#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อีกสักครู่หนึ่งกระผม/อาตมภาพต้องเดินทางขึ้นไปร่วมพิธีเปิดการปฏิบัติธรรมประจำปี ของนิสิตวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ ที่วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าวัดหลวงพ่ออุตตะมะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในระหว่างทางนั้น คลื่นอินเตอร์เน็ตจะขาดเป็นช่วง ๆ อาจจะเกิดความยากลำบากต่อการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน จึงได้บันทึกเสียงตั้งแต่ตอนนี้
สำหรับช่วงสองวันนี้ สิ่งแรกเลยก็คือคำขอแสดงความยินดีที่ประเดประดังเข้ามาอย่างชนิดท่วมท้นล้นหลั่ง จากบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงไปจนไปถึงผู้บังคับบัญชา ที่กระผม/อาตมภาพได้รับมติจากมหาเถรสมาคม ให้แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี กระผม/อาตมภาพก็ยังแปลกใจว่า ตำแหน่งที่ปรึกษาในสมัยก่อนนั้น เขาถือว่าเป็นตำแหน่งว่างงาน โดนแขวนเอาไว้เฉย ๆ ทำไมถึงมายินดีกันมากมายขนาดนี้ ? เมื่อสอบถามดูแล้ว ปรากฏว่าในยุคนี้สมัยนี้ ตำแหน่งที่ปรึกษานั้น คุณจะมุดน้ำดำดินบินขึ้นฟ้าไปทางไหนก็ออกได้ทุกทิศทุกทาง มีสิทธิ์ที่จะก้าวไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้ง่ายกว่าสมัยก่อนหลายเท่านัก กระผม/อาตมภาพจึง "ถึงบางอ้อ" แต่นั่นน่าจะสำหรับบุคคลอื่น เนื่องเพราะว่าตนเองนั้นไม่เคยขออะไรให้กับตนเองมาก่อนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีและได้รับ เกิดจากความเมตตาของผู้บังคับบัญชาที่ท่านให้มาทั้งสิ้น เพราะถือคติเรื่องของ "ยศช้างขุนนางพระ" ได้มานอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังอาจจะทำให้เกิดภาระงานหนักขึ้นอีกด้วย จึงไม่ได้คิดที่จะไปดิ้นรนให้มีให้ได้เหมือนกับคนอื่นเขา จนกระทั่งผู้บังคับบัญชาท่านทนไม่ได้ก็มอบมาให้เอง กระผม/อาตมภาพก็ถือหลักว่า "ถ้าผู้ใหญ่ให้ก็ยินดีรับเอาไว้ แต่ถ้าให้ไปไขว่คว้าเองนั้น จะไม่กระทำอย่างเด็ดขาด..!" เรื่องที่หลายต่อหลายท่านแสดงความยินดีมา จึงอาจจะเป็นการยินดีเสียเปล่า เนื่องเพราะว่าตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีที่กระผม/อาตมภาพทราบมา ก็มีที่มรณภาพคาตำแหน่งไปแล้วหลายรูป อย่างเช่นพระเดชพระคุณพระเทพเมธากรณ์ (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี สองท่านนี้เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่กระผม/อาตมภาพให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ท่านทั้งสองรับตำแหน่งที่ปรึกษาแล้ว ก็มรณภาพไปคาตำแหน่งนั่นเอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2024 เมื่อ 03:47 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ส่วนรายต่อ ๆ มาที่รู้จักมักคุ้นก็มีหลวงพ่อพระมหานรินทร์ - พระครูกาญจนสิรินธร (นรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. ๕) อดีตเจ้าคณะอำเภอพนมทวน อดีตเจ้าอาวาสวัดรางหวาย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่ปรึกษาลอยละล่องอยู่เฉย ๆ อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณปราโมทย์ - พระสุธีธรรมนาท (ปราโมทย์ ปโมทิโต ป.ธ. ๗) อดีตเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำ ซึ่งก็เป็นตำแหน่งลอยอยู่เฉย ๆเหมือนกัน
แต่จะว่าไปแล้ว ทั้งสองท่านก็อายุกาลผ่านวัยมากเหลือเกิน กระผม/อาตมภาพที่ ๖๕ เต็ม ย่าง ๖๖ ปี ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปล่าสุด รู้สึกว่าจะหนุ่มกว่าเพื่อน มองศีรษะตนเองที่ผมหงอกเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ได้แต่ถอนใจว่า พรรคพวกเพื่อนฝูงจะยินดีอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ ? อีกส่วนหนึ่งก็คือมีผู้ส่งบรรดา TikTok มาให้มากมายมหาศาล แต่อยู่ในลักษณะที่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วก็ไม่สามารถที่จะเปิดดูได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้เล่น TikTok แล้วขณะเดียวกันก็ไม่ยินดีที่จะรับข้อมูลอะไรใหม่ ๆ เข้ามา เพราะว่าถ้าให้โหลดโน่นโหลดนี่เมื่อไร ก็อาจจะกลายเป็นสตางค์หายหมดกระเป๋าเมื่อนั้น..! แต่เห็นหัวข้อคร่าว ๆ แล้วก็สะท้อนใจ เพราะว่ามีเรื่องของพระภิกษุหลายรูปไม่ว่าจะเป็น "ท่านปีนเสา" หรือว่า "ท่านสันติ" และอีกหลายท่าน ซึ่งมีการไปท้าตีท้าต่อยกับฆราวาส..! กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็รู้สึกเศร้าใจว่า ท่านทั้งหลายนอกจากไม่มีสมณสัญญา คือขาดความรำลึกถึงความเป็นพระภิกษุสามเณรของตนแล้ว ยังไม่คิดที่จะรักษาสมณสารูปอีกด้วย แต่ในเมื่อไม่สามารถที่จะเปิดดูได้ เพราะว่าไม่มีแอพพลิเคชั่น TikTok ก็ได้แต่คาดเดาเอาว่า เรื่องน่าจะรุนแรงอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วพรรคพวกเพื่อนฝูงก็คงจะไม่ส่งมาให้เสียมากมายขนาดนั้น ความจริงจะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าใช้ความเด็ดขาดในทางคณะสงฆ์ ก็คงจัดการสงบราบคาบเรียบร้อยลงไปในเวลาอันไม่นาน กระผม/อาตมภาพเองเมื่อรับหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเลขานุการ หรือว่าพระสังฆาธิการก็ตาม จะไม่ให้เรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจของตนเองนั้น จะต้องลุกลามไปถึงผู้บังคับบัญชาเหนือตน ทุกอย่างจะให้จบลงในระดับของตนเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2024 เมื่อ 03:50 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
แต่เนื่องจากว่าพระภิกษุของเราส่วนใหญ่แล้ว ท่านไม่มีความเด็ดขาดประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือมีความเมตตาเป็นปกติ จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพไปนึกถึงหลวงปู่จันทร์ - พระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล ป.ธ. ๕) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้นพระเดชพระคุณท่านเป็นพระเทพกวี ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์อยู่
ท่านได้บอกไว้ว่า "ถ้าเมตตาเกินประมาณ เราจะเจอคนพาลทั้งเมือง" ซึ่งในปัจจุบันนี้เราก็จะเห็นแล้วว่า การที่พระภิกษุของเรา โดยเฉพาะเจ้าคณะปกครองหรือว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ให้ความเมตตา แต่บุคคลที่ไม่รู้สำนึก ก็มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์มากขึ้นไปทุกที แล้วบุคคลที่สงสัยข้องใจว่า ทำไมคณะสงฆ์ไม่จัดการให้เด็ดขาดไป ? ก็อยากจะให้ท่านทั้งหลายไปนึกถึงภาษิตโบราณที่ว่า "อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้" คำว่า "รัน" ในที่นี้ก็คือ "การทุบตี" นั่นเอง เราจะมีสำนวนว่า "ตีรันฟันแทง" ถ้าหากว่าเอาไม้สั้น ๆ ไปทุบใส่กองขี้ แล้วคิดว่าขี้จะกระจัดกระจายใส่ตัวท่านบ้างหรือไม่ ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่มีใครอยากจะเปื้อนขี้ ปล่อยให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้แตกดับไปเองตามธรรมชาติ หรือไม่ก็ให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านออกมาจัดการเอง แต่ดูท่าแล้วว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ล่วงลับไปแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า พระอุปัชฌาย์อาจารย์นั่นแหละที่ไม่อยากจะเอาไม้สั้นไปรันขี้ ก็เลยทำให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในสังคมไทย ทำให้ผู้คนเสื่อมความเคารพนับถือต่อพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไปอีกมาก ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อขาดสมณสัญญา ไม่ได้นึกว่าตนเองเป็นพระภิกษุสามเณร ก็มักจะเอาจริตนิสัยความเป็นฆราวาส ออกมาใช้ในตอนเป็นพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจะสร้างปัญหาในการปกครองกันอยู่เสมอ ถ้าเจ้าอาวาสหรือว่าพระอุปัชฌาย์ผู้คอยดูแลไม่มีความเด็ดขาด รับประกันได้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ มีแต่จะเกิดขึ้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าสมัยนี้สื่อโซเชียลนั้นเร็วมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องการเรตติ้งก็นิมนต์บรรดา "ตัวตึง" เหล่านี้ไปออกรายการ เสร็จแล้วก็ทำให้คนที่ "อยากจะดัง" หรือว่า "อยากจะได้แสง" บ้าง ก็ไปทำตัวอยู่ในลักษณะคล้ายคลึงกัน สร้างความปวดหัวให้แก่พระเถระผู้ต้องรับผิดชอบกันไม่เว้นแต่ละวัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2024 เมื่อ 03:53 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แต่กระผม/อาตมภาพสมัยก่อนนั้นก็ใช้คติที่ว่า "เรารับผิดชอบแก้ไขเฉพาะในขอบเขตอำนาจของเรา" อย่างในปัจจุบันนี้ ขอบเขตที่มีอำนาจก็คือเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน และรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ แต่ถ้าหากว่าได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดแล้ว ถ้าหากว่าเจ้าคณะจังหวัดท่านไม่ปรึกษา หรือว่าไม่มอบหมายงานให้ ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปทำอะไรได้ เหลืออยู่แต่ว่าดูแลวัดของเราให้ดีเท่านั้นเอง
เป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักว่า ถ้าทุกท่านรู้จักหน้าที่ ทำตามหน้าที่ ไม่ทำเกินหน้าที่ และไม่ละทิ้งหน้าที่ อย่างที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านย้ำอยู่เสมอ ๆ สิ่งที่ท่านทั้งหลายรับผิดชอบอยู่ ก็จะไม่มีอะไรก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวมได้ แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเข้าเกียร์ว่าง ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ทำตามหน้าที่ แถมยังทำเกินหน้าที่ หรือละทิ้งหน้าที่เสียอีก ถ้าลักษณะแบบนั้นก็เป็นอันว่าผู้บังคับบัญชาคงจะต้องเหนื่อยยากกันไปอีกนาน..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2024 เมื่อ 03:54 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|