#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนำพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตตามปกติ เมื่อกลับมาฉันเช้าแล้ว ก็ได้เข้าร่วมอบรมออนไลน์ในโครงการต้านทุจริตศึกษา ว่ากันตั้งแต่เช้าจนเย็น ตลอดระยะเวลาทั้งวันนั้นก็มีฝนตกลงมาเป็นระยะ
กระผม/อาตมภาพต้องคอยนั่งสังเกตอาการตนเองไปด้วย ร่วมการอบรมไปด้วย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายตอนนี้เกิดเพราะอาการอยากยา หรือว่าเกิดเพราะร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยอากาศเปลี่ยนแปลงกันแน่ ? เรื่องแบบนี้ก็คล้ายคลึงกับการพิจารณาตนเองว่า เรามีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมหรือไม่ ? ก็คือต้องไม่เข้าข้างตนเองอย่างเด็ดขาด ถ้าหากว่าหนักเบาอย่างไรก็ "ยกประโยชน์ให้จำเลย" ก็คือตัดสินไปเลยว่าเกิดจากอาการอยากยา หรือตัดสินไปเลยว่าเป็นกิเลสชักจูงเรา ไม่ใช่เรื่องของธรรมะที่แท้จริง การพิจารณาตนเองตามหลักธรรมนั้น บุคคลที่ไม่มั่นคง ยังมีกำลังใจต่ำอยู่ จะพิจารณาตนเองได้ยาก เพราะว่าโดยปกติแล้วก็จะเข้าข้างตนเองโดยตลอด ในระหว่างนั้น กระผม/อาตมภาพก็ทำงานไปด้วย ร่วมฟังโครงการบรรยายไปด้วย งานที่ทำก็คือเตรียมการบรรยายในงานอบรมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ที่สถาบันพระสังฆาธิการ จังหวัดราชบุรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ไปเป็นพระวิทยากรบรรยายให้แก่บรรดาเจ้าอาวาสทั้ง ๗๗ จังหวัด เมื่อทำพาวเวอร์พอยท์เสร็จเรียบร้อย ก็ยังต้องมากรอกข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวิทยากร เพื่อส่งไปให้ทางด้านจังหวัดราชบุรีเพิ่มเติม แล้วก็ยังมีงานในการทำเอกสาร เพื่อรอรับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งจะต้องทำทั้งเอกสารที่เป็นแบบของทางราชการ โดยที่รูปแบบก็เปลี่ยนอยู่ทุกปี เปลี่ยนอยู่ทุกครั้ง ไม่สามารถที่จะใช้รูปแบบเดิม ๆ ได้ เป็นการป้องกันการทุจริตหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แล้วเอกสารที่กรอกได้ง่าย ๆ ถ้าหากว่าเป็นเวิร์ดมา ท่านก็ไปทำเป็นกล่องข้อความ หากเป็นบุคคลที่ไม่มีความคล่องตัวในการใช้เวิร์ดรูปแบบต่าง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะทำงานนั้นได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2025 เมื่อ 00:56 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
โดยที่ปัจจัยสนับสนุนสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) นั้น ได้ในฐานะสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดที่มีผลงานดีเด่น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ เมื่อทราบยอดปัจจัยสนับสนุนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องนั่งถอนใจ เพราะว่าเขามีให้ถึง ๙,๕๐๐ บาท..! แต่ว่าเราจะต้องส่งเอกสารรายงานการปฏิบัติธรรมเป็นไตรมาส รวมแล้ว ๔ ไตรมาสด้วยกัน เพื่อความสวยงามของเอกสาร กระผม/อาตมภาพก็มักจะทำเป็นภาพ ๔ สี ก็แปลว่า ๙,๕๐๐ บาทนั้น ส่งเอกสารครั้งเดียวก็แทบจะไม่พอแล้ว อย่าว่าแต่ส่งถึง ๔ ครั้ง..!
เรื่องการทำงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ของเรานั้น ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าหนักใจมาก อยากได้ผลงาน แต่การสนับสนุนกลับมีน้อยสุด ๆ มีบางแห่งที่กระผม/อาตมภาพต่อว่าไปตรง ๆ ว่า "ทำไมมีปัจจัยสนับสนุนเพียงเล็กน้อย หรือว่าไม่มีเลย ?" เจ้าหน้าที่ตอบอย่างชัดเจนว่า "ตอนนี้ยังดีนะครับ สมัยก่อนต้องขอจากหลวงพ่อเพิ่มเติมเสียด้วยซ้ำไป..!" กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ก็ได้แต่เสียสละทำงานกันไปตามระเบียบ ถ้าหากว่าอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็เลิกทำเท่านั้นเอง แต่ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ยังสามารถที่จะทำงานของตนเองได้โดยไม่ติดขัด ต้องถือว่ายังเป็นเรื่องที่ "ธรรมะจัดสรร" อยากจะบอกกับหน่วยราชการทั้งหลายว่า สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแต่ละแห่งนั้น บรรดาท่านเจ้าสำนักที่ได้รับการติดต่อให้จัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่แล้วเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านเป็นผู้มักน้อย สันโดษ นิยมการปฏิบัติธรรม แต่ว่าพวกเรากลับไปลากท่านออกมา ทำเอกสารแบบโน้น ทำเอกสารแบบนี้ ต้องอย่างนั้นถึงจะถูกตามระเบียบ ต้องอย่างนี้ถึงจะถูกตามระเบียบ กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ท่านกำลังสร้างความรำคาญให้กับพระนักปฏิบัติ แล้วถ้าท่านไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเราอีกเลย ไม่สามารถจะเรียกร้องงานอะไรจากท่านอีกเลย ก็ขอให้รู้ว่าเป็นเพราะท่านทั้งหลายทำตัวเอง เพราะว่าไปยุ่งกับสิ่งที่ท่านไม่ชอบเอง..! ท่านอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ มีความสุขอยู่กับตนเอง มีความสุขในการที่ถ่ายทอดสิ่งที่ดีที่งามต่อญาติโยมของท่าน แล้วเราก็ไปลากท่านออกมากระโดดโลดเต้นในโลกภายนอก ลากท่านออกมาสู่แสงสป็อตไลท์ น้อยคนนักที่จะเป็น "ปลาหลายน้ำ" อย่างกระผม/อาตมภาพ ก็คืออยู่ในสถานการณ์ไหน ก็สามารถที่จะทำตนเองให้เป็นตัวตนของตนเองได้ ไม่ไหลตามกระแส หรือว่าไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของตนเองไป..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2025 เมื่อ 01:04 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
หลายท่านนั้นแต่แรกกระผม/อาตมภาพก็ดีใจมากว่าท่านมาถูกทางแล้ว แต่เมื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ชื่อเสียงเงินทองเริ่มเข้ามา โดยเฉพาะหน่วยราชการต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญ ท่านก็หลงผิด กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ได้ทำเพื่อพุทธศาสนิกชน ไม่ได้ทำเพื่อพระพุทธศาสนาแล้ว หากแต่ทำเพื่อชื่อเสียงลาภยศของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
หลังจากทำเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อย และส่งผ่านสื่อโซเชียลไปก่อน เพื่อที่จะส่งตัวจริงตามไปภายหลังแล้ว ก็มาให้ความสนใจกับการต้านทุจริตศึกษา ซึ่งวันนี้หัวข้อก็คือ "ความเห็นแก่ตัว : ต้นทางสู่การทุจริต ทำผิดสารพัน" จะว่าไปแล้ว ความเห็นแก่ตัวนั้นเป็นสิ่งที่เป็นกลาง ๆ ถ้าหากว่าเราไม่เน้นไปด้านใดด้านหนึ่ง คำว่าความเห็นแก่ตัวก็ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็คือต้องอาศัยตัวเอง ต้องเห็นแก่ตัวเองก่อน ทำตัวเองของเราให้เป็นเกาะ ทำตัวเองของเราให้เป็นฝั่ง ถึงจะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อย่างเต็มที่ ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว ยังลอยคออยู่ในทะเลทุกข์ แต่ไปช่วยคนข้างซ้าย ไปช่วยคนข้างขวา ท้ายสุดก็จะประสบกับการจมตายด้วยกันทั้งขบวน..! ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือใครได้อย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าการเห็นแก่ตัวในลักษณะสร้างตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้อื่นนั้น เป็นการเห็นแก่ตัวในด้านดี จัดเป็นธรรมฉันทะ ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวด้วยอำนาจของตัณหา หรือว่าโลภะ เป็นต้น ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกแยะออกมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้ว คำว่าความเห็นแก่ตัว คนก็มักจะนึกถึงบุคคลที่โลภมาก อะไร ๆ ก็กอบโกยใส่ตนเอง ไม่รู้จักแบ่งปันให้กับคนอื่น เป็นคนคับแคบ ไม่เอาสังคม ไม่เอาคนรอบข้าง เอาแต่ตัวตนของตนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจคำว่าเห็นแก่ตัวไปในลักษณะนี้ หลังจากจบการอบรม และจบการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังต้องออกไปร่วมงานศพของหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ตามหน้าที่ของพระสังฆาธิการอย่างหนึ่ง ตามความสัมพันธ์ส่วนตัวอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2025 เมื่อ 01:06 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|