|
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
![]() ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันเสาร์ที่ ๒๖ กรกฏาคม ๒๕๖๘ เป็นอย่างไรว่าที่สามเณร ? ไม่ทันจะบวชเลย เกือบสิ้นชีวิตแล้วใช่ไหม ? คราวนี้ถ้าได้ยินใครพูดว่า "บวชแล้วสบาย" บอกให้เขาไปบวชเลย บอกไปนะว่า "กูยังไม่ทันจะบวชเลย กูก็จะตายแล้ว !" เดี๋ยวพวกเราหลังจากที่บวชเนกขัมมะแล้ว ให้ปฏิบัติธรรมตามปกติ ส่วนช่วงประมาณเที่ยงครึ่ง เราจะบวชสามเณรเฉลิมพระเกียรติถวายกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงเจริญพระชนมายุ ๗๓ พรรษาเต็ม บรรพชาหมู่ ๗๔ รูป ซึ่งเป็นโอกาสอันดี ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเราได้แสดงความจงรักภักดีโดยการบรรพชาถวายกุศล ไปนึกถึงหลวงพ่อสมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม) วัดตะเคียนงาม ท่านเองนอกจากพ่อแม่จะแจ้งเกิดช้าแล้ว ใบเกิดยังหายอีก ที่ชาวบ้านเรียกใบเกิดก็คือสูติบัตร ที่บ้านอาตมาก็แบบนั้น ได้อะไรมาแม่ก็เหน็บหลังคาเอาไว้ หนูแทะบ้าง โดนน้ำบ้าง บางทีรื้อหลังคาก็ทิ้งไปทั้งหมดนั่นเลย..! หลวงพ่อสมคิดจึงบวชไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใบเกิด ไม่มีบัตรประชาชน พอดีเขาต้องการพระบวชเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านไปถามเขาว่า "ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีใบเกิด บวชได้ไหม ?" เขาบอกว่า "ได้" ท่านก็เลยตัดสินใจบวช แล้วก็ไม่สึก อยู่ยาวมาเลย หมดเรื่องหมดราวไป ตอนหลังก็ทำหนังสือสุทธิพระ แล้วก็เอาหนังสือสุทธิพระไปขอทำบัตรประชาชน จึงหมดปัญหาไป แต่ว่าด้วยความที่แจ้งเกิดช้า เกิดแล้วตั้ง ๔ - ๕ ปี พ่อถึงจะไปแจ้งเกิดให้ เพราะฉะนั้น..ตอนนี้อายุจริงของท่านคือ ๘๐ ปี แต่อายุบัตรประชาชนคือ ๗๕ ปี ของพระเขาให้เกษียณที่อายุ ๘๐ ปี แต่หลวงพ่อสมคิดจะไปเกษียณที่อายุ ๘๕ ปี..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:16 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ส่วนว่าที่สามเณรของเรา ระยะเวลาแค่ประมาณสามวันเท่านั้น ลองกันดู สมัยก่อนลูกผู้ชายถ้าไม่บวชพระก็ต้องเป็นทหาร บวชพระก็ต้องบวช ๑ พรรษา ก็คือต่ำสุด ๓ เดือน แล้วเราบวชเณร ๓ วันจะรอดไหม ?
อะไรที่เคยทำได้ตอนเป็นฆราวาส พอเป็นพระเป็นเณรแล้วทำไม่ได้ ที่เขาบอกว่า "สึกก็อยากจะสวด บวชก็อยากจะร้อง" สึกแล้วดันขยันสวดมนต์ ตอนบวชพระไม่ทำ..! แต่พอบวชก็อยากจะร้องเพลง พระห้ามร้องเพลงก็อยากจะร้องทั้งวัน..! คราวนี้อย่าลืมว่าเราทุกท่านบวชถวายในหลวง แม้กระทั่งการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติก็ถวายในหลวง ปกติแล้วจะถวายอะไรในหลวงก็ต้องเป็นของที่ดีที่สุด คราวนี้เราเป็นเณร เป็นอุบาสก อุบาสิกา ก็จะมีศีล ๑๐ ศีล ๘ เป็นคุณสมบัติ ก็ต้องรักษาให้ดีที่สุด ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จะได้ถวายของดีที่สุดกับในหลวง ก็คือการที่ควบคุม กาย วาจา ใจ ของตนให้อยู่ในศีล ตอนนี้เราอาจจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โตขึ้นกว่านี้หน่อยก็จะรู้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในหลวงพระราชินีไม่ได้อยู่ในวังเลยนะ ท่านไปอยู่แนวหน้าตั้งแต่แรก ๆ แล้ว ไปกินไปนอนอยู่กับทหาร สาเหตุของการที่ทหารยืนยันไม่ให้อีกฝ่ายล่วงล้ำอธิปไตย ก็เพราะว่าในหลวงอยู่ด้วย พวกเราจะไปคิดว่าท่านเองอยู่สบายในกรุงเทพฯ..เปล่า ท่านไปนอนคลุกดินคลุกทรายอยู่กับทหารตั้งแต่แรกแล้ว
คราวนี้ในสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ในหลวงของเราท่านความจริงพูดเก่งนะ แต่ท่านไม่ค่อยพูด ทำอย่างเดียว ท่านทำแบบ "ปิดทองหลังพระ" ตามนโยบายของผู้เป็นทูนกระหม่อมพ่อ เพราะว่าทูนกระหม่อมพ่อเขียนเรื่อง "นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ" แล้วยังมีปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พระองค์ท่านทำพิธีปฐมบรมราชาภิเษก ก็คือขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างเป็นทางการ เมื่อขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วพูดอะไรประโยคแรก เขาเรียกว่า "ปฐมบรมราชโองการ" พระองค์ท่านตรัสว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาราษฎรสืบไป" พูดง่าย ๆ ก็คือ "อะไรที่พ่อทำไว้ พระองค์ท่านจะทำต่อไป" ไม่ค่อยเหมือนรัฐบาลของเรา รัฐบาลนี้พอของใหม่มานี่ ของเก่าทำอะไรไว้ดีแค่ไหนกูก็ไม่เอา ตั้งโครงการใหม่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยว "กิน" ยาก ทำโครงการใหม่ ตั้งงบประมาณใหม่ เพื่อที่จะได้ "กิน" กันให้ถนัด นี่อาตมามองโลกในแง่ร้ายไปไหม ?! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราที่ตั้งใจบวชเฉลิมพระเกียรติ ก็ต้องสำรวม กาย วาจา ใจ ให้ดี สามวันไม่ตายหรอก แค่ใกล้ ๆ ตายเท่านั้น..เชื่อเถอะ..! ไม่เคยได้ยินใช่ไหมที่เขาบอกว่า "บวชแล้วสบาย" คนไหนพูดนี่ลากคอมาบวชที่วัดท่าขนุนเลย ดูว่าจะสบายไหม ? ตีสามครึ่งต้องตื่นแล้ว แล้วท่านเจ้าอาวาสไม่รอด้วย นั่งลงได้ก็นำกรรมฐานเลย ใครมาไม่ทันช่างหัวมัน เสียประโยชน์เอง แต่ว่าระยะนี้เสียงไม่มี ยิ่งพูดเสียงเบายิ่งไม่ได้เลย นำกรรมฐานเมื่อเช้ามืดนี้พยายามเต็มที่แล้ว แทบจะขาดใจตาย..! ก็ทำหน้าที่ไป ตายเมื่อไรก็จบกัน เพราะว่า "ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ตายให้เป็น เย็นให้ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:22 |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว พวกเราก็ต้องไปแห่รอบโบสถ์ แล้วเข้ามาบวชเณรกันในศาลานี้ ให้พี่เลี้ยงเขียนชื่อ นามสกุล ชั้นเรียน ของสามเณรให้ชัดเจน ถ้าอยู่ชั้นเดียวกันก็ไล่ชื่อตามอายุจากน้อยไปหามาก
รุ่นนี้คงไม่มีแล้วหรอกกระมัง ? รุ่นหลวงพ่อเรียนชั้น ป. ๑ ตัวเองอายุ ๗ ขวบ แต่เพื่อนร่วมชั้น ป. ๑ อายุ ๑๗ - ๑๘ ปีไปเสียครึ่งห้อง..! สมัยก่อนใครสอบได้ไม่ถึง ๕๐ % เขาปรับตกให้เรียนซ้ำชั้น แล้วก็ตกได้ตกดี ตกกันจนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว หลวงพ่อเพิ่งจะเป็นเด็ก ๗ ขวบ ตัวกะเปี๊ยกเดียว เข้าไปเจอเพื่อนอายุ ๑๗ - ๑๘ เต็มห้องเลย ต้องแหงนหน้าคุย เพื่อนผู้หญิงบางคนแหงนแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย เห็นแต่นม ตัวเราเล็กไปหน่อย..! มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ไม่นึกว่าเขาจะได้ดีในชีวิต ชื่อจริงอย่าไปรู้เลย เรียกกันว่า "ไอ้ร้อง" ร้องไห้ได้ทั้งวัน..! หลวงพ่ออยู่ ป. ๑ ไอ้ร้องก็เข้าเรียนชั้น ป. ๑ หลวงพ่ออยู่ ป. ๒ ไอ้ร้องก็อยู่ ป. ๑ หลวงพ่ออยู่ ป. ๓ ไอ้ร้องก็อยู่ ป. ๑ หลวงพ่ออยู่ ป. ๔ ไอ้ร้องก็อยู่ ป. ๑ หลวงพ่ออยู่ ป. ๕ ไอ้ร้องลาออก..! อย่านึกว่าไม่มีนะ ทองผาภูมิยังมีอยู่เลย เรียน ๑๒ ปีอยู่ชั้น ป. ๒ ไม่ใช่อายุ ๑๒ นะ เรียนมา ๑๒ ปีอยู่แค่ชั้น ป. ๒ มาบวชพระวัดท่าขนุนด้วย ช่วยสอนกันไปหนึ่งพรรษา บอกพระท่านว่า "ทันเตะเป็นเตะ ทันเขกเป็นเขก เอาให้หนัก" คนนี้เป็นเด็กสมาธิสั้น จะทำเฉพาะเรื่องที่ตัวเองชอบ ถ้าเป็นเรื่องอื่นไม่สนใจ เลยต้องบังคับเรียน ครูไม่กล้าตีแต่พระไม่กลัว บอกไว้แล้วว่าถ้าเขกกบาลทันให้เขก ทันเตะก็เตะ..! คนเรากลัวเจ็บ เขากลัวเจ็บก็ตั้งใจเรียน บวชอยู่ ๓ เดือนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ แม่เกือบจะปิดตลาดเลี้ยง..! ลูกเรียนโรงเรียน ๑๒ ปีอยู่แค่ชั้น ป. ๒ แต่อยู่วัดท่าขนุน ๓ เดือนได้นักธรรมตรี ได้ประกาศนียบัตรไปติดข้างฝาโก้ ๆ แล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
ปรากฏว่าเรียนอยู่ ๕ ปี ไอ้ร้องสอบไม่ได้สักครั้ง ลาออก หลวงพ่ออยู่ชั้น ม.ศ. ๑ กลับไปเยี่ยม ไอ้ร้องอาย..ไม่ยอมโผล่หน้ามาเจอ หลังจากนั้นหลวงพ่อก็เข้ากรุงเทพฯ ไปทำงาน ไปเรียนทหาร จบทหารออกมา ไอ้ร้องเป็นผู้ใหญ่บ้าน..! เป็นไปได้อย่างไรวะ ?! แล้วตอนหลังขึ้นเป็นกำนันอีกด้วย..!
คนเรานี่เก่งกันคนละอย่าง ไอ้ร้องเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่มนุษยสัมพันธ์ดี จริงใจกับคนอื่น ไม่รู้ว่าคนอื่นเห็นว่าไอ้ร้องโง่หรือเปล่า ? ไอ้ร้องก็เลยกลายเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วกลายเป็นกำนัน คราวนี้ก็กล้าพูด กล้าสู้หน้าคน ไม่อย่างนั้นเวลาเพื่อนไปเยี่ยม เขาจะหนีไม่ยอมให้เจอ..! เพราะฉะนั้น..บางคนเรียนไม่เก่ง ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพียงแต่ว่าสตีฟ จ๊อบ และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มีแค่อย่างละคนเดียว อย่าไปอ้างว่าสองคนนั้นเรียนไม่จบไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย รวยเป็นหมื่น ๆ ล้าน โลกนี้มี ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ กว่าล้านคน มีสตีฟจ๊อบและมาร์คซัคเคอร์เบิร์กแค่อย่างละคนเท่านั้น เราอย่าไปหวังว่าจะรวยได้แบบนั้น เดี๋ยวพวกเราสมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แล้วปฏิบัติธรรมกันต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:44 |
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|