#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ ๗๐ ของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในนามคณะสงฆ์วัดท่าขนุน ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
สำหรับสามเณรทั้งหลาย เราต้องภูมิใจว่า การบวชของเรานั้น เป็นการบวชเฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี การที่เราจะถวายสิ่งของต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี หรือว่ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีก็ตาม โดยปกติทั่วไปก็ต้องถวายสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งเรามีอยู่ คราวนี้เราบวชเข้ามา ตั้งใจถวายเป็นพระราชกุศล ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวพี่เลี้ยงเขาจัดการให้เอง หลวงพ่อก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ถ้าพี่เลี้ยงตีเบาไปก็จะช่วยเสริมให้..! วันนี้ทางพม่ามีความชัดเจนเพิ่มขึ้นมาตรงที่ว่า หอหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนี หรือที่คนไทยเรียกว่าหลวงพ่อมหามัยมุนี น่าจะทรุด เนื่องเพราะว่าลงมาเบียดจนกระทั่งพระมหามงกุฎเอียงเบี้ยวไปด้านหนึ่ง ส่วนบรรดาญาติโยมทั้งหลายตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ล้นโรงพยาบาลมัณฑะเลย์ บรรดาแพทย์พยาบาลกำลังเยียวยากันอย่างหนัก..! ส่วนพระราชวังมัณฑะเลย์เองนั้น กำแพงพระราชวังพังถล่มลงมา ถ้าหากว่าใครเคยไป จะเห็นคูเมืองมัณฑะเลย์กว้างยาวด้านละ ๒ ไมล์ ก็ประมาณ ๓ กิโลเมตร แล้วถึงจะเข้าไปเป็นกำแพงเมือง ในปัจจุบัน ประตูที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปก็จะมีกองรักษาการณ์อยู่ คอยตรวจสอบ เมื่อเราเข้าไปทางด้านใน จะมีสถานที่ให้จอดรถแล้วก็ต้องเดินชมตัวพระราชวัง ซึ่งความจริงโดนไฟไหม้หมดไปตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ด้วยความที่ประเทศอังกฤษได้ยึดครองประเทศพม่าอยู่หลายสิบปี เห็นความสวยงามของพระราชวังมัณฑะเลย์ จึงได้ทำแบบจำลองที่เรียกว่า "โมเดล" เอาไปเก็บไว้ที่ป้อมดัฟเฟริน ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของประเทศอังกฤษในการยึดครองตะวันออกไกล จึงทำให้ถึงเวลาแล้ว ทางพม่าไปขอแบบกลับมาสร้างคืนไปในรูปแบบเดิม ก็แปลว่าตัวพระราชวังที่เห็นอยู่ก่อนที่จะพังเสียหายนั้นเป็นของใหม่ สร้างยังไม่ถึง ๑๐๐ ปี แต่ก็งดงามอลังการ เพราะว่าทำตามแบบเดิมทุกอย่าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2025 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
เพียงแต่ว่าในพระราชวังมัณฑะเลย์นั้น กระผม/อาตมภาพเจอการต่อต้านจากบรรดาอารักษ์ หรือว่าผู้ดูแลพระราชวัง ที่โดยปกติแล้วมองไม่เห็น พวกท่านทั้งหลายเหล่านี้ในภพภูมิของเขา ระยะเวลาที่ต่างกันนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าแค่ ๔ - ๕ วันเท่านั้น แล้วอยู่ ๆ ก็มีศัตรูบุกรุกเข้ามาถึงวังหลวง จึงต้องต่อต้านกันอย่างหนัก..!
แต่กระผม/อาตมภาพเป็นคนดื้อ อะไรที่ห้ามจะต้องทำให้ได้ จึงพยายามเดินฝ่ากำลังที่เขาใช้ต่อต้านเราเข้าไป เหมือนกับเดินสวนน้ำตก หรือแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเข้าไปข้างใน ต้องใช้แรงทั้งตัวถึงจะดันเข้าไปได้..! เมื่อเดินดูจนทั่วแล้ว กลับออกมา พอพ้นกองรักษาการณ์ของทหารพม่าในปัจจุบัน ก็เกิดอาการเซถลา เกือบหัวทิ่มพื้น เนื่องเพราะว่ายังใช้กำลังในการเดินเท่าเดิม เหมือนตอนเข้าไปในพระราชวัง แต่กระแสต่อต้านอยู่ ๆ ก็หายไปหมด จึงเซเกือบจะล้ม..! แล้วก็ต้องหัดเดินกันใหม่อยู่พักใหญ่ เพราะว่ากะไม่ถูกว่าต้องใช้กำลังอย่างไรถึงจะเดินปกติได้ !? ในเรื่องของการยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะผี จะคน จะนางฟ้า เทวดา ก็เหมือน ๆ กัน ในเมื่อไปยึดมั่นถือมั่นก็เห็นว่านี่คือศัตรู เพราะว่าเคยเป็นข้าศึกรบราฆ่าฟันกันมา แม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะพยายามส่งจิตบอกว่าเป็นคนละชาติ คนละภพ คนละเวลากัน แต่เขาก็ไม่สนใจ เนื่องเพราะว่าตัวเองจดจำได้ว่าเพิ่งจะรบกันมาไม่กี่วัน..! ดังนั้น..ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ตาม ต่อให้อยู่สุขอยู่สบายแค่ไหน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือนเอาไว้ว่า "ที่ไหนก็ตาม ผู้คนดีกับเรามากแค่ไหน คนที่ร้ายกับเราก็จะมีอยู่" เพราะว่าคนที่ดีคือคนที่รักเรา ให้การสนับสนุนเรามาแต่เดิม ส่วนคนที่ร้ายกับเราก็คือบุคคลที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน ดังนั้น..เมื่ออยู่ที่ไหนแล้วอยู่สบาย ก็จงอย่าประมาท เพราะว่าศัตรูอาจจะยังหาโอกาสทำอันตรายเราไม่ได้ ต้องมีสติรู้อยู่เสมอ ว่า อาจจะมีสิ่งไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น อะไรที่สามารถป้องกันได้ ให้ระวังป้องกันเอาไว้ก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2025 เมื่อ 17:56 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
หลายต่อหลายแห่งที่กระผม/อาตมภาพไป กว่าที่จะคุยกันรู้เรื่อง บางทีก็ต้องลงไม้ลงมือกันก่อน ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพจะชอบมาก เนื่องเพราะว่าสันดานนักรบเก่า ถ้าได้ตีกันจะสนุกมาก..! แต่มาระยะหลังกระผม/อาตมภาพใช้วิธีเจรจาเอา เนื่องเพราะว่าการตีกับผีกับเทวดานั้น เราเสียเปรียบตั้งแต่ต้น
อันดับแรกเลยก็คือในการใช้ฤทธิ์ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นโดยธรรมชาติ ขณะที่ฤทธิ์ของพวกเราเกิดจากการฝึกฝน ความคล่องตัวขนาดไหนก็ตาม สู้บุคคลที่เป็นโดยธรรมชาติไม่ได้ ประการต่อไปก็คือเราต้องกิน ต้องพักผ่อนหลับนอน แต่อีกภพภูมิหนึ่งเขาไม่ต้อง ก็แปลว่าถ้าเราเผลอเมื่อไรก็โดน "สอย" คืนเมื่อนั้น โดยเฉพาะเวลากิน เวลานอน เวลาเข้าห้องน้ำห้องส้วม เรามักจะขาดสติ เผลอแล้วก็เปิดโอกาสให้เขาเล่นงานเราคืนได้ แบบเดียวกับที่หลวงปู่เนียม วัดน้อย ท่านเล่าให้หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคฟังว่า ท่านไปช่วยบุคคลคนหนึ่งเอาไว้ แล้วฝ่ายที่เขาทำอันตรายแก่บุคคลนั้นไม่ชอบใจ จึงส่งผีมาเล่นงานท่าน ท่านก็ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เจ้าผีทำอะไรไม่ได้ ก็ถือแหลนไม้แหลม ๆ เดินตามอยู่ตลอด วันนั้นหลวงปู่เนียมท่านเข้าห้องน้ำแล้วเผลอ ตอนนั่งส้วมขาดสติไป แค่พริบตาเดียวเท่านั้น เจ้าผีนั่นเอาแหลนพุ่งใส่ ท่านบอกว่าโดนบริเวณท้อง อาการที่เกิดขึ้นก็คือถ่ายจนหมดแรง..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความคล่องตัวในเรื่องของฤทธิ์ของกำลังเราก็สู้ไม่ได้ การต้องกิน ต้องนอน ต้องพักผ่อนของเราก็ต้องมี การที่ทะเลาะเบาะแว้งกับเขาทั้งหลายเหล่านี้ โอกาสขาดทุนจึงมีสูงมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ระยะหลัง กระผม/อาตมภาพจึงใช้วิธีคุยกันดี ๆ อยากจะให้ทำอะไร ถ้าไม่เกินวิสัย ไม่เกินกำลังก็ทำให้ แต่ถ้าหากว่าคุยดี ๆ แล้วไม่รู้เรื่อง คราวนี้ค่อยมาจัดการกันอีกทีหนึ่ง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2025 เมื่อ 02:05 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว เรื่องของผี เรื่องของเทวดา บางทีเราก็ต้องรอบคอบด้วย อย่างเช่นว่าเขารับปากว่าจะออกไปให้ ญาติโยมหามกลับบ้านไปแล้ว รุ่งขึ้นหามมาใหม่ บอกว่าผีมันยังไม่ออก กระผม/อาตมภาพก็สงสัย ถามว่า "รับปากแล้วทำไมไม่ออก ?" ผีบอกว่า "ท่านไม่ได้บอกว่าต้องออกเมื่อไร..!" จึงต้องคุยกันให้ชัดเจนเสียก่อน ทำอะไร ? เมื่อไร ? ที่ไหน ? อย่างไร ? ทำแล้วผลจะเป็นอย่างไร ? ต้องบอกให้ครบ ไม่อย่างนั้นแล้ว พอถึงเวลาท่านทั้งหลายเหล่านี้เล่นแง่ ก็เอามาจากความไม่รอบคอบของเรานั่นเอง
กระผม/อาตมภาพจัดงานครั้งแรกนั้น ตัวเองยังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ขอมาจัดงานที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ในฐานะรองเจ้าอาวาส ทำการบวงสรวงอธิษฐานขอว่าไม่ให้แดดร้อน แล้วถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้ฟ้าครึ้มไปทั้งวัน ปรากฏว่าถึงท่านจะรับปาก แต่ว่าเวลางานแดดร้อนแทบจะหัวละลาย..! กระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยว่า ปกติพระหรือว่าพรหม หรือว่าเทวดานางฟ้า ตลอดจนกระทั่งผีไม่มีการโกหก แล้วทำไมงวดนี้รับปากแล้วไม่เป็นอย่างที่รับปากเอาไว้ ? เมื่อเลิกงานแล้ว เข้าไปที่เกาะพระฤๅษี เขาบอกว่าที่นี่ฟ้ามืดทั้งวันเลยครับอาจารย์ กระผม/อาตมภาพขอที่วัดท่าขนุน แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าที่วัดท่าขนุน เขาก็ไปให้ที่เกาะพระฤๅษี ดังนั้น..การคุยกับผี คุยกับเทวดา ถ้าใครมีความสามารถ เราต้องรอบคอบสุด ๆ ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาก็ตะแบงข้างไปจนได้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2025 เมื่อ 02:08 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|