กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,936
ได้ให้อนุโมทนา: 225,200
ได้รับอนุโมทนา 800,243 ครั้ง ใน 39,355 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่เมืองธรรมศาลาช่วงเช้าอยู่ที่ ๑๗ องศาเซลเซียส

เมื่อวานนี้ที่ร้านอาหารนั้น พวกเราได้ฉันและรับประทานกันอิ่มหนำสำราญมาก ข้าวปลาอาหารที่เขานำมาให้พวกเรา เป็นเพราะว่ารู้ว่าพวกเรามาจากเมืองไทยหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ? ถ้วยแรกก็คือ "ต้มยำกุ้ง" แต่เขาทำมารสอ่อน จนกลายเป็นซุปสำหรับกินก่อนอาหารมื้อหลัก

ในส่วนอื่น ๆ ก็ยังมี "ยำมะละกอ" ซึ่งก็คือ "ส้มตำ" ของบ้านเรานั่นเอง คาดว่าเป็นการศึกษาจากยูทูบ หรือว่าเห็นคนอื่นเขาทำแล้วทำตาม ดังนั้น..ส้มตำจึงมีเครื่องขาด ๆ เกิน ๆ โดยเฉพาะรสชาติยังห่างไกลจากบ้านเรา ๘๔,๐๐๐ ลี้เป็นอย่างน้อย..! แต่กระผม/อาตมภาพก็กวาดจนหมดเกลี้ยง เนื่องเพราะว่าเป็นผัก ซึ่งตนเองนั้นถนัดในเรื่องฉันผักผลไม้มากกว่า

อาหารหวานนั้นมี "กุหลาบจามุน" ซึ่งเป็นของหวานขึ้นชื่อของทางประเทศอินเดีย แต่พวกเราส่วนหนึ่งซึ่งเกรงความหวานกัน จึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยง โต๊ะของกระผม/อาตมภาพซึ่งมีพระอยู่ ๔ รูป ก็คือมีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร ท่านพันแสน (พระอธิการธรรมชัย อคฺคธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดศิลาวาส (ปิงโค้ง) จังหวัดเชียงใหม่

แล้วก็พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี จึงได้สั่งกุหลาบจามุนมาแค่ ๒ ถ้วย ซึ่งก็มีถ้วยละลูกเดียวเท่านั้น ทำการแบ่งครึ่งกันอย่างยุติธรรม มีเสียงฉันไปบ่นไปว่า "หวานตัดขากันเลย..!"

เมื่ออิ่มแล้ว พวกเราก็ได้เดินทางออกจากรัฐปัญจาบ มุ่งหน้าไปทางรัฐหิมาจัลประเทศของอินเดียตอนเหนือ การเดินทางในช่วงแรกก็ยังไม่กระไรนัก แต่พอมาหยุดทำหนังสือเพื่อผ่านรัฐเข้าไป หนทางก็เริ่มคดเคี้ยวขึ้นเขา

จากจุดประมาณพักกึ่งกลางทาง ที่พวกเราแวะเข้าห้องน้ำและเติมกาแฟกันสำหรับบางคนแล้วนั้น หนทางต้องบอกว่าเละเทะมากเป็นพิเศษ เนื่องเพราะว่ารัฐบาลอินเดียพยายามที่จะเร่งรัดสร้างหนทางในรัฐชายขอบนี้ ให้มีสาธารณูปโภคที่สะดวกสบาย แต่การก่อสร้างไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นโครงการ ๗ ชั่วโคตรแบบถนนพระราม ๒ บ้านเราหรือไม่ ? ทั้ง ๆ ที่ขึ้นเขาลงห้วย แล้วยังมีการก่อสร้างแบบนี้เข้าไปอีก จึงทำให้รถไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้ แถมยังกระแทกกระทั้นกันไปโครม ๆ อีกต่างหาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #3  
เก่า วันนี้, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ผู้ที่กระผม/อาตมภาพห่วงเป็นอันดับแรกเลยก็คือคุณยายเล็ก (นางภัทริน จันทรนิภาพงศ์) ผู้ชราคู่บุญขงคณะทัวร์ของเรา เพราะว่าอายุถึง ๘๓ - ๘๔ ปีเข้าไปแล้ว ที่ห่วงรองลงไปก็คือคุณเอ (นายฉัตตริน เพียรธรรม) กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็นซีทัวร์นั่นแหละ เพราะว่าเป็นหวัดงอมแงมมาเลย แล้วแถมยังร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงนักอีกด้วย

ส่วนอื่น ๆ นั้นก็คือพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. นั่นเอง อายุเพิ่งจะ ๓๐ กว่าไม่ทันจะ ๔๐ ปี ดูจากร่างกายแล้ว สูงใหญ่แข็งแรงดีมาก แต่ปรากฏว่าภายในนั้นกรอบยิ่งกว่าตึก สตง.ที่เพิ่งจะถล่มไปเสียอีก โรคโน้นก็เป็น โรคนี้ก็เป็น แทบจะไม่แบ่งปันให้คนอื่นเขาเลย ในเมื่อไปรวบรวมเอาสารพัดโรคเอาไว้คนเดียว มาเจอถนนหนทางแบบนี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไหวหรือไม่ไหว ?

อีกรายหนึ่งก็ "ไอ้อ้วน" ของกระผม/อาตมภาพ (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) ซึ่งแฟนสุดที่รักยอมปล่อยให้เดินทางมากับคณะได้ "ไอ้อ้วน" ของเราก็เป็นบุคคลสารพัดโรคเหมือนกัน โดยเฉพาะโรคไมเกรนที่ทนเสียงดังและทนแสงสว่างมาก ๆ ไม่ได้ เมื่อมาเจอการบีบแตรแบบไม่ยั้งของพลขับอินเดียเข้า ไม่ทราบเหมือนกันว่า "ไอ้อ้วน" จะไมเกรนกำเริบหรือเปล่า ? ส่วนคนอื่น ๆ ก็คงพอที่จะประคับประคองกันไปได้ตามอัตภาพ

พวกเราขึ้นเขาลงห้วย เขย่ากันจนตับทรุด กว่าที่จะมาถึงเมืองธรรมศาลา แล้วก็ต้องมาเปลี่ยนเป็นรถตู้ ๒ คัน ซึ่งเรียกกันว่า "รถเท็มโป้" คันที่ ๑ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั่งอยู่นั้น เขาไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศให้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าคันที่ ๒ ได้เปิดหรือเปล่า ?

เหตุที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศนั้น เพราะว่าต้องอาศัยกำลังในการวิ่งขึ้นเขา ไม่น่าเชื่อว่าจากจุดที่เราจอดถ่ายรถ ซึ่งรถใหญ่ทุกคันต้องมาจอดรวมกันอยู่ที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นรถตู้ขึ้นไปบนยอดเขานั้น เราต้องใช้เวลาในการวิ่งขึ้นเขาเกือบชั่วโมงทีเดียว เพราะว่าหนทางคับแคบ นอกจากต้องระวังรถที่วิ่งสวนลงมาแล้ว ยังต้องระวังคนที่เดินแบบไม่หลบรถอีกด้วย..! กว่าที่จะขึ้นไปถึงโรงแรมที่พักของเรา ก็เล่นเอาหมดสภาพไปตาม ๆ กัน

กระผม/อาตมภาพนั้นหน้าก็ไม่ล้าง น้ำก็ไม่อาบ บอกกับคุณเอว่าห้ามใครรบกวนเด็ดขาด วันนี้ใครมาเคาะประตูจะมีการฆาตกรรมอย่างแน่นอน..! แล้วก็มุดเข้าใต้ผ้าห่มหลับไปเลย ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืด เข้าไปตรวจแก้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ข้อความลื่นไหลอ่านสะดวกแล้ว ก็มาเตรียมปัจจัยไทยธรรมเพื่อถวายสักการะองค์ดาไลลามะ ซึ่งประกอบไปด้วยวัตถุมงคลเป็นพระพุทธรูปเลี่ยมทองประดับเพชร ๑ องค์และเงินสด ๑๐,๐๐๐ รูปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #4  
เก่า วันนี้, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่จะได้พบกับองค์ดาไลลามะนั้น เป็นความตั้งใจหรือว่าเป้าหมายหลัก ของการเดินทางมาอินเดียในครั้งนี้ของกระผม/อาตมภาพเลย เนื่องเพราะว่าความผูกพันกันมาแต่อดีตประการหนึ่ง การที่พระองค์ท่านมีพระชนมายุมากจนปลงอายุสังขารแล้วอีกประการหนึ่ง ถ้าไม่มากราบในครั้งนี้ โอกาสที่ชีวิตนี้จะได้เจอพระองค์ท่าน "เป็น ๆ" ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ จะให้ไปรออวตารของพระองค์ท่านอีกที กระผม/อาตมภาพก็อาจจะมรณภาพเสียก่อน..! จึงได้ตั้งอกตั้งใจมามากเป็นพิเศษ แม้เขาว่าจะได้อยู่ใกล้แค่วินาที ๒ วินาทีก็ตาม..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการเดินทางมา ท่านทั้งหลายอาจจะมีจุดมุ่งหมายต่าง ๆ กันไป แต่สำหรับกระผม/อาตมภาพแล้ว ถือว่าการที่ได้มากราบสักการะองค์ดาไลลามะ เป็นจุดสำคัญที่สุดในการเดินทางในครั้งนี้แล้ว

ถึงแม้ว่าพวกเราจะนัดหมายกันที่ ๕ - ๖ - ๗ ก็คือตี ๕ ปลุก / ๖ โมงเช้ารับประทานอาหาร / ๗ โมงเช้าเดินทาง แต่ด้วยความที่พวกเราไปพร้อมกันแถวห้องอาหารตั้งแต่ตี ๕ กว่า ๆ ทำเอาเหล่าพ่อครัวเดือดร้อน เร่งรีบทำอาหารกันเป็นมือระวิง..!) พวกเราส่วนใหญ่แล้วใส่ชุดขาวเพื่อไปเฝ้าองค์ดาไลลามะกันโดยเฉพาะ เมื่ออาหารมาถึงก็จ้วงกันอย่างชนิดที่ไม่ต้องสนใจอะไรกันอีกแล้ว ข้าวต้มหมดไปก่อนเพื่อน จนทางพ่อครัวต้องรีบไปต้มมาเพิ่มอีก..!

เมื่ออิ่มแล้วพวกเราก็ขึ้นรถ กระผม/อาตมภาพต้องย้ายไปขึ้นรถตู้คันที่ ๒ แทนคันที่ ๑ เนื่องเพราะว่าคันที่ ๒ นั้นมีเบาะนั่งข้างคนขับ ทำให้สามารถที่จะถ่ายรูปทิวทิศน์ต่าง ๆ ตลอดทางเดินได้ รถวิ่งไปไม่ถึง ๒๐ นาทีดี แต่พวกเราเพิ่งจะเห็นว่าถนนหนทางขึ้นเขาใหญ่กว่ารถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พอมีรถสวนมาก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ประมาณทำตัวลีบ ๆ แบ่งกันไป..!

รถของเรามาจอดที่หน้าบริเวณวัด Tsuglag Khang ขององค์ดาไลลามะ ทางด้านคณะทัวร์ได้ตักเตือนพวกเราว่า ให้เก็บของมีค่าทุกอย่างเอาไว้ที่รถ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินหรือว่าโทรศัพท์มือถือ กระผม/อาตมภาพจึงติดไปเฉพาะพระเลี่ยมทองประดับเพชร และซองปัจจัย ๑๐,๐๐๐ รูป ที่จะถวายองค์ดาไลลามะเท่านั้น

เมื่อเดินขึ้นเนินเข้าไปภายใน ก็มีห้องตรวจของผู้หญิงโดยเฉพาะ ส่วนผู้ชายของเราเมื่อเดินผ่านเครื่องไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจว่าเสียงจะดังหรือไม่ดัง จัดการจับลูบคลำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่เว้นแม้แต่ "วัตถุมงคลส่วนตัว" เมื่อปล่อยผ่านเข้าไปข้างในแล้ว พวกเราก็ต้องไปยืนรอ นั่งรอกัน จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาขานคิวให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #5  
เก่า วันนี้, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในระหว่างนั้นก็ดูบรรดาลิงต่าง ๆ กระโจนโครมครามกันบนต้นไม้บ้าง บนหลังคาบ้าง จนกระทั่งเขาเรียกคณะคนไทยว่า "ไตแลนด์กรุ๊ป" กระผม/อาตมภาพก็เดินนำเข้าไป เขาจะเช็ครายชื่อตามลำดับที่เราส่งเข้าไปให้ว่ามีจำนวนกี่คน ? เมื่อถูกต้องแล้ว ก็ทำการประทับตราที่หลังมือแต่ละคน เป็นรูปใบโพธิ์เล็ก ๆ โดยเฉพาะของกระผม/อาตมภาพมีเลข ๓๔ อยู่ด้วย ถามดูแล้วมีความหมายว่าเป็นคณะที่ ๓๔ ซึ่งขอเข้าเฝ้าในวันนี้ ซึ่งในแต่ละวันองค์ดาไลลามะจะรับแขกแค่ ๓๕๐ รูป/คนเท่านั้น..!

ครั้นได้รับการประทับตราแล้ว ยังต้องเดินวกวนผ่านประตูอีก ๒ แห่ง ๓ แห่งเข้าไป เมื่อเข้าไปภายใน คราวนี้ก็มีปัญหาตรงที่ว่าการตรวจนั้นเข้มงวดมาก ข้าวของอะไรเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ก็จะโดนให้ฝากเอาไว้ โดยที่ออกบัตรรับฝากไว้ให้ ดังนั้น..ใครที่ติดกระเป๋าสตางค์ วัตถุมงคล หรือว่าโทรศัพท์มือถือเข้าไป ตอนนี้โดนยึดเรียบ..!

กระผม/อาตมภาพเอง เมื่อเจ้าหน้าที่คลำมาถึงประคดเอว ซึ่งมีกระเป๋าจิงโจ้บรรจุวัตถุมงคลและเงินอยู่ด้วย เขาถามว่าอะไร จึงตอบไปว่า "belt" แล้วเมื่อถามถึงกระเป๋าจิงโจ้ก็บอกว่า "money pocket" เขาก็พยักหน้าแล้วปล่อยให้ผ่านเข้าไป แต่ว่าพระเครื่องที่เตรียมไปนั้น เจ้าหน้าที่ขอไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ดูก่อน เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว ค่อยให้กระผม/อาตมภาพเขียนชื่อ ฉายา เป็นภาษาอังกฤษแล้ววงเล็บว่า Thailand จัดใส่ถาดเอาไว้ เพื่อทางเจ้าหน้าที่จะได้นำไปถวายองค์ดาไลลามะเอง

จากนั้นพวกเราก็ได้รับการบอกทางให้เดินขึ้นเนิน เข้าไปนั่งพักกันอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพกะด้วยสายตาคร่าว ๆ แล้ว มีแถวเก้าอี้นั่งยาวเหยียดอยู่ ๑๐ กว่าแถว แถวหนึ่งนั่งได้ประมาณ ๓๐ คน

กระผม/อาตมภาพนั่งลงก็หลับตานึกถึงองค์ดาไลลามะ ในฐานะ "Grandpa" ซึ่งถ้าเป็นภาษาไทยก็คือ "หลวงปู่" ที่พลัดพรากจากกันมาหลายปีเต็มที เรียนท่านไปว่าจะมาขออนุญาตกราบลา เนื่องเพราะไม่มั่นใจว่าพระองค์ท่านจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร หลังจากที่ลืมตามาได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็ให้ย้ายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เป็นการจัดลำดับการเข้าเฝ้า เมื่อตรวจสอบรายชื่อโดยให้นั่งเรียงแล้ว เรียกเอาทีละคน ไปจัดเป็นแถว ๆ

ครั้นเมื่อถึงคิวกระผม/อาตมภาพ เขาบอกว่า "new line" ก็คือให้ขึ้นแถวใหม่ เมื่อได้คนครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว จึงให้เดินไล่ไปตามลำดับที่ขานชื่อ ไปจนกระทั่งขึ้นเนิน ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ "ลานหินโค้ง" ของทางวัดสวนโมกข์ แต่นี่เป็นลักษณะของขั้นบันไดมากกว่า เพียงแต่ว่าเป็นม้านั่งหินยาว ๆ ลดหลั่นลงมา มีพรมปูอยู่ด้วย

พวกเรานั่งรออยู่ตรงนั้น ซึ่งจะมีทหารเป็นกองรักษาการณ์อยู่ด้วย เพียงแต่ว่าดูแล้วไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะว่าคนข้างนอกใช้ HK33 แบบพับฐาน คนข้างในใช้ AK47 พับฐาน ซึ่งถ้าหากว่าฉุกเฉินปะทะกันขึ้นมาจนกระสุนหมดจริง ๆ ไม่สามารถจะหยิบยืมกันได้เลย พวกเรารอกันอยู่พักใหญ่ ก็มี VIP ระดับพิเศษ น่าจะเป็นบุคคลสำคัญของทางอินเดีย ซึ่งแม้ว่าจะมาทีหลัง แต่ได้รับการจัดแถวให้อยู่หน้าสุดของพวกเรา ซึ่งเช็คจำนวนกันไปแล้วด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้), หลุดพ้น (วันนี้)
  #6  
เก่า วันนี้, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นถึงเวลาองค์ดาไลลามะก็นั่งรถไฟฟ้าออกมา เข้าสู่ที่ประทับแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้สัญญาณแต่ละคนเดินผ่านเข้าไปถวาย กระผม/อาตมภาพซึ่งรับผ้าผ้าขะตะมาจากน้องการ์ตูน (นางสาวศรันย์พร บุรินทรโกษฐ์) คาดว่าจะให้องค์ดาไลลามะท่านประทานพรด้วยการคล้องคอให้ แต่ปรากฏว่ามีพระเถระรูปหนึ่งมาจับคล้องคอให้แทน ส่วนอีกรูปหนึ่งก็มารับซองปัจจัยที่จะถวายองค์ดาไลลามะไป พร้อมกับบอกว่า "Thank you"

เมื่อถึงคิวของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งพนมมือไหว้ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงองค์ท่าน องค์ดาไลลามะก็จับสองมือที่พนมดึงเข้าไปชิดท่าน แล้วก็ก้มเอาศีรษะมาแตะ ความรู้สึกของกระผม/อาตมภาพก็คือ "จะให้หลวงปู่อยู่อีกก็ได้ แต่เจ้าต้องอยู่เป็นเพื่อนด้วยกัน" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่คิดว่า "เวรกรรมละกูงานนี้..!"

เมื่อถึงเวลาผ่านออกมาแล้ว ก็มารับรูป ตลอดจนกระทั่งยาที่ได้รับการเสกจากท่าน และสายสิญจน์อธิษฐาน เมื่อเดินมารวมกันยังสถานที่ภายนอก ทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) และทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ก็พาขึ้นไปยังพระตำหนักรับแขกเดิมของท่าน เพื่อไปกราบพระพุทธรูปพระประธาน และอาสนะที่ท่านเคยนั่ง

กระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าถวายใส่ตู้บริจาคไปแห่งละ ๕๐๐ รูปี แล้วลงไปทางด้านล่าง เพื่อที่จะเข้าไปทำบุญทางด้านซึ่งมีเหวัชระพิทักษ์พระพุทธศาสนา และมีบรรดาพระเถระต่าง ๆ สวดมนต์ให้พรแก่ญาติโยมทางด้านนั้น

เมื่อทำบุญเรียบร้อยแล้วจะออกข้างนอก แต่ปรากฏว่าผศ., ดร.พระครูโรจน์ (พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร.) ของเรา และ "ไอ้อ้วน" (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) โดนยึดทรัพย์ ก็คือวัตถุมงคลส่วนตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าสื่อสารกันอย่างไร ? คิดว่าเป็นส่วนที่จะมอบให้องค์ดาไลลามะอธิษฐานจิตให้พร จึงได้เก็บเอาไว้ก่อน ไม่ได้มอบคืนมาให้ ทั้งสองคนไปสอบถามเจ้าหน้าที่แล้วรอแล้วรอเล่าว่าเมื่อไรจะเสร็จ

จนกระทั่งเขาบอกว่า "ตอนเที่ยงค่อยมารับ" พวกเราจึงเดินออกมา ทางด้านมัคคุเทศก์ท้องถิ่นซึ่งมีโทรศัพท์มือถืออยู่ ขอถ่ายรูปหมู่ของพวกเรา จากนั้นก็เดินย้อนกันออกมารอรถทางด้านนอก ซึ่งจะมีบรรดาเด็กบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง ส่วนใหญ่ก็คือผู้หญิงล้วน ๆ เดินมาสะกิดแบมือขอเงิน

พวกเราไปยืนรอกันที่ลานจอดรถ ซึ่งมีร้านค้าอยู่ตรงนั้น เจ้าของร้านคงจะรำคาญที่เห็นขอทาน เพ่นพ่านมาขอเงินนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด จึงถือไม้ออกมาไล่กระเจิดกระเจิงไป แล้วก็มีแม่ชีท่านหนึ่งเดินมาด่าเจ้าของร้าน ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับบรรดาขอทานหรือเปล่า ? แต่ว่าเจ้าของร้านก็ไม่ได้ถกเถียงอะไรมาก นอกจากเก็บไม้แล้วก็ไปนั่งขายของตามเดิม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #7  
เก่า วันนี้, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อรถวิ่งมารับพวกเราแล้ว ก็ต้องตรงไปยังสถานที่สำคัญ ก็คือวัดไทยธรรมศาลา ซึ่งเมื่อเช้าท่านพระครูปลัดสิริวัฒน์ อดีตพระอั้ม หรือว่าพระธนพนธ์ ขนฺติวโร เลขานุการของท่านเจ้าคุณอริยชาติ (พระภาวนารัตนญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ท่านได้รับบัญชาจากหลวงพ่อเจ้าคุณยงยุทธ - พระธรรมวชิรกวี (ยงยุทธ ยุตฺตธมฺโม ป.ธ.๙) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๓ เจ้าอาวาสวัดพระนอนจักรสีห์ วรวิหาร ให้มาดูแลวัดไทยธรรมศาลาแห่งนี้

ตอนช่วงเช้าที่พวกเรานั่งดูลิงกระโดดโลดเต้นอยู่ ท่านก็มารายงานตัว และบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบแจ้ง ท่านจะมาช่วยเคลียร์ให้ เนื่องเพราะว่าการมาสร้างวัดไทยที่นี่ ทำให้มีพาวเวอร์ เป็นที่ยอมรับของบรรดาเจ้าหน้าที่ทางนี้อยู่เหมือนกัน แล้วก็นิมนต์ให้กระผม/อาตมภาพและคณะแวะไปสงเคราะห์ที่วัดหน่อย ซึ่งวิ่งไปไม่ถึง ๑๐ นาทีก็ต้องเดินลงเนินไปยังวัด แต่ด้วยความที่ไม่เคยมา กระผม/อาตมภาพก็เดินเลยขึ้นศาลาไปชั้นดาดฟ้าเลย กว่าจะรู้ว่าให้ขึ้นแค่ชั้นที่ ๒ แล้วเดินอ้อมไปด้านหลัง จะมีบันไดต่อไปยังอาคารหลังอื่น ๆ

เมื่อเข้าไปยังศาลารับแขก กราบพระประธานแล้ว ก็รับกราบจากพระครูอั้มตลอดจนกระทั่งคณะสงฆ์วัดไทยธรรมศาลา ท่านได้มอบหมายให้คุณยายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ที่ถวายให้กับหลวงพ่อเจ้าคุณยงยุทธได้สร้างวัดไทยธรรมศาลานี้ มาถวายหนังสือ ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณยงยุทธเซ็นให้เป็นพิเศษ ว่ามอบให้เป็นที่ระลึกแก่พระครูวิลาศกาญจนธรรม แถมยังลงวันที่วันนี้เอาไว้อย่างโก้หรูอีกด้วย

เมื่อได้รับถวายและดูวีดีโองานเดินธุดงค์ไปยังเลห์ - ลาดักแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กล่าวสัมโมทนียกถา อำนวยอวยพรแก่ทุกคน แล้วก็รับการเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมจากทางวัด โดยที่พวกเรารวบรวมปัจจัยจำนวนหนึ่ง ร่วมทำบุญสร้างวัดไทยธรรมศาลาแห่งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #8  
เก่า วันนี้, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อบอกลาจากพระครูอั้มแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถตรงไปยังร้านอาหาร ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นบาร์เบียร์มากกว่า บรรยากาศมืดสุด ๆ เนื่องเพราะว่าน่าจะขายของในตอนกลางคืน นั่งรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ กว่าที่กับข้าวแต่ละอย่างจะมาถึง

เมื่อมาถึง พวกเราลงมือฉันกันไปเลย ญาติโยมก็กินกันไปเป็นการใหญ่ กับข้าวออกไปได้แล้ว ๔ อย่าง จึงให้น้องการ์ตูนไปถามว่ามีข้าวหรือไม่ พอกับข้าวอย่างที่ ๕ มาถึง ข้าวสวยถึงได้ตามมา ผศ.ดร.พระครูโรจน์ ชี้จานกับข้าวที่ว่างเปล่า พลางบอกว่าเขาน่าจะเหลือข้าวไว้ให้เรากินกับน้ำพริก ส่วนกับข้าวที่ตามหลังมาอีก ๓ - ๔ อย่างนั้น พวกเราไม่มีปัญญาที่จะฉันกันแล้ว จึงได้บอกกับน้องการ์ตูนว่าให้ช่วยห่อกลับไปด้วย เผื่อมีใครกินข้าวเย็น

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันชนิดล้นคอหอย พวกเราเดินออกจากร้านอาหารก็เลี้ยวขวาไปไม่ถึง ๑๐๐ เมตรดี เป็นวัดกาลจักร ซึ่งเป็นวัดของนิกายวัชรยานแบบทิเบต พวกเราเข้าไปกราบสักการะพระสถูปเจดีย์ ตลอดจนกระทั่งพระพุทธรูปพระประธาน เนื่องเพราะว่าสถานที่หายากและจำกัด แม้แต่พระสถูปเจดีย์ก็อยู่ในที่แคบจนเดินวนรอบประทักษิณไม่ได้

ครั้นถ่ายรูปหมู่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ตกลงกันว่า ใครจะเดินช็อปปิ้งละลายทรัพย์ก็เดินอยู่ในบริเวณนี้ แล้วกลับมาที่ตรงหมู่ต้นสนสามแยก ส่วนใครที่จะนั่งรถกระเช้าดูวิว ก็ไปเดินยังสถานีรถกระเช้าแล้วกลับมาให้ทันตอนบ่าย ๒ โมงเช่นกัน ทางกระผม/อาตมภาพ หลวงพ่อนิล และท่านพันแสน ตลอดจนกระทั่งญาติโยมกลุ่มใหญ่ อาสาไปนั่งรถกระเช้าหาประสบการณ์กัน ส่วนที่เหลือก็แห่ไปช็อปปิ้งกันสนั่นลั่นตลาดไปเลย

เมื่อไปถึงแล้ว มาดามชวง (นางสาวไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ได้ถวายตั๋วขึ้นรถกระเช้าให้กระผม/อาตมภาพ หลวงพ่อนิล และท่านพันแสนด้วย ซึ่งราคา ๗๕๐ รูปี/รูป แต่ว่ากระเช้านั้นวิ่งได้ช้าสุด ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าตั้งใจให้ดูวิวอย่างแท้จริงหรืออย่างไร แต่ด้วยความที่ปิดทึบ มีเพียงรูระบายอากาศเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อรถกระเช้าเลื่อนไปช้า ๆ จึงทำให้อากาศร้อนอบอ้าวมาก ใช้เวลาถึง ๒๐ กว่านาทีกว่าที่จะไปถึงปลายทาง พวกเราก็เลยต้องไปลงทะเบียนนั่งรถกระเช้ากลับ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่ทันการ

ระหว่างที่ไปกลับก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์สวย ๆ แล้วก็เห็นว่าลานจอดรถที่เราคิดว่าอยู่บนพื้นดิน ซึ่งพ่อค้ามาช่วยไล่ขอทานนั้น ปรากฏว่ายังมีตึกลงไปข้างล่างอีก ๗ ชั้น แสดงว่าเขาต้องใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าพื้นที่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้)
  #9  
เก่า วันนี้, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,296 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อย้อนกลับมาถึงแล้ว พวกเราก็ได้นั่งรถเพื่อเดินทางต่อไปยังวัดภัคสุนาคของศาสนาฮินดู ซึ่งท่านภัคสุ หรือท้าวภัคสุนั้น ได้ต่อสู้กับพญานาค เพื่อแย่งชิงแหล่งน้ำให้กับราษฎรของตนเอง เพราะว่าพญานาคยึดครองแหล่งน้ำไว้ ชาวบ้านไม่มีน้ำจะใช้

แม้ว่าจะสู้แพ้ถึงกับเสียชีวิต แต่ว่าเทวดาฟ้าดินเห็นใจ จึงอำนวยอวยพรให้มาเป็นเจ้าที่เจ้าทางอยู่บริเวณนี้ แล้วก็มอบน้ำตก ตลอดจนกระทั่งสายน้ำศักดิ์สิทธิ์บริเวณที่เป็นบ่อใหญ่นั้นให้ พวกเราลงไปถึง ถ่ายรูปหมู่ เดินดูสถานที่กันหมดแล้ว ก็ลองวักน้ำล้างหน้าดู แล้วก็สะดุ้งเฮือก เพราะว่าน้ำนั้นเย็นเหมือนออกมาจากตู้เย็นเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่อากาศอยู่ที่ ๒๗ องศาเซลเซียส

เมื่อถ่ายรูปหมู่กันเรียบร้อย พวกเราก็ย้อนกลับมาขึ้นรถ วิ่งย้อนกลับไปทางเส้นทางกลับที่พัก เพื่อที่จะไปยังโบสถ์คริสต์เซนต์จอห์น ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกาย Church of England ซึ่งเหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศอินเดีย นิกายนี้เกิดขึ้นเนื่องเพราะว่ากษัตริย์อังกฤษต้องการที่จะมีพระมเหสีเพิ่มเติม แต่ทางนิกายโรมันคาทอลิกไม่อนุญาต เมื่อมีพระเถระหรือว่าบาทหลวงของทางด้านนิกายโรมันคาทอลิกมารับอาสาให้พระองค์สามารถสยุมพรได้ จึงอนุญาตให้ไปตั้งนิกายใหม่ คือ Church of England เข้ามา

พวกเรากว่าจะไปถึงก็เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล และภายในก็ห้ามถ่ายรูปด้วย กระผม/อาตมภาพเข้าไปแล้ว ก็ตั้งจิตอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลที่ทำมาด้วยดี ให้แก่ท่านทั้งหลายที่รักษาสถานที่นั้น พร้อมกับหยอดตู้บริจาคไป ๕๐๐ รูปี ทำบุญแบบคนรวย เนื่องเพราะว่าแบงค์ย่อยหมดแล้ว ไม่ว่าที่ไหน ๆ ไม่ ๕๐๐ ก็ต้อง ๑,๐๐๐ จากนั้นก็ฉวยโอกาสที่ผู้คนเขาเผลอ กดเอารูปภายในมา ๑ รูป

กลับออกมาถ่ายรูปหมู่ทางด้านนอกแล้ว เมื่อทุกคนรู้ว่าจะได้กลับที่พัก ก็ขึ้นรถด้วยความกระดี๊กระด๊า วิ่งขึ้นเขากลับมาอย่างชนิดที่ต่างคนต่างก็เริ่มตั้งเป้าไว้ว่าจะแช่น้ำร้อนบ้าง จะกินอาหารเย็นให้อร่อยบ้าง ส่วนกระผม/อาตมภาพกลับมาถึงห้องพัก ก็มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่นี่

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ลูกช่างทอง (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
สุธรรม, หลุดพ้น

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว