กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:50
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,959
ได้ให้อนุโมทนา: 225,550
ได้รับอนุโมทนา 804,493 ครั้ง ใน 39,576 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,313 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ท่านใดที่ไปร่วมงานศพนายไพบูลย์ เปาประดิษฐ์ ที่วัดทองผาภูมิ ก็จะเห็น "หลวงพี่เหลิม" (พระเฉลิม จารุวณฺโณ)ของกระผม/อาตมภาพ ท่านแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" ออกอากาศให้เกือบทุกคน..!

เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะว่าอาการที่ท่านเป็นอยู่นั้น โบราณเขาเรียกว่า "โรคสันนิบาต" ส่วนหนึ่งเกิดจากอาการผิดปกติทางสมอง คาดว่าตอนเด็ก ๆ ท่านคงได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองมา จึงไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าท่านสวดมนต์ ท่านจะต้องรัวชนิดไม่ให้มีช่องว่างเหลือ ไม่อย่างนั้นก็จะแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" ให้คนฟังอีก ตอนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดทองผาภูมิอยู่ ก็สอนท่านให้เปลี่ยนเป็นคำว่า "รวย" แล้วท่านก็ทำได้สำเร็จ แต่พอผ่านไปนาน ๆ ไม่มีใครคอยบังคับ ก็กลับไปเป็น "วัตถุมงคลส่วนตัว" เหมือนเดิม

เรื่องของโรคสันนิบาต กระผม/อาตมภาพเคยเห็นจากเสือฝ้าย เสือฝ้ายก็คือ "จอมพลฝ้าย" มหาโจรใหญ่แห่งสุพรรณบุรี ซึ่งหลายท่านบอกว่าโดนยิงตายไปแล้ว แต่ได้คุยกับกระผม/อาตมภาพอยู่หลายปี เนื่องเพราะว่าเสือฝ้ายกับเสือมเหศวรไปกราบหลวงพ่อวัดท่าซุง เรียนหลวงพ่อท่านว่าปล้นทองจากทหารญี่ปุ่นได้เป็นตู้รถไฟเลย กระผม/อาตมภาพซักถามท่านว่า "โยมปล้นอีท่าไหน ?" ท่านบอกว่า "สมัยนั้นส่วนใหญ่ก็ปล้นเอาอาวุธ ปล้นเอาเสบียง แต่พอขึ้นรถไป ปรากฏว่ารถไฟเที่ยวนั้นวิ่งไปกาญจนบุรี บรรทุกทองคำไปเป็นตู้เลย..!"

พองัดดูแล้วว่าเป็นทองคำแน่ ๆ หรือว่าเป็นอาวุธปืน หรือว่าเป็นเสบียงอาหาร ต้องการแบบไหน ก็จะให้ลูกน้องไปรอจังหวะอยู่ที่ระหว่างตู้รถไฟ เมื่อรถไฟเริ่มเข้าโค้งก็ปลดสลักยึดระหว่างตู้ พอเข้าโค้งแล้วรถไฟเหวี่ยงตัวเอง ตู้นั้นก็จะหลุดออกจากทางด้านหัวรถไฟ แต่ถ้าหากว่าเป็นรายอื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช้วิธีโยนหรือว่าถีบสินค้าลงจากรถ จนกระทั่งรุ่นเก่า ๆ เขาจะรู้ว่า "ขบวนการไทยถีบ" คืออะไร ? เมื่อได้ตู้รถไฟบรรทุกทองมาแล้ว ก็หาจังหวะเอาลงจากรางรถไฟ ช่วยกันผลัก ช่วยกันดัน ช่วยกันเอาม้าลาก จนกระทั่งเข้าไปในซอกเขา แล้วก็วางระเบิดให้หินถล่มลงมากลบเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), กฤษฎากร (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #3  
เก่า วันนี้, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,313 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถามโยมว่า "ทำไมถึงต้องให้หลวงพ่อท่านไปเอาด้วย ?" เสือฝ้ายท่านบอกว่าสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ตัวเองเป็นคนสุพรรณบุรี รู้จักมักคุ้นกับตระกูลของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงดี เห็นว่าท่านเป็นพระที่มีบารมีมาก น่าจะสามารถไปเอาทองคำนี้ออกมาใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะใช้ในการสร้างวัด

ประการที่สองก็คือ หลวงพ่อมีลูกศิษย์ที่เป็นทั้งนายตำรวจ นายทหารใหญ่ ๆ โต ๆ ซึ่งตอนนั้นมีทั้งระดับแม่ทัพ มีทั้งระดับผู้บัญชาการทหาร มีทั้งระดับปลัดกระทรวงกลาโหม บรรดาลูกศิษย์น่าจะช่วยเหลือให้หลวงพ่อเอาทองคำออกมาได้โดยง่าย เรื่องนี้พักไว้แค่นี้ก่อน

ที่เล่าถึงตรงนี้ก็เพราะว่า เสือฝ้ายเวลาคุยไปนาทีสองนาที หน้าแกจะสะบัดเองโดยอัตโนมัติ สะบัดไปทางด้านขวา ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง กว่าจะห้ามตัวเองให้หยุดได้ จึงถามว่า "โยมเป็นโรคหรือเปล่า ?"" ท่านบอกว่า "จะเรียกว่าโรคก็ใช่ โบราณเรียกว่าโรคสันนิบาต แต่หมอสมัยใหม่บอกว่า เกิดจากความผิดปกติทางสมอง"

ก็คือเด็กสมัยก่อนส่วนใหญ่จะคลอดโดยหมอตำแย บางทีก็คาอยู่ในท้องแม่นานเกินไป ทั้งที่ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว กว่าจะดึงออกมาได้ บางทีเขียวไปทั้งตัว..! ก็คือขาดอากาศหายใจ ถ้าขาด ๒ - ๓ นาทีขึ้นไป เซลล์สมองส่วนมากก็จะเริ่มตาย แล้วก็จะทำให้เกิดอาการผิดปกติ เพราะว่าสมองไม่สมบูรณ์ สั่งการไม่ได้ครบถ้วน ก็เลยถามว่า "แล้วโยมเป็นมาตั้งแต่เด็กหรือ ?" ท่านบอก "ไม่ใช่..เป็นตอนที่มาเป็นเสือนี่เอง"

ด้วยความที่ว่ามีวัตถุมงคลดี หนังเหนียว ดังนั้น..บางทีการ "เคลียร์" กันในหมู่เสือ ก็คือต้องสู้กันให้ "เห็นดำเห็นแดง" ว่าฝีมือใครดีกว่า อีกฝ่ายพอรู้ว่าเสือฝ้ายหนังเหนียว ก็ใช้พวกตะพดบ้าง คมแฝกบ้าง โดนฟาดกบาลไปหลาย ๆ ทีก็มีปัญหาขึ้นมาทีหลัง เพราะว่าน่าจะกระทบกระเทือนถึงสมองเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), กฤษฎากร (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้), หลุดพ้น (วันนี้)
  #4  
เก่า วันนี้, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,313 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนทองผาภูมิเคยชินกับ "หลวงพี่เหลิม" ของกระผม/อาตมภาพมานานมาก เพราะว่าแกเป็นคนที่นี่เลย เกิดที่นี่ โตที่นี่ เป็นรุ่นเดียวกับท่านจิรชัย ถนอมวงษ์ อดีตนายกนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน หรือที่เราเรียกกันว่า "ผู้ใหญ่ชัย" เรียนหนังสือมาด้วยกัน ก็เลยทำให้คนทองผาภูมิเคยชินกับการที่ "พี่เหลิม" แกแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" ก็แค่หัวเราะเฮฮากันไป

แต่คนที่มาจากที่อื่นไม่รู้ บางทีจะตำหนิพระเอาว่า "เป็นพระเป็นเจ้า ทำไมด่าอะไรหยาบ ๆ คาย ๆ ? ไม่รู้จักสำรวม..!" หรือไม่ก็พวกเราเองนั่นแหละที่ไปตำหนิท่าน เนื่องเพราะว่าเวลาสวดมนต์ ท่านจะไม่เอาจังหวะกับใคร ต้องลุยไปตามจังหวะตัวเอง ไม่อย่างนั้น ถ้าหยุดให้หายใจเมื่อไร ท่านก็จะแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" เมื่อนั้น..!

จริง ๆ แล้วพระวัดทองผาภูมิน่าจะช่วยกันเตือนสติท่าน เพราะว่าตอนที่
กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ๘ - ๙ เดือน แก้ท่านจนเปลี่ยนเป็นคำว่า "รวย" ได้ทุกครั้ง บอกว่า "ถ้าพี่เหลิมพูดคำว่า "รวย" นี้ติดปาก ชาวบ้านเขาจะรักพี่เหลิมขึ้นอีกเยอะเลย" แต่ปรากฏว่าพอกระผม/อาตมภาพไม่อยู่ ไม่มีใครคอยไปควบคุม คอยไปเตือนสติ ก็กลับไปเหมือนเดิม จึงทำให้พวกท่านทั้งหลาย หรือว่าญาติโยมที่มาจากที่อื่นบางทีไม่เข้าใจ จะไปตำหนิติเตียน ท่านก็เป็นพระอาวุโส พรรษาไล่เลี่ยกับกระผม/อาตมภาพด้วย ก็ถือว่ายกให้ท่านเป็น "ปาปมุต" คือผู้พ้นจากบาปทั้งปวงไปก็แล้วกัน

ส่วนของ "ท่านปราย" (พระอาทิตย์ อสโม) วันนี้ เทศน์งานศพคุณตาของตัวเอง ก็ถือว่าตัดต่อเนื้อหาไปได้ค่อนข้างเนียน ถ้าไม่ใช่
กระผม/อาตมภาพมีส่วนเทศน์เอง ก็จำเนื้อหาไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น..ในเรื่องของการเทศน์ ถ้าหากว่าพวกท่านทั้งหลาย มีใครต้องการจะเรียนรู้หลักการที่แท้จริง ก็ให้คอยดูว่าทางด้านวัดประยุรวงศาวาส วรวิหารก็ดี วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหารก็ดี มีการจัดอบรมนักเทศน์เมื่อไร ใครต้องการไปแจ้งกระผม/อาตมภาพได้

เพราะไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าคุณอาจารย์ทองดี - พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙) ราชบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร หรือว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์ประยูร - พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ. ๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร ที่ถือว่าเป็นสุดยอดนักเทศน์เมืองไทย ซึ่งเจ้าอาวาสทั้งสองวัด ก็รู้จักมักคุ้นกันดี
กระผม/อาตมภาพจะได้ไปฝากฝัง ไปเยี่ยมเยือนกันเหมือนรุ่นเก่า ๆ ที่เขาอบรมกันที่นั่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), กฤษฎากร (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #5  
เก่า วันนี้, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,313 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกท่านอาจจะสงสัยว่ากระผม/อาตมภาพไปไหน ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ก็เพื่อนฝูง ไม่เพื่อนฝูงก็ลูกศิษย์ ก็เพราะว่าตอนเป็นพระใหม่ไม่ค่อยเกี่ยงงาน ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปงานอบรมที่ไหนก็ไป งานแบบนั้นแหละ เราจะได้ครูบาอาจารย์ด้วย ได้เพื่อนร่วมรุ่นด้วย ถือว่าเป็น "คอนเน็คชั่น" ก็คือเส้นสายอย่างหนึ่ง ที่จะเชื่อมโยงพวกเราไว้ ก็คือคำว่า "รุ่นเดียวกัน"

อย่างของกระผม/อาตมภาพ นักเทศน์รุ่นนั้น ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันตลอด ๑๕ วันก็คือพระมหาชรัช อุชุจาโร ป.ธ. ๖ ปัจจุบันนี้ก็คือพระราชวัชรญาณโมลี, ดร. เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) รองเจ้าคณะภาค ๑๘ ใครจะไปนึกว่ามหาประโยค ๖ สมัยนั้นจะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้..!

ตอนที่ดร.หนึ่ง (พระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร.) จะเก็บวันปฏิบัติธรรมของปริญญาเอก แล้วทางวิทยาสงฆ์ปัตตานีมีจัดปฏิบัติธรรมอยู่ ดร.หนึ่งก็ถามผมว่า "หลวงพ่อมีใครที่รู้จักมักคุ้นทางด้านปัตตานีบ้างครับ ? ผมจะได้ไปอาศัยพักด้วย"
กระผม/อาตมภาพถามว่า "คุณอบรมที่ไหน ?" ท่านบอกว่า "วิทยาสงฆ์ปัตตานี" กระผม/อาตมภาพก็เลยบอกว่า "ให้ไปหาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน" หายไป ๒ วัน ดร.หนึ่งท่านโทรมาบอกว่า "อยู่ห้องแอร์คนเดียว สบาบใจเฉิบเลยครับ" ก็คือไม่คิดว่า ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ก็คือท่านอาจารย์มหาชรัช หรือปัจจุบันก็คือรองเจ้าคณะภาค ๑๘..!

เพราะฉะนั้น..
ถ้าหากว่าพวกเราในช่วงที่อายุกาลพรรษายังน้อยอยู่ อะไรที่ช่วยเสริมความรู้ เสริมวิทยฐานะตนเอง ถ้ามีโอกาสรีบไขว่คว้าเอาไว้ เนื่องเพราะว่านานไปถ้าเรายังอยู่ต่อ ไม่ช้าก็เร็ว หน้าที่รับผิดชอบจะต้องตกลงมา ถ้าถึงเวลา เขาต้องการอะไรแล้วเรามีทั้งนั้นก็จบ ไม่เช่นนั้นถึงเวลาเขาต้องการแล้วเราไม่มี ก็ต้องไปตะเกียกตะกายศึกษาใหม่อบรมใหม่ จะทำให้เสียเวลามาก..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
เด็กบางบัวทอง

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว