย่างยิ่ง และโดยเฉพาะถ้าไม่ชำนาญ อย่าให้ใครมารบกวนด้วยการปลุกหรือว่าเรียก เพราะว่าถ้าเราคลายสมาธิพรวดพราดออกมา จากหัวใจที่ไม่เต้นเลย ก็จะต้องเร่งอัตราการเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที เพื่อที่จะให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ หัวใจจะเต้นเกิน ๑๐๐ ครั้ง/นาที อาจจะถึง ๑๐๐ กว่าหรือ ๒๐๐ ครั้ง/นาทีด้วย..! ถ้าสภาพอย่างนั้น บางคนร่างกายรับไม่ไหว มีอาการชัก กระตุก หรือเหนื่อยหอบ ดังนั้น..การออกจากสมาธิ ถ้าไม่ใช่ซักซ้อมจนชำนาญจริง ๆ ต้องค่อย ๆ คลายออกมา ถ้าพวกท่านมีประสบการณ์แล้ว จะรู้ว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดคืออะไร ?

จึงขอฝากเป็นการบ้านไว้ว่า ในช่วง ๓ วันที่กระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานอยู่ ถ้าหากว่าไม่มีอะไรเร่งด่วน ก็ทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ ถ้ามีเร่งด่วนก็ส่งงานเข้ากลุ่มไลน์เอาไว้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพจะตั้งเวลาการเข้ากรรมฐานเป็นชั่วโมงเท่านั้น ชั่วโมงเท่านี้ ถึงเวลาออกมา ถ้าดูแล้วมีอะไรเร่งด่วนก็จะตอบมาให้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2025 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว