เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๘

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดอ้อมน้อย ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ ๔ ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อทำการตรวจยกบ้านรางน้ำใส หมู่ที่ ๓ ตำบลอ้อมน้อย ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘

จากในกำหนดการเดิมที่กำหนดว่าเป็นการตรวจประเมินในช่วงเช้า เมื่อไปถึงปรากฏว่า ช่วงเช้านั้นไม่ใช่การตรวจประเมินทั่วไป หากแต่ว่าทางด้านท่านนายกเทศมนตรีตำบลกระทุ่มแบน ได้นำเอารถรางมารับพวกเราไปยังห้างหุ้นส่วนจำกัด ทองประเสริฐศิลป์ชัยเซรามิค ถนนเศรษฐกิจ ๑ ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตเซรามิค เครื่องลายคราม ถ้วยชามต่าง ๆ ทั้งสำหรับใช้ในครัวเรือน ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม และยังส่งออกต่างประเทศถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันนี้ยังมีการผลิตลูกถ้วยไฟฟ้า เพื่อส่งให้กับการไฟฟ้านครหลวง (เอกชน) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกด้วย

กรรมการผู้จัดการก็คือคุณพะเวียง จงมีสุข ท่านแม้ว่าจะเรียนหนังสือมาน้อย แต่มีโอกาสได้ร่วมเข้าทำงานด้านเซรามิคกับชาวญี่ปุ่น จึงได้จดจำ ศึกษา แล้วนำมาพัฒนา จนกระทั่งสามารถที่จะสร้างเครื่องขึ้นรูปเซรามิค จากที่ปั้นกระถางด้วยมือใช้เวลาหลายวัน เมื่อมาทำด้วยเครื่อง ปรากฏว่าใช้เวลาขึ้นรูปประมาณ ๑๐ กว่านาทีเท่านั้น และสามารถขึ้นรูปชิ้นงานได้ใหญ่สุดถึง ๑.๓๐ เมตร เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

ปัจจุบันนี้ก็ยังมีการขายเครื่องมือให้กับบุคคลที่สนใจจะนำไปใช้งาน จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปราชญ์ด้านเครื่องเซรามิคครบวงจรของชาวกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร

เมื่อพวกเราเข้าไปภายในโรงงาน เห็นว่ากว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่ปรากฏว่าเป็นโรงงาน ๓ ชั้น ชั้นล่างนั่นก็คือการเริ่มผลิต ตั้งแต่การผสมดิน นวดดินจนกระทั่งได้ที่ แล้วก็ส่งไปให้ช่างขึ้นรูปเป็นชิ้นงานต่าง ๆ

[เถรี]

ชั้นที่ ๒ นั้นเป็นเตาเผา ซึ่งใช้อุณหภูมิต่ำสุดที่ ๘๐๐ องศาเซลเซียส ยกเว้นว่าถ้าเป็น "สโตนเซรามิค" ก็จะใช้อุณหภูมิมากกว่านั้น ก็คือประมาณ ๑,๓๐๐ องศาเซลเซียส เป็นต้น

ส่วนชั้นที่ ๓ นั้นเป็นการลงสีเขียนลาย ซึ่งลายทั้งหลายเหล่านี้เมื่อเผาแล้ว ก็จะออกมาเป็นลายสีน้ำเงินขาวที่เรียกกันว่า "ลายคราม"

ช่างแต่ละคนที่ลงสีลงลายนั้น ล้วนแล้วแต่เขียนด้วยความชำนาญ ประดุจดังเครื่องจักรก็ไม่ปาน เมื่อถามอายุงานแล้วก็ต้องตกใจ เพราะว่าหลายคนทำงานมา ๒๐ กว่า ๓๐ ปีในหน้าที่เหล่านี้ ถึงได้ชำนาญชนิดยกพู่กันลากปราด ๆ ไปได้เลย ไม่ต้องลงเส้นลงลายอะไรล่วงหน้า เป็นสิ่งที่ดูแล้วน่าอัศจรรย์มาก ๆ

จนกระทั่งพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม รองประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ดูแล้วประทับใจ จึงได้สั่งหม้อน้ำมนต์จำนวน ๓๕๐ ใบ เพื่อที่จะนำไปเป็นของที่ระลึก ถวายพระเถระที่มาร่วมงานวันเกิด ๘๐ ปีของท่านในเดือนกันยายนนี้ เมื่อกำชับแล้วกำชับอีกว่าสามารถที่จะผลิตได้ทันเวลา พวกเราจึงได้รับของที่ระลึกแล้วจากมาด้วยความพอใจ

เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไม่กล้าหยิบของมามาแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งที่เจ้าของบอกว่าต้องการชิ้นไหนให้หยิบเอาได้เลย เนื่องเพราะว่าพระของเรานั้นไม่ใช่จะไปหยิบของญาติโยมส่งเดชได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะมีการหวงอะไรทีหลังหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าได้รับอนุญาตแล้วหยิบส่งเดช ไปเจอสิ่งที่เขาหวงขึ้นมา อาจจะซวยไม่รู้จบ..!

[เถรี]

หลังจากนั้นท่านนายกเทศมนตรีก็นำพวกเราไปยังบริษัทธนศรีวรฉัตร จำกัด ในซอยกลิ่นสุคนธ์ ตำบลอ้อมน้อย ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นโดยคุณพิรินทร์บูลย์ ธนศรีวรฉัตร หรือว่าหลายต่อหลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า "ช่างพิ" ซึ่งเป็นช่างที่มีความชำนาญในการทำแม่พิมพ์รูปเหรียญเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ถึงขนาดคุยว่าเป็น "กระบี่มือ ๑" ในด้านนี้ของประเทศไทย

กระผม/อาตมภาพมองหน้าหลวงพี่น้ำฝน (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์) รักษาการเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง) ซึ่งสั่งทำวัตถุมงคลอยู่บ่อย ๆ แล้วก็พยักหน้าให้กัน หมายความว่าเรายังเจอช่างที่มีฝีมือดีกว่านี้ แต่ว่าของเขาก็ถือว่าผลงานยอดเยี่ยมแล้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปราชญ์ด้านงานผลิตพุทธศิลป์ของอำเภอกระทุ่มแบนเช่นกัน

เพียงสองที่เท่านั้น พวกเราก็ใช้เวลาเกือบจะหมดครึ่งวันไปแล้ว ต้องย้อนกลับมายังวัดอ้อมน้อย เข้าไปกราบสักการะและเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระประธาน ซึ่งพระประธานองค์ล่างนั้น กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วชอบใจเป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะหล่อถวายกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะว่าที่ฐานมีพระนามาภิไธยย่อ ส.ธ. อยู่ แต่ว่าที่กระผม/อาตมภาพประทับใจ ก็เพราะมั่นใจว่าเศียรพระนั้นเป็นของเก่าแน่นอน หากแต่ว่าเมื่อได้มาแล้ว ก็มาหล่อองค์พระถวายท่านใหม่ ไม่ทราบเหมือนกันว่าคนอื่นจะดูออกหรือเปล่า ? กระผม/อาตมภาพจึงขอถ่ายรูปไปด้วย

หลังจากนั้นก็ชมนิทรรศการต่าง ๆ ที่เขามาจัดแสดงอยู่ในวัดอ้อมน้อย และดูการแสดงทางวัฒนธรรมด้วย กว่าที่จะเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เลยเพลไปหลาย ๑๐ นาที จึงต้องรีบไปฉันเพลร่วมกัน จากนั้นพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี ก็จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เล่นเอาหลวงพ่อโพไซดอน - พระเดชพระคุณพระเทพสมุทรวัชราจารย์ (จรัล สิริธมฺโม) รักษาการประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ท่านเกือบจะเข้าศาลาประเมินไม่ทัน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี ท่านจะต้องเข้าประชุมมหาเถรสมาคมในวันนี้ จึงต้องเร่งรัดเวลาทุกอย่าง

[เถรี]

เมื่อกระผม/อาตมภาพนั่งลงและเริ่มทำการประเมิน ในกลุ่มไลน์ก็มีการส่งหนังสือด่วนพิเศษของอธิบดีกรมการปกครอง ที่ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานในกรมการปกครองทั้งหมด โดยที่ตีสีแดงโร่มาว่า "ด่วนที่สุด" แต่ขอโทษเถอะ..อ้างถึงมติเถรสมาคมวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๘ ที่ส่งเรื่องมาขอให้ชะลอการเข้าตรวจขอข้อมูลต่าง ๆ จากพระภิกษุสามเณร ขนาดหนังสือ "ด่วนที่สุด" จากวันที่ ๑๓ สิงหาคม มาออกได้ในวันที่ ๒๙ สิงหาคม กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ขนาดเรื่อง "ด่วนที่สุด" ยังใช้เวลานานขนาดนี้ ถ้าหากว่าเรื่องที่ไม่ด่วนจะนานขนาดไหน ?!

ที่เขาบอกว่า "ข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม" กระผม/อาตมภาพดูท่าว่าทางกรมการปกครอง อาจจะทำงานแบบ "เช้าชามเย็นกะละมัง" ก็ได้ ช่างไม่มีความจริงใจเสียเลย เรื่อง "ด่วนที่สุด" แต่ออกหนังสือมาช้าขนาดนี้ คงจะรอดูทิศดูทาง ดูกระแสน้ำ กระแสลม ให้ทั่วถึงเสียก่อน ว่าสังคมจะเอาอย่างไร เมื่อเห็นว่าไม่เป็นคุณกับข้าราชการภายใต้การปกครองของตนเอง โดยเฉพาะทางตำรวจ ถึงได้มีหนังสือ "ด่วนที่สุด" ออกมา หลังจากที่เรื่องผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว..!

ถ้าหากว่าทุกหน่วยงานในบ้านเราทำงานในลักษณะแบบนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่สงสารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องเพราะว่าทุกคนทำงาน "ราชการ" ก็คือ "งานของพระราชา" ขนาดงานของพระราชายังทำได้ห่วยแตกขนาดนี้..! แล้วงานส่วนตัวของท่านทั้งหลายจะย่ำแย่ขนาดไหนก็ไม่รู้ ?

แต่ว่าเรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่บ่นกันเองในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง เพราะว่าทางด้านพระสงฆ์ของเรา มีอะไรก็มักจะตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ แทบจะไม่มีการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แต่ว่าทางราชการนั้น นอกจากจะ "ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน" กันอย่างที่เราเห็นชัดเจนอยู่แล้ว ยังมีการลดซ้ายเลี้ยวขวา เพื่อที่จะหาเศษหาเลย เข้ากระเป๋าตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้..!

[เถรี]

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายตั้งใจปัดกวาดหน่วยงานของตนเองให้สะอาดเรียบร้อย เหมือนกับที่ตั้งใจจะปัดกวาดพระพุทธศาสนา กระผม/อาตมภาพก็จะอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่ดูท่าว่างานนี้จะหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น เพราะว่าเมื่อท่านตั้งใจสร้างผลงานด้วยการกระทืบพระภิกษุสามเณร เสร็จแล้วผลงานไม่ปรากฏ ก็เลยต้องมีการ "ฟ้องนาย ขายเพื่อน" กันขึ้นมา ถ้าลักษณะอย่างนี้ พระเราก็คงไม่เข้าไปยุ่งด้วย ถ้าภาษิตจีนเขาบอกว่า "สุนัขกัดสุนัข มีแต่ขนเต็มปาก" เราไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย..!

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่วางกำลังใจ แผ่เมตตาให้กับทุกท่าน หวังว่าจะสำนึกตัวได้ว่าตนเองคือข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องกระทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อความสุขสงบของประชาชน ตลอดจนกระทั่งคำนึงถึงศักดิ์ศรีและเครื่องแบบของข้าราชการ ไม่เช่นนั้นแล้ว คาดว่าท่านทั้งหลายก็คงจะแพ้ภัยตัวเองในเวลาอันไม่นาน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)