กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-08-2025, 19:44
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,124
ได้ให้อนุโมทนา: 225,990
ได้รับอนุโมทนา 809,443 ครั้ง ใน 39,832 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-08-2025, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,118
ได้รับอนุโมทนา 4,497,484 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ในคณะสงฆ์ของเรา ปล่อยให้เป็นภาระของพระผู้ใหญ่ท่านไปจัดการแก้ไขกันเอง เนื่องเพราะว่าต่อให้เราเห็นชัดเจนแค่ไหนว่าเรื่องนั้นไม่ถูกต้อง เราก็ไม่มีอำนาจในมือพอที่จะไปแก้ไขได้ นอกจากแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น

ต้องบอกว่าพระภิกษุสงฆ์ของเรา ยิ่งบวชนานเท่าไรก็ยิ่งตามโลกไม่ทันเท่านั้น โดยเฉพาะการมองโลกในแง่ดี ใครพูดดีด้วย ทำดีด้วย ก็เห็นดีกับเขาไปหมด จึงมักจะโดนหลอกลวงได้ง่าย อย่างที่เป็นข่าวเป็นคราวกันอยู่บ่อย ๆ

สิ่งหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ, ป.ธ. ๖) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๔ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านถือเป็นคติประจำใจเลยก็คือ วิสฺสฏฺเฐปิ น วิสฺสเส แม้บุคคลผู้คุ้นเคยก็ไม่ควรไว้วางใจ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากคนใกล้ตัวทั้งสิ้น แม้กระทั่งการทุจริตต่าง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเจอมาตลอดชีวิตของการบวช ไม่ว่าจะเป็นวัดไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็เกิดจากคนใกล้ชิด หรือคนที่เราไว้วางใจนั่นเอง

เรื่องพวกนี้เกิดจากกำลังใจของแต่ละท่าน ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพที่ตนเองเผชิญอยู่ แรก ๆ อาจจะมาด้วยเจตนาดี แต่เมื่อเจอ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อยู่ตรงหน้า สามารถที่จะไขว่คว้าได้ง่าย ก็ถลำตัวเข้าไป แล้วด้วยความที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ของตนยังไม่มั่นคงเพียงพอ ก็หลงใหลไปกับกระแสเหล่านั้นจนกู่ไม่กลับ..!

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพยกตัวอย่างให้ท่านทั้งหลายได้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่ง ตอนแรกก็บวชเข้ามาด้วยเจตนาดี ตั้งใจที่มาเพื่อละกิเลส เพื่อช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนา แต่พอนานไป ๆ เจอการทดสอบของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้า ก็หวั่นไหวและไหลตามไป

จากบุคคลที่เสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งหน้าที่การงานที่สำคัญ หรือว่าฐานะทางบ้านที่ร่ำรวย ตั้งใจที่จะเข้ามาประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม ให้สมกับที่เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ก็กลายเป็นว่าทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ต้องสร้างกุฏดี ๆ หรู ๆ ติดเครื่องปรับอากาศไว้ใช้เองและไว้ต้อนรับเพื่อนฝูง ต้องมีรถยนต์ราคาแพง ๆ เอาไว้อวดคนอื่นเขา แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็ใช้ของใหม่ทุกรุ่นที่ออก คนหนึ่งพกกันที ๒ เครื่อง ๓ เครื่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-08-2025, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,118
ได้รับอนุโมทนา 4,497,484 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับคนที่สนิทกันมาก ๆ กระผม/อาตมภาพก็ด่าให้ได้สำนึกไปหลายรายแล้ว อย่างเช่นว่ารับเงินกฐินมาก็รีบออกรถใหม่ป้ายแดง เป็นต้น ก็คือด่าให้รู้ว่า ถ้าอยากได้รถก็กรุณายับยั้งชั่งใจหน่อย ปล่อยให้เวลาเลยไปสัก ๖ เดือน ๑ ปีแล้วค่อยซื้อ ไม่ใช่เงินกฐินถึงมือปุ๊บ ก็ซื้อรถใหม่ปั๊บ ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณเอาเงินกฐินไปซื้อรถ..! พูดให้ง่ายก็คืออยากจะชั่วแต่ดันโง่ ทำอะไรไม่แนบเนียนพอ เดี๋ยวก็จะมีปัญหาอย่างที่เขาขับไล่เจ้าอาวาสกัน อย่างที่พวกเราท่านเห็น ๆ กันอยู่

หรือบางท่านพอเงินกฐินออกปุ๊บ ก็ไปต่างประเทศกับเพื่อนกับฝูง ไปกันที ๔ ประเทศ ๕ ประเทศ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้เงินไปเท่าไร เพราะว่ากระผม/อาตมภาพแค่ไปยุโรป ๔ ประเทศตอนดูงานปริญญาเอก แค่ค่าทัวร์ก็โดนไปแสนกว่าบาทแล้ว แล้วไหนจะซื้อข้าวของฝากคนอื่นเขาอีก

พรรคพวกที่ไปยุโรปด้วยกัน ไปซื้อนาฬิกามียี่ห้อของสวิส เพราะถือว่าไปถึงประเทศเขาแล้ว เรือนที่สั่งซื้อราคาถูกที่สุดก็คือรูดบัตรเครดิตไป ๘๐,๐๐๐ กว่าบาท นาฬิกาเป็นเครื่องมือในการบอกเวลา จะราคาเป็นหมื่น เป็นแสน หรือราคาระดับร้อยสองร้อย ก็ดูเวลาได้เหมือนกัน แต่เรามักจะแยก "คุณค่าแท้" กับ "คุณค่าเทียม" ไม่ออก

แม้กระทั่งบางท่าน กระทั่งรองเท้าก็ใส่คู่หนึ่งราคาเป็นหมื่น ซึ่งบรรดาญาติโยมที่ถวายรองเท้าราคาแพงแก่กระผม/อาตมภาพก็คงจะซาบซึ้งดี เพราะว่าทันทีที่ถวายมา กระผม/อาตมภาพก็โยนเข้าคลังเป็นกองกลางไปเลย ตัวเองใส่รองเท้าแตะราคาไม่กี่บาท หมาแทะขาดก็ไม่น่าเสียดาย แต่ถึงกระนั้น ถ้าหมาแทะขาดข้างหนึ่ง ก็ยังเก็บข้างที่ดีเอาไว้ เผื่อคู่ต่อไป หมาแทะข้างตรงกันข้าม ก็จะได้จับมาเข้าคู่กันแล้วใส่ใหม่ พรรคพวกเพื่อนฝูงบางคนเห็นใส่จีวรเก่า ๆ ก็บอกว่า "เดี๋ยวกูถวายของใหม่ให้ชุดหนึ่ง" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "กูมีมากกว่ามึงอีก..! อย่ามาเสือกยุ่งกับเรื่องของกู"

เรื่องพวกนี้อยู่ที่จิตสำนึกของพวกเราเอง อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าวางฐานะของพวกเราไว้เป็น "ผู้ขอ" การที่เราเป็นผู้ขอ ถ้าทำตัวร่ำรวย แล้วใครเขาจะเมตตาให้ ? โดยเฉพาะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น ต้องออกมาจากน้ำใสใจจริง ถึงจะทำได้ทน ทำได้นาน ถ้าไม่ออกมาจากน้ำใสใจจริง ไม่มีทางที่จะทำได้ทน ทำได้นาน อยู่ไปไม่นานเดี๋ยวหางก็โผล่..!

บางทีลูกศิษย์ปากกล้า ๆ ก็ถามกระผม/อาตมภาพว่า "พระอาจารย์สร้างภาพหรือเปล่า ? ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา" จึงได้ตอบกลับไปว่า "แล้วถ้าพระภิกษุสามเณรของเราทั่วสังฆมณฑล ช่วยกันสร้างภาพแบบผม คุณคิดว่าคณะสงฆ์ของเราจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-08-2025, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,118
ได้รับอนุโมทนา 4,497,484 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจิตสำนึกของตน และคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ แต่คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ก็ต้องเป็นครูบาอาจารย์ที่ทรงศีลทรงธรรมด้วย เพราะว่าในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่ กระผม/อาตมภาพได้ยินคำสอนนอกลู่นอกทางมามากต่อมากด้วยกัน

อย่างเช่นว่า "พระเณรของเราเรียนหนัก ถ้ารู้สึกหิวก็ฉันอาหารเย็นได้ แล้วค่อยไปปลงอาบัติเอา" ซึ่งเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ในสำนักเรียน เกิดจากประการแรกเลย ตัวเองทำแบบนั้น อยู่ในลักษณะ "หมาหางด้วน" ก็เลยชวนตัวอื่นให้กัดหางตัวเองให้ด้วนไปด้วยกัน ประการที่ ๒ ก็คือตนเองก็ได้รับคำสั่งสอนจากครูบาอาจารย์ในลักษณะแบบนั้น ก็เลยไม่รู้สึกว่าผิด..!

ในช่วงที่ยังเป็นอาจารย์สอนอยู่ตามวิทยาลัยสงฆ์ต่าง ๆ เขามีการพานิสิตเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ่อย ๆ เชื่อหรือไม่ว่าบรรดาครูบาอาจารย์ที่เป็นนักบวช ไม่มีใครยอมนอนห้องเดียวกับกระผม/อาตมภาพเลย เพราะรู้ว่าไม่ฉันอาหารเย็นแน่นอน ไม่ใช่แย่งกันนอนด้วยเพราะเห็นว่า
กระผม/อาตมภาพเคร่งครัด แต่แย่งกันไม่นอนด้วยเพราะว่าเคร่งครัด ส่วนท่านจะไปทำอะไรกันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..!

ดังนั้น..ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่ทรงศีลทรงธรรม คำสอนของท่านก็จะออกนอกลู่นอกทาง กลายเป็น "สัทธรรมปฏิรูป" แล้วท้ายที่สุดก็สร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนา เราต้องนึกถึงพระบาลีที่ว่า มือซึ่งไม่มีแผล ย่อมสามารถจับยาพิษได้โดยที่ไม่เป็นอันตราย บุคคลที่มีศีลเสมอกัน ย่อมไม่เกิดวิปฏิสาร คือความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายมีศีล แต่ถ้าศีลของเราบกพร่อง เราเองนั่นแหละที่จะเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะรู้ว่าความดีไม่เท่าคนรอบข้าง แล้วท้ายที่สุด ถ้าทนสภาพไม่ได้ ก็จะปลีกตัวออกไปอยู่สำนักอื่นบ้าง สึกหาลาเพศไปบ้าง เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 01-08-2025, 21:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,118
ได้รับอนุโมทนา 4,497,484 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเสียดายที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ บวชอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านได้แค่ ๗ พรรษา ท่านก็มรณภาพเสียก่อน ชีวิตฆราวาสติดตามท่านอยู่ ๑๑ ปี บวชอีก ๗ พรรษา ยังรู้สึกว่าเก็บเอาความรู้และสิ่งที่ท่านสอนมาทำได้เล็กน้อยเท่านั้น อยากที่จะอยู่กับครูบาอาจารย์ให้นานกว่านี้ เพื่อที่จะได้ศึกษาให้มากยิ่งขึ้น

แต่พอมาถึงยุคสมัยของพวกท่าน ต่อให้
กระผม/อาตมภาพกำหนดระเบียบวัดไว้ว่า ถ้าอยู่ไม่ถึง ๕ พรรษา จะไม่ปล่อยให้ออกไปอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าส่วนหนึ่งพอครบ ๕ พรรษาปุ๊บก็เผ่นปั๊บ..! กลัวว่าจะอยู่กับกระผม/อาตมภาพนานเกินไป อีกส่วนหนึ่งก็เผ่นเสียตั้งแต่บวชใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่วัดได้ชัดเจนที่สุดว่า ในขณะที่คุณงามความดีของเรายังไม่เพียงพอ เวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่น เราก็จะเดือดร้อน อยู่ไม่ได้ไปเอง..!

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรระวังเอาไว้ เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราไม่สามารถรักษาสถานภาพของพระภิกษุสามเณรที่ดีเอาไว้ได้ นอกจากชาติปัจจุบันนี้เราจะเดือดร้อนแล้ว หลังจากที่ตายไปยังจะเดือดร้อนหนักยิ่งกว่านี้ จะเป็นเหมือนดั่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็คือพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ บวชมาแล้วก็ลงอเวจีมหานรก..! ส่วนขุมอื่น ๆ นั้นก็แน่นไปหมด ตามโทษานุโทษหนักเบาที่ตนเองทำเอาไว้

กระผม/อาตมภาพไม่หวังว่าจะเจอท่านทั้งหลายที่ข้างล่างนั้น จึงพยายามปากเปียกปากแฉะจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่ง ที่พยายามหลีกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านก็แล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว