กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 30-03-2010, 16:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ข่าว ก็ไปแอบดูนางวิสาขา ตอนแรกดูไม่ออกเพราะสาวเหมือนกันหมด พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านฉลาด ท่านรู้ว่า คนแก่ร่างกายไม่ดี กำลังไม่พอ เพราะฉะนั้นถ้าคนแก่ลุกขึ้น ต้องเอามือค้ำพื้นเพื่อช่วยยัน ท่านก็ไปเล็งดู และในที่สุดก็เห็นว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์เสร็จแล้ว ในกลุ่มนางวิสาขาพร้อมกับลูกหลาน เวลาลุกขึ้นมีสาวอยู่คนหนึ่งที่ต้องใช้มือยันพื้นก่อน ก็คาดว่าต้องเป็นคนนี้แน่นอน

คราวนี้การพิสูจน์ยังไม่มั่นคง เพราะไม่รู้จักตัวจริง ท่านก็เลยให้เอาช้างไปซุ่มไว้กลางทาง พอถึงช่วงที่เป็นตรอกแคบ แล้วปล่อยช้างวิ่งเข้าใส่ คนอื่นก็วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง คุณยายวิสาขาหันมา เอานิ้วทิ่มหน้าผาก ในอรรถกถาท่านอธิบายละเอียด ท่านบอกว่าจะจับงวงบิดก็เกรงว่าจะเป็นอันตรายแก่ช้างถึงชีวิต ก็เลยแค่เอาสองนิ้วทิ่มหน้าผากไว้ ช้างวิ่งเข้ามาไม่ได้ ติดอยู่แค่นั้น

คราวนี้ในเรื่องของกำลัง ถ้าถามว่าคนในปัจจุบันนั้นมีไหม ? ก็ต้องบอกว่าได้เห็นจากหลวงพ่อวัดท่าซุง คำว่าได้เห็นจากหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ไม่ได้เห็นชัดเจนมาก เป็นการประมวลเอา

อย่างเช่นว่า เวลาท่านรับสังฆทานเรียบร้อย จะกลับกุฏิ เดินลงจากศาลานวราช โยมก็มักจะนั่งเป็นสองแถวให้ท่านเอาไม้เท้าเคาะหัว ท่านจะมีไม้เท้าอะลูมิเนียม ที่มันเป็นรู ๆ เลื่อนได้ หมุนปรับได้ แล้วตอนปลายก็หุ้มยาง

เราจำหน่ายวัตถุมงคลอยู่บนศาลานวราช ก็อยู่ในเหตุการณ์ ท่านก็เคาะ ๆ โยมไปเรื่อย พอเคาะเสร็จ มีโยมคนหนึ่งเอาทิชชูแปะศีรษะไว้ เราก็ถามว่าเป็นอะไร ? เขาบอกว่าเลือดออก หัวแตกเลย ไม้เท้าอะลูมิเนียมเบา ๆ แถมหุ้มยางด้วย แต่หลวงพ่อท่านเคาะโยมจนหัวแตก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2010 เมื่อ 17:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 30-03-2010, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกท่านหนึ่ง หลวงพี่มหาดำ ปัจจุบันคือ ท่านเจ้าคุณโสภณธรรมเวที วัดสุวรรณคีรี (วัดขี้เหล็ก)

หลวงพี่เจ้าคุณดำตอนนั้นท่านยังเป็นพระมหาอยู่ ท่านรักและเคารพหลวงพ่อมาก เวลาได้พบหน้าหลวงพ่อทีไร ท่านจะมักเข้าไปกราบที่อก พอกราบที่อก หลวงพ่อท่านก็โป๊ก..! "เป็นยังไงวะ..ไอ้ดำ ?" หลวงพี่มหาลงไปกราบที่เท้า อาตมา ก็คิดว่าพี่เรานี่เคารพหลวงพ่อจริง ๆ กราบหน้าอกแล้วยังลงไปกราบที่เท้าอีก

พอหลวงพ่อท่านขึ้นกุฏิ ก็ปรารภเรื่องนี้กับท่าน หลวงพี่ท่านบอกว่า "ไอ้บ้า..กูเกือบสลบ..!" หลวงพ่อตบหัวด้วยความเอ็นดู อย่างกับโดนตะลุมพุกทุบหัวเอา ที่ลงไปที่ตีนไม่ได้กราบหรอก แต่ทรุด..!

คราวนี้ที่ชัดที่สุด ปกติอาตมาจะเข้าเวรเฝ้าหน้าห้องหลวงพ่อ ถ้าไม่มีคำสั่งท่านนี่ห้ามคนอื่นเข้าเด็ดขาด มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อท่านเรียก "เฮ้ย..เล็ก เข้ามาหน่อยสิวะ" เข้าไปถึง ท่านก็บอกว่า "ยกออกไปทีซิ..วันนี้รู้สึกกำลังดี เลยลองใช้ดู ดึงสองทีเอง..ขาดเลย..! "

เป็นเครื่องออกกำลังแบบโยก ๆ จะมีสปริงตัวเท่าแขนอยู่สองฝั่ง หลวงพ่อท่านบอกว่า ดึงสองที ทีที่สองขาดเลย แสดงว่าคงจะดึงจนสุด อาตมาก็เอ๋อรับประทาน แบกเครื่องนั้นออกมาด้วยความงง ๆ

ก็เลยมานึกถึงในเรื่องของกำลัง ๗ ช้างสาร ก็คือ กำลังบุญ ตัวเองเป็นคนแก่ ถึงเวลากำลังนั้นจะช่วยพยุงร่างกาย แต่พอไปใช้กับคนอื่นแล้วกลับมีเยอะ ก็คงเหมือนกับช้างแก่ ๆ ไม่มีเรี่ยวแรง แต่พอเดินไปไหนแค่เฉี่ยว ๆ เราก็แทบหมุนไปสามตลบเลย

ดังนั้น..ในเรื่องของกำลัง ๗ ช้างสาร ต้องดูว่าเป็นเรื่องของบุญ ในสมัยนั้นที่ระบุไว้ชัดเจนถึงบุคคลที่มีกำลัง ๗ ช้างสาร ก็มีพระอานนท์ นางวิสาขา นางบุญทาสี และพันธุลเสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 30-03-2010, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วกำลังของพระพุทธเจ้ามีเท่าไร? ต้องไปดูในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก

เมื่อพระพุทธเจ้าฉันสูกรมัททวะของนายจุนทะไปแล้ว ก็เกิดปักขันธิกาพาธ ถ่ายเป็นโลหิต ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าที่มีกำลังเท่ากับช้างเป็นแสนเชือก หมดกำลังเหมือนกับน้ำที่ใส่ตะกร้าแล้วรั่วไปหมด

นั่นขนาดรั่วไปหมดนะ ท่านยังเดินไปถึงกุสินารา ถ้าเป็นพวกเรากำลังหมดจะเดินไหวไหม?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 30-03-2010, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พอดีผมได้ของอะไรบางอย่างมา ชีวิตผมไม่ค่อยจะดี
ตอบ : ก็โยนทิ้งไปเท่านั้นเอง

ถาม : ฝากไว้กับหลวงพ่อองค์หนึ่ง
ตอบ : แล้วจะไปห่วงอะไร ?

ถาม : ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะฝากท่านไว้เฉย ๆ แต่จะไปเอาคืน
ตอบ : กลัวว่าชีวิตจะดีเกินไปใช่ไหม ?

ถาม : หลวงพ่อมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีหรอก ถ้าเรารู้ว่าไม่ดีเพราะอย่างนั้น ถ้าไปเอากลับมา ก็ไม่ดีต่อสิ

ถาม : แล้วควรจะไปไว้ที่ไหนดีครับ ?
ตอบ : ฝากท่านไว้ ก็ฝากยาวไปเลย

ถาม : ฝากยาว ท่านไม่ว่าหรือครับ ?
ตอบ : ฝากลืม หรือไม่ก็บอกท่านว่า ถวายเลยครับ

ถาม : ตอนแรกท่านจะไม่เอาครับ ท่านบอกว่าให้คุยกับทางที่เอามา
ตอบ : คิดว่าพ้นตัวไปแล้วสบายเกิน ก็ไปเอากลับมา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2010 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 31-03-2010, 10:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปซื้อ Twilight มาอ่านตามหลวงพ่อ
ตอบ : อ่านแล้วได้อะไรมาบ้าง ?

จุดใหญ่ใจความ ก็คือ แม้ว่าเขาเองจะเห็นนางเอกเป็นอาหาร แต่เขาก็ยังอดใจไว้ได้ การหักห้ามใจลักษณะนั้นแหละ คือ ศีล แล้วการที่เขาสามารถจะค้นหาสิ่งต่าง ๆ โดยการอนุมานเอาจากกลิ่น หรือสภาพอากาศ ตรงนั้นเป็นทิพจักขุญาณอย่างหนึ่ง

เป็นเราไหวไหมละ ? เธอหอมน่ากินขนาดนั้น แล้วต้องมานั่งเฝ้าอยู่ทุกคืน แมวเฝ้าปลาย่าง แล้วมีกติกาว่าห้ามกินนี่ สุดยอดทรมานจริง ๆ

แต่ถ้าเรามาดูเบลล่า (นางเอกของเรื่อง) เขามีพื้นฐานดีมาก่อน ถ้าเป็นลักษณะของธรรมะ ก็คือ ปุพเพกตปุญญตา สร้างบุญไว้แต่ปางก่อนดี จึงส่งผลดีในชาตินี้ ปกติพอเป็นแวมไพร์ใหม่ ๆ ก็จะกระหายเลือดมากกว่าปกติ แต่เบลล่าเองสามารถหักห้ามใจได้เลย ห้ามได้แบบเด็ดขาดด้วย

ส่วนสำคัญที่สุด ก็คือ เรื่องของรัก โลภ โกรธ หลง มีไม่เว้น แม้แต่พวกผีดิบก็ยังมีเป็นปกติ อยากใหญ่ อยากมีอำนาจ ไม่อยากให้คนอื่นเด่นกว่าตัว มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลงเหมือนกัน

ถาม : แต่นางเอกตอนเป็นมนุษย์...(ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่ใช่..คนปกติใครเขาจะทำอย่างนั้น ต้องบอกว่าเป็นบุพเพสันนิวาส แค่เห็นก็มืออ่อนตีนอ่อน ยอมมอบกายถวายชีวิตแล้ว ต่อให้รู้ว่าพระเอกไม่ใช่คน ก็ไม่เปลี่ยนใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2010 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 31-03-2010, 11:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งที่เย้ายวนใจขนาดนั้นอยู่ตรงหน้า แล้วสามารถหักห้ามใจได้ ถ้าเราทำอย่างนั้นได้ เรื่องการสู้กิเลสก็เป็นเรื่องเล็กมาก ถ้าเรื่องขนาดนั้นยังห้ามใจตัวเองได้ เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านั้นหรอก

ถาม : ใช้กำลังตรงนี้หักห้ามใจ เหมือนกับว่าห้ามทั้งชีวิตเลยนะคะ ต้องใช้กำลังใจสูงมาก เหมือนแทบเอาชีวิตเราไปเลย
ตอบ : เรายังไม่มีประสบการณ์ อาตมาเจอประเภทที่เขาหันหลังไปแล้วน้ำตาไหล เราเองหัวใจจะขาดรอน ๆ ต้องบอกว่าโชคดีที่ไม่เจออย่างนั้น เพราะอาจจะวิ่งตามเขาไปเลย

มาดูถึงตัวเอง เขามาทวงสัญญาจะให้สึก เราก็พยายามหนี โดยอ้างว่า พระไม่สามารถจะอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองได้ เขาก็ไปหาเพื่อนผู้ชายมา ตามไปทุบประตูเรียกมาเจรจา อยากจะบอกว่า ที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะกำลังของครูบาอาจารย์ท่านช่วย

ตอนช่วงนั้นมันเหมือนกับเรารู้ว่า นี่เป็นศึกสงครามครั้งสุดท้าย ถ้าไม่เขาตาย เราก็ตาย..! เหมือนกับกำลังของเราทั้งหมดที่สั่งสมมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนั้นมารวมตัวกันหมด นิ่งสุด ๆ จริง ๆ ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนทั้งน้ำตาขนาดไหนเราก็เฉย..!

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับเป็นหินใหญ่อยู่กลางสายน้ำ ไม่ว่าสายน้ำจะไหลมาอย่างไร มีแต่ต้องแหวกออกข้างไปเอง เราไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก พอปฏิเสธประโยคสุดท้ายออกไป เขาหันหลังร้องไห้ วิ่งหนีไปเลย

เมื่อรู้สึกว่าเขาพ้นจากตรงหน้าแล้ว สมาธิเราก็คลายตัว โอ้โห..คราวนี้เกือบตายเลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับไม่มีกำลังเหลือ ถ้าเขาเหลียวมานิดเดียว เราจะตามเขาไปเลย โชคดีเขาไม่เหลียวมา เขาไปแล้วไปเลย

ปกติเวลาที่เขาขับรถกลับ เขาก็จะต้องผ่านกุฏิ เราก็ไปยืนจ้องตรงหน้าต่าง "ถ้ามองมานิดเดียว จะตามไปเลย" เขาก็ไม่มอง นี่ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ช่วยก็เสร็จไปแล้ว แค่เขาเหลือบมานิดเดียวก็จะตามไปเลย ฉะนั้น..อย่าให้เจออย่างนั้น ถ้าเจอแล้วกำลังไม่พอ..เสร็จแน่..! ตูสะสมกำลังมาสิบกว่าปี พลังวัตรยังไม่พอเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2010 เมื่อ 20:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 31-03-2010, 16:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์มันโดดขึ้นโดดลง
ตอบ : เรื่องปกติ พอถึงเวลาเราเผลอให้กิเลสเข้ามาได้ ก็ต้องหล่น ให้ตั้งหน้าตั้งตาตะกายใหม่ ก็จะขึ้น เหลืออยู่อย่างเดียว คือทำอย่างไรที่เราจะประคองอารมณ์ให้สม่ำเสมอติดต่อกันได้ นั่นเป็นวิธีที่ต้องไปหาทางจัดการเอาเอง

บอกได้...แต่ต้องไปซ้อมเอง ในขณะที่เรากำลังทำอย่างอื่น เอาให้นิ่งได้เหมือนตอนที่เรากำลังปฏิบัติ แรก ๆ ก็ครู่เดียว พอเคลื่อนไหว..เผลอ..ก็ขาดสติ พอเราตั้งใจประคอง นานไป ๆ ก็จะอยู่นานขึ้นเรื่อย ๆ พอได้เป็นเดือนเป็นปี คราวนี้จะมีความสุขมากเลย


ถาม : เมื่อก่อนไม่เป็น ตัวร้าย ๆ มันมาจากไหนก็ไม่รู้
ตอบ : เขาอยู่ข้างใน ยิ่งทำยิ่งละเอียด ยิ่งเห็นหน้าเขาชัดขึ้น คือ ก่อนหน้านี้เรายังไม่เห็น ก่อนหน้านี้เราอาจจะเห็นแค่ต้น พอตัดต้นหมด ลงไปดูรากสิ มีแต่เล็กลงเรื่อย ๆ และเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งละเอียด ก็จะเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่มีอะไร รับรู้แล้วก็วาง รับรู้แล้วก็วาง กิเลสชวนไปทำอะไร ก็อย่าไปทำตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2010 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 31-03-2010, 16:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเรากำหนดรู้จิตของเรา แล้วเราต้องการรู้จิตของคนอื่นด้วย ก็กำหนดรู้เหมือนดูจิตของตนเองใช่ไหมคะ?
ตอบ : ถ้าหากระดับสูงกว่า เสียเวลาไปดู ถ้าท่านปิดก็มืดตื๋อ

ถาม : แล้วถ้าคนทั่ว ๆ ไปล่ะคะ?
ตอบ : ดูเอาไว้เป็นบทเรียนก็พอ การดูจิตที่มีประโยชน์จริง ๆ คือ ดูจิตตัวเอง ดูจะได้รู้ว่ามีกิเลสอะไรอยู่บ้าง แล้วก็แก้ไขได้ ดูจิตของคนอื่น อย่างเก่งก็...เราก็รู้ของเขาเหมือนกันนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 31-03-2010, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อากาศที่ร้อน ฝรั่งเขาบอกว่าเป็นภาวะโลกร้อน แต่ที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ชัดเจนก็คือ การก่อตัวขึ้นของพระอาทิตย์ดวงใหม่ ท่านบอกว่าพระอาทิตย์จะก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งครบ ๗ ดวง ไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลก

พระอาทิตย์ดวงใหม่ที่ก่อตัวขึ้น ตอนนี้มีลักษณะเหมือนพระจันทร์ข้างแรม คือ เป็นเสี้ยวเดียวเท่านั้น ขนาดเสี้ยวเดียวและอยู่ห่างขนาดนั้น ยังเพิ่มความร้อนได้ระดับนี้"


ถาม : ดวงที่สองหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ดวงที่สอง

คราวนี้ในเรื่องของพระอาทิตย์ที่ก่อตัวขึ้น ทางด้านดาราศาสตร์เขาก็รู้ แต่เขารู้ในลักษณะที่ว่าดาวฤกษ์เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขาไม่รู้ว่าที่ก่อตัวขึ้นมาเพื่อจัดการโลกเราโดยเฉพาะ..!

ท่านบอกว่า พอวาระสุดท้ายน้ำทั้งหลายก็แห้งเหือดไป ทุกอย่างมันอยู่ในลักษณะกรอบเกรียม แค่ลมพัด ใบไม้สีกัน ก็เกิดเป็นไฟ คราวนี้ก็ไหม้เลย

เราอยู่ไม่ถึงหรอก ไม่ต้องไปกังวล ยกเว้นทะลึ่งดันไปเกิดใหม่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-03-2010 เมื่อ 23:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 31-03-2010, 20:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราพอเกิดศรัทธา อาจจะโดนหลอกลวงได้ง่าย

อันดับแรก เชื่อง่ายเป็นอธิโมกขศรัทธา โดนหลอกได้ง่าย
อันดับที่สอง สิ่งที่แฝงมาหลอกลวง เขาใช้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา มาหลอกเรา ก็ลักษณะเดียวกับที่กิเลส เขาใช้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ดีที่สุด มาหลอกเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 31-03-2010, 21:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สถานที่หลายแห่งมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ ถ้าหากได้ทิพจักขุญาณจริง ๆ ก็จะเห็น บางทีก็มีท่านทั้งหลายเจริญกรรมฐานอยู่ตรงจุดนั้นบ้าง ทำอะไรตรงนี้บ้าง เราไม่เห็นเขา เราไม่รู้สึกอะไร แต่เขาคงจะรำคาญเราบ้างเหมือนกัน

อย่างพระธาตุอินทร์แขวนในพม่า ก็มีส่วนที่ทับซ้อน แต่ส่วนที่ชัดที่สุด จะเป็นพระธาตุมอละอิต

พระธาตุมอละอิตอยู่ไม่ไกลจากชายแดนไทยมาก แต่ว่าอยู่บนเขาสูง เป็นพระเจดีย์องค์เล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก อยากรู้ว่าใหญ่เท่าไร ถามหลวงตาแสงดูได้ เพราะท่านไปมาแล้ว

สมัยก่อนคนที่จะขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ ไปมือเปล่าได้ จะมีพวกในพื้นที่ทับซ้อนเอาอาหาร เสื้อผ้ามาเตรียมไว้ให้ ถึงเวลาก็ไปกินข้าวกินน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดขาว เดินขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ ที่นั่นอากาศเย็นสบายทุกปี แต่แปลกตรงที่ว่า ฝนตกจากข้างล่างขึ้นข้างบน..!

อันนี้ถ้าหากเราดูกันในแง่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ ก็จะรู้สึกว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องปกติ ฝนตกจากข้างบนลงข้างล่างนั่นแหละ แต่ลมจากภูเขาที่แรงมาก พัดตีหวนขึ้นไปข้างบน ก็เลยกลายเป็นฝนตกจากข้างล่างขึ้นข้างบน

แต่พอมาระยะหลัง คนไร้ศีลไร้ธรรมมีมากเข้า ถึงเวลากลับลงไป เสื้อผ้าก็ไม่คืนเขา กินแล้วเก็บถ้วยชามเขาไปด้วย เขาก็เลยเลิกช่วย รู้สึกว่าเป็นอย่างนี้แทบทุกแห่งเลย เขาทนความโลภของมนุษย์ไม่ได้

อาตมาตั้งท่าไปพระธาตุมอละอิตอยู่หลายครั้ง ปรากฏว่าไม่สำเร็จ คนนำทางพาหลง เอาไว้มีโอกาสค่อยไปใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 03:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 01-04-2010, 01:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องปีชง เชื่อได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเราเชื่อและกังวลใจก็อาการหนัก ถ้าหากว่าไม่เชื่อ มีความมั่นใจในตัวของเราเอง ก็น้อยหน่อย

เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มโนมยา สำเร็จด้วยใจ ถ้าเราไปเชื่อว่าไม่ดี พอไปเจอปีชงเข้า เราก็คิดว่าไม่ดี ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอด ก็เท่ากับว่าไปแช่งตัวเอง ก็จะเป็นไปตามที่เราแช่ง

ถ้าหากกำลังใจของเรามั่นคงในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา มั่นคงในคุณพระรัตนตรัย เรื่องพวกนี้แทบจะกระทบไม่ได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 01-04-2010, 01:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่มีข่าวบอกว่า ค้นพบรอยพระพุทธบาทที่สนามศุภชลาศัย ไม่ทราบว่าเป็นรอยจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : ต้องไปถามคนพบ เรื่องของรอยพระพุทธบาทที่พบ จะจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่สาระสำคัญ สำคัญที่กำลังใจของเราระลึกถึงหรือเปล่า ? ถ้านึกถึงก็เป็นพุทธานุสติ ฉะนั้น..จริงหรือปลอมไม่ใช่สาระ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 01-04-2010, 10:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในขณะที่กำลังสนทนาเรื่องศีลแปด พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของศีล..ถ้าปฏิบัติเข้มงวดไว้แหละดี เพราะว่าถ้าเข้มไว้แล้วหย่อนก็จะพอดี แต่ถ้าหากเราผ่อนตั้งแต่แรก ถึงเวลาแล้วจะยาน

โดยเฉพาะระยะหลัง บางทีพระเห็นเราทำสบาย ๆ ท่านก็สบายด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าของเราที่สบายนี่ เราลำบากมามากแล้ว แต่ของท่านเองยังไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย แล้วก็ไปสบาย ก็แปลว่ากำลังหาเรื่องเดือดร้อน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 15:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 01-04-2010, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในขณะที่พระอาจารย์หยิบใบประกาศการทำบุญของสายพระป่ามาอ่าน ท่านก็กล่าวให้ฟังว่า

"อยากจะบอกอะไรบางเรื่อง ไม่รู้ว่าพวกเราเคยสังเกตหรือเปล่าว่า พระธรรมยุตท่านสามัคคีกลมเกลียวกันดีมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าหากเป็นธรรมยุตแล้ว เขาจะช่วยเหลือกันดี

โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่มรณภาพแล้ว ถ้ามีคนนับถือเป็นจำนวนมาก เขาจะสร้างเจดีย์หรือพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ราคาเป็นร้อยล้านพันล้าน เพื่อบรรจุอัฐิธาตุหรือบริขารของครูบาอาจารย์ไว้ในลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นเครื่องระลึกถึง ให้คนที่ไปถึงแล้วได้กราบไหว้บูชา เหมือนอย่างกับท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือลักษณะการยกย่องครูบาอาจารย์ของพวกเขา ซึ่งต่างจากมหานิกายของเรา

มหานิกายของเราเหมือนกับต่างคนต่างอยู่ ไม่มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้านับแล้วความเจริญในเรื่องของวัตถุ โดยเฉพาะศาสนสถานของธรรมยุต เขาจะดูดีกว่ามาก สมถะก็สมถะเรียบไปเลย แต่ในความเรียบ แฝงเอาไว้ด้วยสารพัดอย่างที่พร้อมจะปรากฏทันที ถ้าหากครูบาสายนั้นท่านอนุญาต เพราะคนเต็มใจที่จะทำให้ แต่ขณะเดียวกัน จะเอาเลิศลอยอย่างวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนารามก็ได้ ราคาไม่ถึงหมื่นล้านก็ใกล้เคียง"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 15:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 01-04-2010, 13:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น..ในส่วนนี้ที่เรามอง จะเห็นว่าการบริหารจัดการของเขาเหนือกว่าเรามาก โดยเฉพาะถ้ามีปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในด้านของธรรมยุต เรื่องจะจบเร็วที่สุดเลย นี่คือการทำงานของเขา

พวกเรามองเห็นตรงนี้ไหม ? ฝากเอาไว้ ถึงเวลาเราควรบริหารจัดการอย่างไร ตัวอย่างมีให้ดูแล้ว โดยเฉพาะความสามัคคีพร้อมเพรียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เส้นสายของเขาถึงกันทุกมุมและทุกประเทศของโลก ขณะที่ของเราต่างคนต่างทำ

พวกเราส่วนใหญ่เห็นกันทุกคน แต่ไม่สามารถเอามาประมวลเป็นเรื่องเดียวกันได้ ก็เลยทำให้ไม่เห็นระบบการทำงานของเขา ในเมื่อเราเห็นแล้วส่วนไหนที่เป็นเรื่องดี ที่เราสามารถทำได้ก็ต้องทำ

อย่างตอนนี้อาตมาก็เริ่มวิ่งช่วยพี่ช่วยน้อง วัดนั้นบ้างวัดนี้บ้าง เพื่อสร้างความกลมเกลียวให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ ถึงเวลาจะได้กลายเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ยิ่งกลุ่มใหญ่มากเท่าไร ก็จะมีพลังในการทำงานเพื่อพระศาสนามากเท่านั้น เพราะฉะนั้น..เรื่องของสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ปัจจุบันนี้ ธรรมยุตเขาสามัคคีกลมเกลียวหนาแน่นกว่าเราเยอะมาก และทันทีที่เห็นว่าจะมีนอกทุ่งนอกท่า นอกคอกออกไป จะทำให้เสียหายถึงชื่อเสียงเมื่อไร เขาตัดทิ้งทันที ไม่มีการเสียดาย เพื่อรักษาส่วนที่ดีไว้ เป็นลักษณะสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต แล้วเรื่องก็จะสงบลงอย่างรวดเร็ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 15:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 01-04-2010, 13:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แม้กระทั่งอาตมาเองก็โตมากับสายพระป่า จุดเปลี่ยนที่มาทางสายมหานิกาย เพราะว่าก่อนสิ้นหลวงปู่ฝั้นสองปี มีโอกาสฝึกปฏิบัติตามสายหลวงพ่อ ปัญหาที่เราสงสัยต่าง ๆ ได้รับคำตอบจากทางด้านนี้หมด เพราะว่าทางสายนั้นเขาให้เราทุ่มเทกับการปฏิบัติจริง ๆ มีปัญหาอะไร ติดขัดแล้วจึงไปสอบถาม

ท่านใช้คำว่า 'ไปทำเอา ไปภาวนาเอา' กว่าจะหาจังหวะ หาเวลาไปปรึกษาท่านในเรื่องอารมณ์ปฏิบัติได้..มันยาก พอมาทางสายหลวงพ่อแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่เราสงสัยทั้งหมดมีคำตอบอยู่ตรงนี้ ก็เลยค่อย ๆ เลี้ยวมาทางนี้โดยไม่รู้ตัว

แต่ขนาดเลี้ยวมาทางนี้แล้ว สองปีแรกก็ยังแขวนเหรียญหลวงปู่ฝั้นอยู่เหรียญเดียว เพราะถือว่าท่านเป็นครูบาอาจารย์คนแรก

มองอะไรอย่ามองผ่านเฉย ๆ มองแล้วคิดวิเคราะห์ด้วย แล้วเราจะได้อะไรอีกเยอะ ถ้ามองผ่านเฉย ๆ อ๋อ..ใบประกาศของเขาทำดี ก็เอาเสียหน่อย ขอทำบุญด้วย เราจะได้มีส่วนด้วย เท่านั้นจบ..! อย่างอื่นก็ไม่เห็น


พวกเราจะกลายเป็นคนเข้าป่าที่ เห็นป่าแต่ไม่เห็นต้นไม้ ป่าประกอบไปด้วยต้นไม้ชนิดใดบ้างก็แยกแยะไม่ออก ต้องซักซ้อมเอาให้มากกว่านี้ ธัมมวิจยะจะได้เจริญ แล้วเราจะได้เห็นว่าเหตุนี้เกิดจากอะไร ? ผลนี้เกิดจากอะไร ? เหตุนี้จะทำให้เกิดผลอะไร ? ผลนี้เกิดจากเหตุไหน ?

ถ้าแยกอย่างนี้ได้ ส่วนที่ดีเราก็สร้างเหตุขึ้นมา..ผลดีก็จะเกิดกับเรา ถ้าส่วนไม่ดี..เราก็ไม่แตะต้องเหตุนั้นผลร้ายก็จะไม่เกิด ก็จะมีแต่ความเจริญในธรรมโดยส่วนเดียว
"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2019 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 01-04-2010, 17:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วเราจะเริ่มมองแบบแยกแยะอย่างไรคะ บางทีไม่รู้ว่าเป็นการแยกแยะหรือเป็นการฟุ้งซ่าน ?
ตอบ : เอาสมาธิเป็นหลัก ถ้าสมาธิทรงตัว ก็ฟุ้งไม่ได้อยู่แล้ว

ถาม : บางทีไม่ทันจะแยก โดนกิเลสมันพาไปเสียก่อน เลยแยกไม่ออก
ตอบ : นั่นเขาเรียกว่า กำลังจะยืนก็ยังไม่มี ก็เลยโดนกระแสน้ำกวาดเอาไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2010 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 02-04-2010, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับพระที่มาฟังธรรมว่า "ถ้าคุณเอาสิ่งที่เขาตั้งใจทำบุญอย่างหนึ่ง ไปทำอีกอย่างหนึ่งโดยพลการ มีโทษเท่ากับย้ายเจดีย์ ลงอเวจีสถานเดียว ถ้าเป็นพระนี่โดนปรับอาบัติหลายชั้น เพราะไปทำศรัทธาเขาให้ตก"

ถาม : เหมือนเรารวบรวมเงินทำบุญอย่างหนึ่งแล้วเอาไปใช้อีกอย่างหนึ่งใช่ไหมคะ ?
ตอบ : นั่นแหละ..เหมือนกัน อย่างเช่นเงินทำบุญกฐิน แต่เอาไปเป็นค่ารถ ค่ากิน พวกนี้โดนไปเต็ม ๆ

ถาม : แล้วถ้ามีคนเขาเชื่อมั่นในเรามาก เขาฝากเงินเราไปทำเฉย ๆ
ตอบ : ถ้าเขาไม่ได้ระบุชัดเจนไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาระบุชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง ต้องทำให้เขาตามนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2010 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว