#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ หลังจากที่โดนดุไปเมื่อวาน เช้านี้ ผอ.มด (นางสาวปิยวัน เครือนาค) ผู้อำนวยการโรงเรียนการกุศลสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย จังหวัดเพชรบุรี พร้อมกับคณะ จึงมาพร้อมกับอาหารเช้าที่มีกับข้าว ๒ อย่าง และขนมจีนอีก ๑ อย่าง ถ้าหากว่ายังว่านอนสอนง่ายแบบนี้ ก็พอที่จะคบหากันได้อยู่..!
เมื่อฉันแล้วกระผม/อาตมภาพก็นอนภาวนาไปจนครบชุดตามปกติของตน ซึ่งถือว่าเป็นหลักการปฏิบัติที่ทิ้งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด่วนขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องภาวนาไปบนรถยนต์ หรือถ้ามีเวลาก็ภาวนาก่อนแล้วค่อยขึ้นรถยนต์ออกเดินทาง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าชีวิตของเรานั้นไม่เที่ยง ถ้าหากว่าสิ้นอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม อย่างน้อยสภาพจิตที่เกาะคุณงามความดีอยู่ ก็ยังจะช่วยให้เรามีสุคติเป็นที่ไป..! วันนี้กระผม/อาตมภาพออกจากวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ตอน ๘ โมงเศษ ตรงไปยังอำเภอบ้านลาด เพื่อไปทำการตรวจยกหมู่บ้านห้วยลึก ตำบลห้วยลึก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปี ๒๕๖๘ ไปถึงก็เจอหลวงพ่อเสริญ หรือถ้าหากว่าเรียกกันตามสำเนียงเพชรบุรี ก็ออกเสียงเป็นหลวงพ่อเสริ่ญ แต่ปัจจุบันนี้ท่านเปลี่ยนชื่อเป็นเอกวิทย์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูอุดมธรรมปโชติ เจ้าคณะอำเภอแก่งกระจาน - หนองหญ้าปล้อง (ธ) เจ้าอาวาสวัดหนองจอก (ธ) มาต้อนรับ แล้วก็นำไปชมสถานที่จัดนิทรรศการ ซึ่งมีเกวียนที่กระผม/อาตมภาพตอนแรกคิดว่าเป็นเกวียนสำหรับเชิญกลองหลวง ซึ่งก็คือกลองยาวขนาดใหญ่ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ หลวงพ่อเสริญท่านยืนยันว่าเป็นเกวียนที่ใช้งานตามปกติของชาวเพชรบุรี ทำเอากระผม/อาตมภาพยืนเกาหัวอยู่หลายครั้ง เนื่องเพราะว่าเกวียนนั้นเรียวเล็กมาก โดยเฉพาะช่วงท้ายที่กว้างสุดก็แค่ศอกเดียวเท่านั้น ถ้าคนอ้วนหน่อย หันหลังเข้าไปแล้วนั่งไม่ลงเสียด้วยซ้ำไป..! กระผม/อาตมภาพยังพอจะนั่งได้อยู่บ้าง หลวงพ่อเสริญยืนยันว่าแถวนี้เขาใช้เกวียนแบบนี้ในการขนข้าวขนของมาตั้งแต่เด็ก กระผม/อาตมภาพก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า "ทางบ้านผม เกวียนอย่างน้อยก็ต้องกว้าง ๓ ศอก" กลายเป็นผู้ใหญ่มาทะเลาะกันในเรื่องเกวียน ซึ่งความจริงจะเรียกว่าทะเลาะก็ไม่ถูก เป็น "วิวาทะ" ที่ว่าไหน ๆ ก็ลงทุนทำขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงบรรทุกของได้นิดเดียวเท่านั้น ? จนกระทั่งบรรดาคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลางเข้ามาถึง ทุกคนก็มีความเห็นร่วมกันว่า ไม่น่าจะเอาไว้ขนของอะไรได้มาก นอกจากว่าจะขนไม้ซุง เนื่องเพราะว่าถ้าเอาท่อนไม้วางลง ก็จะพอเหมาะพอดีเลยทีเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:35 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แต่ว่าส่วนที่ตั้งแต่เมื่อวาน ตลอดจนถึงวันนี้ ก็คือบรรดาคณะกรรมการที่เป็นพระภิกษุด้วยกัน โดยเฉพาะบรรดาพระเถระเจ้าคุณใหญ่ ๆ โต ๆ ก็ดี คนขับรถของพระเถระก็ดี เห็นหน้ากระผม/อาตมภาพกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) เมื่อไร ก็แบมือขอวัตถุมงคลทันที โดยเฉพาะตอนที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วแขวนรุ่นไหน ก็จะเอารุ่นนั้น..!
กระผม/อาตมภาพบอกเท่าไรก็ไม่มีใครเชื่อว่า ถ้าหากว่าเป็นเรื่องวัตถุมงคลก็พกเอาไว้มากมายหลายรุ่น แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องของตัวตน เมื่อถึงเวลาขึ้นรถ ก็จะส่งกำลังใจกราบพระ กราบครูบาอาจารย์ ภาวนากรณียเมตตสูตร ขอให้เทวดา ตลอดจนเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ ถ้าหากว่าปลอดภัยได้ตลอดทางก็ดีไป ถ้าไม่ปลอดภัย ขอให้จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าทุกคนก็ไม่ค่อยจะเชื่อตรงนี้ มีหน้าที่ขอวัตถุมงคลอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี ? ทางด้านนี้พวกเราต้องไปช่วยหลวงพ่อเสริญกัน เรียกว่าแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมสถานที่ การปรับเครื่องเสียง การปรับวิดีทัศน์ ตลอดจนกระทั่งเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อที่จะให้ตรงกับจังหวะที่สามารถเปิดได้พอดี เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อเสริญนั้น แม้ว่าท่านจะเป็นเจ้าคณะอำเภอธรรมยุตก็ตาม แต่ว่าบรรดาลูกศิษย์ก็ภาวนาในกุฏิ ไม่มีใครออกมาช่วยงาน ญาติโยมต่าง ๆ ก็อยู่ช่วยแต่โรงครัวทางด้านล่าง จึงกลายเป็นภาระของกรรมการและอนุกรรมการ ม.ศีล ๕ ที่ต้องมาช่วยกันจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวเรียบร้อย แล้วก็ไม่ไว้ใจด้วยว่า จะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับเมื่อวาน คือเครื่องเสียงทรยศหรือเปล่า ? ครั้นได้เวลา พวกเราก็ไปฉันเพลร่วมกัน เห็นกับข้าวกับปลาแถวนี้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังรู้สึกดีมาก เพราะว่าส่วนใหญ่ก็คืออาหารประเภทบ้าน ๆ ชนิด "รสแท้ที่แม่ทำ" แถมยังอร่อยอีกต่างหาก เมื่อฉันเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปนั่งรอในอุโบสถ เมื่อถึงเวลา คณะกรรมการมาจะได้เจริญพระพุทธมนต์ร่วมกัน เพิ่งจะภาวนาในอุโบสถได้แค่ ๑๐ กว่านาที พระเดชพระคุณพระเทพสมุทรวัชราจารย์ (จรัล สิริธมฺโม) รักษาการประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านศีล ๕ หนกลางก็เดินทางมาถึง จึงทำให้บรรดากรรมการต้องพากันตรงมายังอุโบสถกันหมด เมื่อกราบพระ เจริญพระพุทธมนต์ และถ่ายรูปหมู่แล้ว ก็มีขบวนกลองยาวแห่มารับพวกเราไปดูนิทรรศการกัน ซึ่งวันนี้ทางด้านเด็กนักเรียนของโรงเรียนบ้านหนองไก่เถื่อน ตลอดจนกระทั่งโรงเรียนบ้านหนองจอก ก็มาแสดงความสามารถในการแนะนำนิทรรศการ ตลอดจนกระทั่งการแสดงต่าง ๆ ซึ่งกระผม/อาตมภาพมีหน้าที่แจกรางวัล หมดไป ๕,๐๐๐ กว่าบาท..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 04:04 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
จนกระทั่งหลวงพ่อโพไซดอนของกระผมต้องสะกิดว่า "ให้คนละร้อยเดียวก็พอ" เพราะว่าเด็กมากันมาก แต่กระผม/อาตมภาพนั้นเห็นว่า เราไปซื้อข้าวซื้อของของชาวบ้านเขา ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการที่เราให้เด็ก ๆ เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นทุนการศึกษา เนื่องเพราะว่าบางคนนั้น เงิน ๒๐๐ - ๓๐๐ บาท อาจจะช่วยเป็นทุนต่อให้การศึกษาของเขาไปได้อีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว
ที่บ้านหนองจอก หรือว่าบ้านห้วยลึก วัดหนองจอกแห่งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่คิดไม่ถึง ก็คือการแสดงหนังตะลุงแบบปักษ์ใต้ แต่เป็นที่น่าเสียดายมากว่าไม่มีไฟส่องหลังให้ ก็เลยทำให้ภาพเงาที่ออกมานั้นไม่ค่อยจะชัดเจน กระผม/อาตมภาพก็แจกรางวัลให้เป็นกำลังใจให้กับทุกคน การแสดงหนังตะลุงแบบปักษ์ใต้นั้น ต้องมีการครอบครูสืบสายวิชาการกันมา ไม่นึกเลยว่าทางด้านภาคกลางของเรา อย่างเช่นว่าหนังใหญ่วัดขนอน จังหวัดราชบุรีก็ดี หนังตะลุงของทางหนองจอก จังหวัดเพชรบุรีนี้ก็ดี จะมีอยู่และสามารถสืบสานมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เมื่อพวกเราดูนิทรรศการและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นศาลาประเมินไปชมการแสดงทางวัฒนธรรม ต่อด้วยพิธีการตามกำหนดการต่าง ๆ ที่ได้เตรียมการเอาไว้ กระผม/อาตมภาพทำประเมินเสร็จเรียบร้อย ก็ได้แต่นั่งฟังคนอื่น เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วทางคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้องการที่จะให้กำลังใจแก่ผู้ที่เหนื่อยยากในการจัดโครงการนี้ เพื่อรอให้พวกเรามาตรวจประเมิน แต่กระผม/อาตมภาพนั้นชมคนอย่างเดียวไม่เป็น เนื่องเพราะว่าถ้าเราชมอย่างเดียวว่าดี สมมติว่าสถานที่หนึ่งทำดีได้ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ อีกที่หนึ่งทำดีได้ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วเราก็ไปชมว่า "ดีแล้ว ประเสริฐแล้ว เลิศแล้ว" ฝ่ายที่ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ต่อไปถ้าหากว่าไม่สามารถรักษาระดับได้ ก็จะตกต่ำลงไป อาจจะจนถึงกระทั่งไม่สามารถจะผ่านเกณฑ์ประเมินก็เป็นได้..! จึงต้องให้ท่านทั้งหลายที่มีความสามารถในการพูดสิ่งที่ดีน้อยให้ดีมากได้ เป็นผู้ที่พูดกล่าวเป็นกำลังใจให้กับเจ้าของสถานที่เขา จนกระทั่งเสร็จสรรพเรียบร้อยจากการตรวจประเมิน กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ และทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนมาในระหว่างทาง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 04:04 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|