กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-05-2025, 18:03
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,976
ได้ให้อนุโมทนา: 225,397
ได้รับอนุโมทนา 803,552 ครั้ง ใน 39,511 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-05-2025, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,512
ได้ให้อนุโมทนา: 158,287
ได้รับอนุโมทนา 4,484,282 ครั้ง ใน 36,121 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็ลงไปนำพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๘ ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งแม้ว่าจะลงมาช้า ก็คือโดยปกติถ้านัดตี ๓ ครึ่ง ประมาณตี ๓ กระผม/อาตมภาพก็จะลงไปนั่งรอแล้ว แต่ด้วยความที่ว่าเจ็บไข้ได้ป่วย ออกไปก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับโยมได้ เนื่องเพราะว่าเสียงไม่อำนวย ก็เลยลงไปช้าถึง ๑๕ นาที

แต่กระนั้นก็ตาม พระภิกษุสามเณรส่วนหนึ่ง ตลอดจนกระทั่งญาติโยมก็ยังมาไม่ถึง พูดง่าย ๆ ว่ากำลังใจไม่ได้ปักมั่นอยู่กับงานที่ทำ บุคคลที่กำลังใจมุ่งมั่นอยู่กับภารกิจตรงหน้า จะไม่ใช่เป็นคนที่ตรงเวลาอย่างเดียว แต่ส่วนมากมักจะก่อนเวลาด้วย เราสามารถเอาตรงนี้เป็นเครื่องวัดตัวเองได้ว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้นมีความก้าวหน้าสักเท่าไร

เมื่อนำทุกท่านภาวนาพระคาถาเงินล้านและอุทิศส่วนกุศลแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็นั่งเป็นเนื้อนาบุญ ให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทำบุญหลังจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน จากนั้นก็มอบหมายให้พระท่านนำพระภิกษุสามเณรในสายบิณฑบาตออกรับบาตรแทน ส่วนในเรื่องของการปฏิบัติธรรม วัดท่าขนุนของเรามีพระวิปัสสนาจารย์อยู่หลายรูป สามารถที่จะทำหน้าที่แทนกระผม/อาตมภาพได้

ส่วนตนเองนั้นก็ได้เดินทางเพื่อที่จะไปหาหมอ ก็อย่างที่บอกกับญาติโยมทั้งหลายว่า "ไม่ไปหาหมอก็ไม่มีโรค" ไปหาหมอเมื่อไรก็มีโรคเมื่อนั้น..! จึงได้ยามาถุงใหญ่ จนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่า แต่ละอย่างต้องฉันต้องกินในเวลาใดบ้าง แต่เพื่อความสบายใจของญาติโยม ก็ไปหาหมอให้คนทั้งหลายเขาได้เห็นกัน

บรรดายาต่าง ๆ ที่ญาติโยมเห็นว่าเป็นของวิเศษ ตลอดจนกระทั่งของที่หมอให้มา กระผม/อาตมภาพฉันจนครบโดสทุกครั้ง เนื่องเพราะเบื่อที่จะมาฟังว่า ที่ไม่หายก็เพราะว่าไม่ยอมฉันยาของเขา แล้วที่ทำมาตลอด ๔๐ กว่าปี ทุกท่านก็เห็นแล้ว ว่าต่อให้ยาของท่านวิเศษขนาดไหนก็ตาม ก็ช่วยกระผม/อาตมภาพได้แค่ที่เห็นนี่เอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2025 เมื่อ 04:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-05-2025, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,512
ได้ให้อนุโมทนา: 158,287
ได้รับอนุโมทนา 4,484,282 ครั้ง ใน 36,121 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าโรคภัยไข้เจ็บของกระผม/อาตมภาพนั้นไม่ใช่โรคธรรมดา แต่เป็นโรคเวรโรคกรรม โรคที่เกิดจากการรบราฆ่าฟันกันมาทุกชาติ เนื่องเพราะว่าเป็นทหาร ต้องป้องกันรักษาประเทศชาติบ้าง ต้องรบเพื่อขยายอาณาเขตบ้าง แต่ละครั้งก็ทำให้ทั้งคนและสัตว์ตายไปทีละมาก ๆ คนก็คือข้าศึกทั้งหลายที่ต้องปะทะกันตามหน้าที่ ต่อให้ไม่มีความโกรธแค้นกันมา แต่ถึงเวลาอยู่คนละฝักคนละฝ่าย เมื่อยกทัพมาประจันหน้ากันก็ต้องสู้รบกัน เพื่อป้องกันรักษาชีวิต ป้องกันขอบขัณฑสีมาของตนเอง

ส่วนบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็เป็นเสบียงอาหาร มีทั้งที่ต้อนไปแบบเป็น ๆ อย่างเช่นวัวควาย แล้วก็ค่อย ๆ ล้ม ค่อย ๆ เชือด เพื่อทำเป็นอาหารในแต่ละวัน เนื่องเพราะว่าสมัยก่อน การที่จะเก็บเป็นเนื้อแห้งอาหารแห้งนั้น บรรดาเทคโนโลยีและวิธีการไม่ดีเหมือนกับสมัยนี้ จึงต้องใช้วิธีเอาไปแบบเป็น ๆ แล้วก็ค่อยไปเชือด ไปฆ่ากันในตอนที่จะกิน

การที่เราฆ่าคน หรือว่าฆ่าสัตว์ใหญ่ จัดเป็นกรรมปาณาติบาตที่หนักมาก ถ้าหากว่ามีอุปฆาตกรรมมาตัดรอน กรรมตรงนี้จะทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ หรืออาจถึงแก่เสียชีวิตไปเลย..! ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์และกรรมในช่วงนั้น ๆ ที่มาสนอง

ดังนั้น..
ในเรื่องของกรรม จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อย่าไปเห็นว่าเป็นกรรมเพียงเล็กน้อยแล้วทำ ขณะเดียวกัน ก็อย่าไปเห็นว่าเป็นบุญเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ เนื่องเพราะไม่ว่าจะเป็นเวรเป็นกรรม หรือว่าเป็นบุญก็ตาม เมื่อถึงเวลาย่อมให้ผลทั้งสิ้น

พระพุทธศาสนาของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เชื่อกรรม คือการกระทำของแต่ละคน ว่าทำอย่างไรเราถึงจะละกรรมชั่ว หันมาทำแต่กรรมดีได้ ภาษาบาลีใช้คำว่า กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต บัณฑิตย่อมสรรเสริญกรรมอันขาว ละเว้นเสียซึ่งกรรมอันดำ ก็คือสรรเสริญในการทำกรรมดี ละเว้นในการทำกรรมชั่วนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2025 เมื่อ 04:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-05-2025, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,512
ได้ให้อนุโมทนา: 158,287
ได้รับอนุโมทนา 4,484,282 ครั้ง ใน 36,121 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นอกจากสอนให้เชื่อกรรมแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสอนให้เชื่อผลของกรรม ก็คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งเด็กในสมัยนี้จำนวนหนึ่งถามว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป โดยที่ไม่เข้าใจว่ากรรมนั้นมีทั้งกรรมหนัก มีทั้งกรรมเบา ที่ส่งผลเร็วช้าต่างกัน มีทั้งกรรมที่หนุนเสริม มีทั้งกรรมที่ตัดรอน มีทั้งกรรมที่คอยเบียดเบียน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ขณะที่กรรมดีเก่าของเขายังส่งผล แต่ตัวเขาทำความชั่วให้คนอื่นเห็น เราก็ไปเกิดมิจฉาทิฏฐิว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะนี้ โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะตกไปอยู่ในทางที่ชั่ว ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้แน่นอน เพราะว่ากลายเป็นบุคคลที่มองเห็นโลกไปในแง่ร้ายเสียแล้ว ก็คือเห็นว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ถ้าหากว่าทำชั่วแล้วได้ดี ถึงเวลาอยากได้ดี ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำความชั่วกันไป

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสอนว่า พวกเรามีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ก็คือการกระทำของเราทั้งหมดนั้น ย่อมส่งผลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีแก่พวกเราในภายหน้า และท้ายที่สุด ให้แต่ละคนเชื่อกันว่า บุคคลที่ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี บุคคลที่ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว ถ้าไม่มีการปฏิบัติแล้วพบเห็นด้วยตนเอง เราก็มักจะเกิดความลังเลสงสัยอยู่เสมอ

เรื่องพวกนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เราท่านจะต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว โอกาสที่จะหลุดไปเป็นมิจฉาทิฏฐิก็จะมีมาก แล้วถ้าหลุดออกไปเมื่อไร ท่านทั้งหลายกว่าจะกลับคืนมาได้ก็อาจจะอีกหลายชาติ หรืออาจจะนับชาติไม่ถ้วน..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราท่านทั้งหลายทำ จึงเป็นสิ่งที่บอกอนาคตของพวกเราได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าต้องรู้จักสังเกตว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นส่งผลให้เราเร็วช้าอย่างไร แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจของเราให้ผ่องใส เห็นความเป็นทุกข์เป็นโทษของร่างกายนี้ เห็นความทุกข์ยากเร่าร้อนของโลกใบนี้ ท้ายที่สุด ก็ถอนจิตที่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ ในโลกนี้ออกเสียได้ เราก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ไม่ต้องเสียเวลามาทุกข์ยากด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เหมือนดังที่กระผม/อาตมภาพเป็นอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2025 เมื่อ 04:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว